News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

25 มี.ค. 2568 08:52:57 303

Market Wrap-Up

SET วันที่ 24 มี.ค.68 ปิด +3.45 จุด อยู่ที่ 1,190.06 จุด มูลค่าการซื้อขาย 23,373 ลบ. รายย่อยซื้อ 728 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 52 ลบ. ต่างชาติขาย 82 ลบ. และสถาบันขาย 698 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 393 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น KBANK,TRUE,CPF,AOT,BBL และยอดขายหุ้น PTT,SCB,ADVANC,TOP,SAWAD มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,292 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ INDIA01,BH,SCC โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 7,354 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 23,804 สัญญา นักลงทุนต่างชาติซื้อพันธบัตรจำนวน 1,056 ลบ.
ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +1.42%, S&P500 +1.76%, Nasdaq +2.27% ได้แรงหนุนจากกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย +4.07% นำโดย Tesla +11.9%, กลุ่มบริการสื่อสาร +2.1% และกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ในตลาดฟิลเดลเฟีย +3% หลังคณะบริหารของ ปธน.ทรัมป์เผยจะใช้ภาษีตอบโต้แบบเจาะจง มากกว่าจะใช้แบบวงกว้าง ตลาดหุ้นยุโรป stoxx600 -0.13% จากแรงขายกลุ่มอาหาร & เครื่องดื่ม -1.4% และโทรคมนาคม -1%

Market View

ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับขึ้น หลัง ปธน.ทรัมป์เผยอาจมีความยืดหยุ่นต่อ ม.ปรับขึ้นภาษีศุลกากรในวันที่ 2 เม.ย. โดยจะยังไม่มีการประกาศภาษีรายกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น รถยนต์, เซมิคอนดักเตอร์ และจะใช้ภาษีตอบโต้แบบเจาะจงกับกลุ่มเป้าหมายราว 15 ประเทศ แทนการปรับขึ้นภาษีแบบวงกว้าง ส่งผลให้นักลงทุนคลายความกังวลต่อภาวะสงครามการค้า ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวานนี้ PMI ภาคการผลิตสหรัฐ มี.ค. อยู่ที่ 49.8 & ก.พ. 52.7 ต่ำสุดในรอบ 7 เดือน แต่ได้แรงหนุนจาก PMI ภาคบริการ มี.ค. ปรับขึ้นอยู่ที่ 54.3 & ก.พ. 51.0 สูงสุดในรอบ 3 เดือน

สัปดาห์นี้ติดตามถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด, ยอคขายบ้านใหม่ ก.พ., US GDP Q4/67 และ US PCE ก.พ.

ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ -0.13% จากแรงชายกลุ่มอาหาร & เครื่องดื่ม, โทรคมนาคม ขณะที่กลุ่มเหมืองแร่ปรับขึ้นตามราคาทองแดง ที่มีการเร่งนำเข้าก่อนจะถูกสหรัฐปรับขึ้นภาษี ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจนั้น PMI ภาคการผลิตยูโรโซน มี.ค. ปรับขึ้นอยู่ที่ 48.7 & ก.พ. 47.6 แต่ PMI ภาคบริการยูโรโซน มี.ค. ลดลงอยู่ที่ 50.4 & ก.พ. 50.6 สัปดาห์นี้ติดตามข้อมูล CPI & PPI อังกฤษ ก.พ. และ GDP อังกฤษ Q4/67
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้ +0.15%, ฮั่งเส็ง +0.91% หลัง ปธน.ทรัมป์เผยใช้ความยืดหยุ่นต่อการเก็บภาษีแบบตอบโต้ในวันที่ 2 เม.ย. และเตรียมเจรจากับจีน หลังถูกจีนเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐ เพื่อตอบโต้สหรัฐที่เรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ขณะที่ดัชนีนิเกอิเช้านี้ +1.2% รับข่าวสหรัฐจะเรียกเก็บภาษีแบบเจาะจงมากกว่าแบบวงกว้าง สัปดาห์นี้ติดตามข้อมูลกำไรภาคอุต ฯ จีน ก.พ. และ Tokyo CPI มี.ค.
SET +0.29% ปริมาณการซื้อขาย 2.3 หมื่น ลบ. รายย่อยซื้อ 728 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 52 ลบ. สถาบันขาย 698 ลบ. และต่างชาติขาย 82 ลบ. โดยดัชนีได้แรงหนุนจากกลุ่มไอซีที นำโดย TRUE,ADVANC ที่คาดจะได้ประโยชน์จากการประมูลคลื่นความถี่ ซึ่งต้นทุนการประมูลคาดจะอยู่ในระดับต่ำ แม้ว่าทาง กสทช.จะสั่งให้ทบทวนเกณฑ์การประมูลคลื่นใหม่ ส่วนกลุ่มพลังงานก็ปรับขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ หลังอิสราเอลได้โจมตีกลุ่มฮามาสอีกครั้ง ส่งผลให้ข้อตกลงหยุดยิงยุติลง กอปรสหรัฐเตรียมคว่ำบาตรรัสเซีย และจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าที่ 25% กับประเทศที่ซื้อน้ำมัน & ก๊าซจากเวเนซุเอลา โดยภาพรวม Volume การซื้อขายของตลาดชะลอตัวอยู่ที่ 2.3 หมื่น ลบ. ระหว่างรอประเมินผลกระทบจาก ม.ปรับขึ้นภาษีศุลกากรของสหรัฐในวันที่ 2 เม.ย. ซึ่งมีแนวโน้มผ่อนคลายลง หลัง ปธน.ทรัมป์เผยจะใช้ ม.ภาษีตอบโต้แบบเจาะจงกลุ่มเป้าหมาย และยังไม่ประกาศขึ้นภาษีรายอุตสาหกรรม ขณะที่ปัจจัยในประเทศติดตามการอภิปรายไม่วางใจนายก ฯ ซึ่งจะมีการลงมติในวันพรุ่งนี้

Daily Strategy

ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,180 แนวต้าน 1,200 – 1,205 โดยเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวของ SET หลัง Valuation อยู่ในโซนถูกเทรดที่ F/PE 3X กอปรกับ ปธน.ทรัมป์เผยจะยืดหยุ่นต่อ ม.ปรับขึ้นภาษีศุลกากร แนะนำทยอยซื้อ KTB,TTB,TISCO,KKP มีอัตราจ่ายเงินปันผลสูง/ PTT, PTG, OR หลัง กบง.ลดราคาน้ำมันเบนซิน-ดีเซล 1 บาท/ลิตรในช่วงสงกรานต์ / กลุ่มส่งออกอาหาร FM, AAI ได้แรงหนุนจากการเร่งนำเข้าสินค้า
SNNP* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 15.40 บาท) บริษัทรานงานกำไรสุทธิ 4Q67 ที่ 168 บาท เติบโตเล็กน้อย QoQ, YoY หนุนจากช่วง high season ยอดขายในตลาดไทยเติบโตได้ดี ช่วยหนุนภาพรวม GP ส่วนตลาดเวียดนามยังชะลอ รวมทั้งปี 67 มีกำไรสุทธิ 651 ล้านบาท +2%YoY สำหรับปี 68 ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้รวม +15%YoY จากการเติบโตในประเทศ +10%YoY โดยออกสินค้าใหม่กลุ่ม Beverage แบรนด์ Magic X (น้ำผลไม้ผสมวุ้นมะพร้าว) และแบรนด์เจเล่รสชาติใหม่ ส่วนต่างประเทศ +25%YoY จะมาจากรายได้ในเวียดนามจะกลับมาเติบโตเท่าปี 66 หลังปรับโครงสร้างกับ distributor เสร็จแล้ว และคาดการณ์ GPM ในระดับ 30% ทั้งนี้ consensus คาดกำไรสุทธิปี 68 ที่ 717 ล้านบาท (+10%YoY) และปี 69 ที่ 788 ล้านบาท (+10%YoY)
NSL* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 83บาท) กำไรสุทธิ 4Q67 อยู่ที่ 147 ลบ. +44%YoY +9%QoQหนุนด้วย High Season, ม.กระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯหนุนกำลังซื้อผู้บริโภค รวมถึงสินค้าใหม่ๆยังตาม trend เช่น ข้าวโพดอบชีสเบคอน,ช็อกโกแลตดูไบ(Bake a Wish) ส่วนปี68 คาดว่าจะมีปัจจัยบวกต่อเนื่องจากโรงงานใหม่ที่พึ่งเสร็จสิ้นใน 4Q67(NSL FOODS สาขา5)รวมถึงการออกสินค้าใหม่ๆ ซึ่ง 1Q68 จะมีสินค้าใหม่ เช่น ช็อกโกแลตโมจิทาร์ต, โรตีข้าวโพดชีส เป็นต้น โดย NSL วางเป้ารายได้ปี68 โตราว +16-17%YoY ทั้งนี้ตลาดคาดว่าปี68 และ69 กำไรสุทธิของ NSL* จะอยู่ที่ระดับ 602 ลบ. (+11%YoY) และ 679 ลบ.(+13%YoY)

Daily Key Factors

Oil Update(+) WTI พ.ค. +$0.83 อยู่ที่ $69.11 / บาร์เรล, Brent พ.ค. +$0.84 อยู่ที่ $73.00/บาร์เรล หลังสหรัฐจะเรียกเก็บภาษีศุลกากรที่ 25% กับประเทศที่มีการซื้อขายน้ำมัน & ก๊าซกับเวเนซูเอลาในวันที่ 2 เม.ย. และให้บริษัทเชฟรอนยุติการดำเนินงานด้านน้ำมัน และการส่งออกน้ำมันจากเวเนซูเอลาภายในเวลา 30 วัน

Gold Update(-) Comex Gold เม.ย.-$5.80 อยู่ที่ $3,015.60 /ออนซ์ ถูกกดดันจาก Dollar Index แข็งค่า +0.16% อยู่ที่ 104.258 หลัง ปธน.ทรัมป์มีท่าทีผ่อนคลายเกี่ยวกับ ม.ปรับขึ้นภาษีศุลกากรในวันที่ 2 เม.ย.

Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -16.33 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -2.42 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -9.71 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -4.20 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 33.96 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.337 %

(+) ดัชนี BDI วานนี้ +9 จุด อยู่ที่ 1,652

(+) BitCoinเช้านี้ +2.14% อยู่ที่ 87,398 ดอลลาร์สหรัฐ

Economic Calendar

ในประเทศ

31 มี.ค. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย

สัปดาห์ที3 ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วน

ยานยนต์

สัปดาห์ที4 กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ

สศอ.แถลงดัชนีอุตสาหกรรม

สศค.รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค, ดัชนี

ความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค

ต่างประเทศ

24 มี.ค. US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต (มี.ค.)

US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ (มี.ค.)

25 มี.ค. US รายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากซีบี (มี.ค.)

US ยอดขายบ้านใหม่ (ก.พ.)

27 มี.ค. US ดัชนีจีดีพี (ไตรมาสต่อไตรมาส) (ไตรมาส 4)

US การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของ FOMC

US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

27 มี.ค. US ดัชนีราคาด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE Price Index (ก.พ.)

Theme Strategy

Theme หุ้นเด่น 1H68 เน้น หุ้นในธุรกิจใหม่ที่เป็น Trend ในอนาคต อย่าง Data Center รวมถึงหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรปกติ 4Q67-1Q68 คาดออกมาดี และ หุ้นที่รับความผันผวนได้ดีจากความเสี่ยง Trade War/ธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย

(1) กลุ่มธนาคารที่มี Sentiment บวกจากธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย/มี Yield สูง BBL, KTB, KBANK, TISCO*, TTB*

(2) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CRC, NSL*, TNP*, OSP*

(3) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, SKR

(4) กลุ่มมีโอกาสเกี่ยวข้องกับการลงทุน Data Center/ธุรกิจ Trend อนาคต ADVANC,INTUCH*,TRUE,GULF*,AMATA

(5) กลุ่มสินค้า IT ที่ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี(เช่น AI function/ 4G to 5G) SYNEX*, ADVICE*, SIS*

(6) กลุ่มที่มี Sentiment บวกจาก Entertainment Complex BTS*, VGI*, MBK*, BA

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

Today Fundamental Research: -

Monthly Portfolio February 2025: CPALL, SYNEX*, KLINIQ, SHR*, TEGH*

Analysts

Apichai Raomanachai