----คาดกำไรปกติปี 6 8-69 ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง-----
เป้าหมายปี 2568 - ผู้บริหารตั้งเป้าหมายให้รายได้เติบโต 5-7% ในปีนี้ (เทียบกับคาดการณ์ของเราที่ 7%) โดยการเติบโตจะได้รับแรงหนุนจากธุรกิจค้าปลีกและโรงแรม ขณะที่รายได้จากธุรกิจที่อยู่อาศัยคาดว่าจะอยู่ในระดับเดียวกับปีที่แล้ว นอกจากนี้ CPN ตั้งเป้ารักษาอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) ไว้ที่ไม่น้อยกว่า 15% และมีแผนจ่ายเงินปันผลในระดับไม่น้อยกว่าปีก่อนที่ 2.10 บาทต่อหุ้น

แผนระยะ 5 ปี - บริษัทตั้งเป้ารายได้โตเฉลี่ย 10% ในช่วงปี 2068-2572 มาจากทุกกลุ่มธุรกิจ โดยคาดสัดส่วนรายได้จากธุรกิจที่ไม่ใช้ธุรกิจให้เช่าพื้นที่ค้าปลีกเพิ่มเป็น 25 - 25% ภายในปี 2572 (จาก 19% ของรายได้รวมในปี 2567)สำหรับธุรกิจให้เช่าพื้นที่ค้าปลีก ตั้งเป้าเพิ่มพื้นที่ให้เช่า (NLA) ประมาณ 100,000 ตารางเมตรต่อปี ด้วยการเปิดศูนย์การค้าใหม่ปีละ 2-3 แห่ง ด้านเงินลงทุนตั้งงบประมาณไว้ที่ 1.2 แสนล้านบาทใน 5 ปีข้างหน้า (ประมาณ 2.4 หมื่นล้านบาทต่อปี) โดยหลักมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน และบางส่วนมาจากการกู้ยืม

เปิดโครงการใหม่ 3 แห่งในปี 2568 โดยจะเปิด Marketplace (คอมมูนิตี้มอลล์ ) ที่ถนนเทพารักษ์ ในวันที่ 28 มี.ค.68, Central Park ในเดือนส.ค.68 และCentral กระบี่ในเดือนต.ค.68 แม้ว่าจะมีความกังวลเกี่ยวกับการแข่งขันจากOne Bangkok แต่ CPN ยืนยันว่าความคืบหน้าในการปล่อยเช่าพื้นที่ค้าปลีกที่Central Park มีมากกว่า 85% แล้วและคาดว่าจะเกิน 90% ภายในสิ้นปีนี้ ส่วนพื้นที่อาคารสำนักงานของ Central Park อัตราการปล่อยเช่ามีมากกว่า40% แล้ว และอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้เช่ารายอื่น ๆ ซึ่งผู้บริหารไม่ได้มีความกังวลมากนัก เพราะโครงการอยู่ในทำเลที่ดี โดยมีทั้งรถไฟฟ้า BTS และMRT

จะเปิดโครงการใหม่ 3 แห่งในปี 2569 ได้แก่ Central Northville, Central ขอนแก่นแคมปัส และCentralพหลโยธิน พร้อมทั้งขยายโซนลักซ์ชัวรีใหม่ที่Central ภูเก็ต ทั้งนี้ Central ขอนแก่น แคมปัส จะเป็นศูนย์การค้าแห่งที่สองของบริษัทในจังหวัดขอนแก่น

มีแผนปรับปรุงและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในหลายโครงการที่มีอยู่แล้ว เช่น ปิ่นเกล้า, แจ้งวัฒนะ, เชียงใหม่แอร์พอร์ต และบางนา ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2568 และปี 2569

ตั้งเป้าเปิดโครงการทีัพักอาศัยใหม่ 10 โครงการในปี 2568 - มูลค่ารวม 1.75 หมื่นล้านบาท โดยมีทั้งคอนโดและบ้านแนวราบ ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้จากการขายที่พักอาศัยปีนี้ทรงตัวเท่ากับปี 67 ที่ 6.2 พันล้านบาท แต่ในประมาณการเราให้ไว้ที่ 5.5 พันล้านบาทเนื่องจากกำลังซื้อที่พักอาศัยยังซบเซา

คงคำแนะนำซือให้ราคาพื้นฐาน 70 บาท้ (DCF) โดยคาดการณ์กำไรปกติปี 2568 เติบโต 2% และขยายตัวต่อ 7%ในปี 2569 ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 17.4 พันล้านบาท และ18.6 พันล้านบาท ตามลำดับ คาดการณ์หนี้สินสุทธิต่อทุนลดเป็น 0.45 เท่าในสิ้นปี 2568 (จาก 0.58 เท่าในสิ้นปี 2567)

นักวิเคราะห์ : พงศ์ภัทร สิริพิพัฒน์ : pongpats@dbs.com : Tel. 02 857 7825