----แนวโน้มรายได้ 68 โตสองหลัก ต้นทุนลดลง----
Key Point :
คาดรายได้จากสุราข้าวหอมใน 1Q68 สดใส ส่วนเบียร์ตะวันแดงยังมีแนวโน้มขยายตัว ด้านยอดขายรวม 1Q68 อาจอ่อนตัว q-q จากตลาดส่งออกเครื่องดื่มชูกำลัง ขณะที่ในประเทศ Traditional Trade แตะ 28.1% ทำสถิติสูงสุดใหม่ ต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลงหนุน 1Q68 GPM คาดเพิ่มขึ้น 200 bps q-q และ y-y ทางฝ่ายคาดยอดขายปี 68 ที่ 24,954 ลบ. +18.1% และกำไรสุทธิ 3,421 ลบ. +20.3% โดยมีแรงหนุนจากต้นทุนที่ลดลงและมาตรการลดค่าใช้จ่าย คงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาพื้นฐานปี 68 79.50 บาท
บริษัทเผยแนวโน้มรายได้จากการจัดจำหน่ายสุราข้าวหอมใน 1Q68 ดีกว่าคาด ปัจจุบันเดินกำลังการผลิตที่ 60-70% และหากยอดขายยังเติบโต อาจพิจารณาขยายกำลังการผลิตเพิ่มเติม สำหรับเบียร์ตะวันแดง แม้สัดส่วนรายได้ยังน้อยเมื่อเทียบกับยอดขายรวม แต่แนวโน้มการเติบโตยังคงแข็งแกร่ง
คาดว่ายอดขาย 1Q68 อ่อนตัว q-q จากการชะลอตัวของยอดขายต่างประเทศของเครื่องดื่มชูกำลัง ขณะที่ตลาดในประเทศ เดือน ม.ค. ส่วนแบ่งการตลาดลดลงเล็กน้อย 60 bps มาอยู่ที่ 25.4%โดยปริมาณ และในเดือน ก.พ. เพิ่มขึ้น +0.1% เป็น 25.5% โดยเฉพาะช่องทาง Traditional Trade ที่เพิ่มขึ้น +0.5% เป็น 28.1% ทำสถิติสูงสุดใหม่ ขณะที่ช่องทาง Modern Trade อย่าง CVS และ Supermarket มีส่วนแบ่งลดลง -0.3% ตามแผนที่ไม่ได้จัดโปรโมชั่นในช่วง ม.ค.-ก.พ. ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าส่วนแบ่งจะฟื้นตัวในเดือน มี.ค. หลังกลับมาทำโปรโมชั่น
ราคาวัตถุดิบเครื่องดื่มชูกำลัง เช่น เศษแก้วและน้ำตาล ปรับลดลงจาก 4Q67 ประกอบกับมาตรการลดค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง คาดว่า 1Q68 GPM จะเพิ่มขึ้น 200 bps q-q และ y-y หนุนให้กำไรสุทธิมีโอกาสเติบโต q-q และแนวโน้มทั้งปี 68 ทางฝ่ายคาดว่ารายได้รวมจะอยู่ที่ 24,954 ลบ. +18.1% โดยมองแบบ Conservative มองยอดขายโตน้อยกว่า Guidance ที่บริษัทให้ไว้ที่ 25-30% เนื่องจากทางฝ่ายเชื่อว่าการเร่งทวงส่วนแบ่งการตลาดจากคู่แข่งจะทำให้เป้าเติบโตรายได้รวมของ CBG ที่ 30% เป็นเรื่องที่ท้าทาย คาดกำไรสุทธิ 3,421 ลบ. +20.3% จากการที่ต้นทุนวัตถุดิบลดลงและการทำ Cost reduction ของบรรจุภัณฑ์
ประเมินราคาพื้นฐานด้วยวิธี Discounted Cash Flow จาก Free Cash Flow to Equity (FCFE) โดยกำหนดค่า Beta ที่ 1.06 สำหรับปี 2568-2571 และใช้ Adjusted Beta ที่ 1.04 ในปี 2572 เป็นต้นไป โดยมี Required Rate of Return for Equity (re) ที่ 7.8% และ Sustainable growth rate ที่ 1.3% ทางฝ่ายมองว่าภาพการเติบโตของบริษัทยังดูสดใส แม้จะมีการแข่งขันภายในประเทศอยู่บ้าง แต่เชื่อว่ายอดขายจะเติบโตสองหลักได้ และการทำขวดบรรจุภัณฑ์ให้บางลง รวมถึงต้นทุนวัตถุดิบเช่นน้ำตาล เศษแก้วที่ราคาถูกลงจะเป็นปัจจัยบวกสำหรับ CBG เนื่องจากราคาหุ้นปรับตัวลดลงมามาก คงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาพื้นฐานปี 68 ที่ 79.50 บาทต่อหุ้น
อดิสรณ์ มุ่งพาลชล
นักวิเคราะห์การลงทุนด้านหลักทรัพย์ #18577
โทร: +66 2 153 9290 # 489
ภัทร เชื้อนาคะ
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์