AT THE OPEN (#ATO)
SET Index ลุ้นฟื้นตามกรอบ 1180-1200
กลยุทธ์เลือกหุ้น Window Dressing
Market Strategy
SET Index ลุ้นฟื้นตามกรอบ 1180-1200 จุด ความกังวลต่อภาษีตอบโต้ผ่อนคลายลง แต่ยังเป็นปัจจัยที่อาจกลับมาสร้างความผันผวนในระยะนี้ได้ ขณะที่ในประเทศเชื่อว่าโอกาสเกิด Window Dressing ในช่วงที่เหลือ 1Q68 มีสูง ส่วนในช่วงต้นสัปดาห์ (24-26 มี.ค.) การอภิปรายอยู่ในความสนใจแต่เชื่อว่าไม่ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแกนนำรัฐบาล หุ้นเด่นเลือก HMPRO และ ADVANC
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กลับมายืนในแดนบวก +0.1% หลังจากติดลบช่วงแรก โดยแรงหนุนมาจากความกังวลต่อภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ จะไม่รุนแรงอย่างที่หลายฝ่ายกังวล หลังจากคุณทรัมป์ เผยการใช้มาตรการจะมีความยืดหยุ่น แต่เตรียมประกาศรายละเอียด 2 เม.ย. ตามเดิม ด้าน WSJ รายงานเพิ่มเติมว่าการขึ้นภาษีตอบโต้จะไม่รวมในบางอุตสาหกรรม สถานการณ์ข้างต้นที่ดูผ่อนคลายลงบ้าง แต่ต้องติดตามความคืบหน้าระหว่างสัปดาห์ ซึ่งถือเป็นช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการบังคับใช้มาตรการ ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มความ ผันผวนต่อตลาดหุ้นโลกและ SET Index แต่เชื่อว่า Downside ในการลงจำกัด (ไม่หลุด 1160 จุด) บนสมมติฐานไม่ได้มีการประกาศมาตรการภาษีเลวร้ายกว่าเดิม
การรายงานตัวเลขส่งออกเดือน ก.พ. ขยายตัว 14%YoY มากกว่าตลาดคาด 8%YoY โดยตลาดหลักที่ส่งออกดี คือ สหรัฐฯ 18%YoY และจีน 22%YoY จากความไม่แน่นอนภาษีของสหรัฐฯ ขณะที่กลุ่มที่ส่งออกเด่น คือ กลุ่มอิเล็คทรอนิกส์เช่น Hard disk drive ที่ขยายตัว 45%YoY กลุ่มอุตสาหกรรมเกษตร เช่น ไก่สดไก่แช่แข็งขยายตัว 8%YoY กลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงขยายตัว 14%YoY ยางพาราขยายตัว 36%YoY การส่งออกที่ขยายตัวดีทำให้ 2M68 ขยายตัว +13.8%YoY กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าทั้งปี 68 ขยายตัว 3.5%YoY โดยปัจจัยเสี่ยงคือความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าสหรัฐฯ และมาตรการตอบโต้จากประเทศอื่นๆ สำหรับหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการส่งออกรอบนี้ เช่น CCET ITC AAI CPF และ STA แต่อย่างไรก็ตาม แนะนำในระยะถัดไปยังมีความเสี่ยงภาษีตอบโต้ที่สหรัฐฯ เตรียมประกาศในวันที่ 2 เม.ย. 68 รออยู่ทำให้การ Trading ด้วยความระมัดระวัง โดยเรามองกลุ่มส่งออกสินค้าเกษตรฯ จะมึความเสี่ยงต่ำกว่าเมื่อเทียบกับสินค้าอุตสาหกรรม
Market Summary
SET Index ปรับขึ้น 4.90 จุดหรือ +0.4% กลุ่มที่ Outperform คือ กลุ่มพลังงาน PTT +3.3% หลังประกาศซื้อหุ้นคืน กลุ่มส่งออกที่ได้แรงหนุนจากตัวเลขส่งออกเดือน ก.พ.ขยายตัวดีกว่าคาด กลุ่มส่งออกอาหารสัตว์ ITC +2.5% AAI +1% กลุ่มส่งออกไก่ CPF +2.1% BTG +1% TFG +1.4% กลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ CCET +2.5% กลุ่มธนาคาร KTB +2.1% TTB +1% จากมีข่าวเรื่องการควบรวมแต่ธนาคารได้ออกมาปฏิเสธแล้ว ส่วนกลุ่มที่ปรับลงสวนทาง กลุ่มโรงพยาบาล -2% กลุ่มอสังหาฯ จากแรงขายทำกำไรหลังฟื้นตัวจาก LTV ORI -6% ANAN -11% SPALI -2.9%
DAILY Stock Pick
ADVANC
เติบโตเด่นในปี 68
คาดการประมูลคลื่นผ่านไปด้วยดี
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 312.00
เราคาดกำไรเติบโตถึง +12%YoY ในปี 68 ตามการเติบโตของรายได้ +4.6%YoY, ประหยัดต้นทุนคลื่น และ ดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง ณ ราคาปัจจุบัน คิดเป็น PE68 18.4 เท่า (-0.3SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) และมีอัตราเงินปันผลปี 68 ที่ 5.4%
CFO คาดความเสี่ยงการประมูลอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจาก 1.) ทั้ง 2 บริษัท ต้องการรักษาคลื่นเดิมที่ใช้งานอยู่ 2.) อุปทานคลื่นที่ค่อนข้างมาก 3.) ADVANC สนใจคลื่น 1800/2100 MHz รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการประมูลคาด ชัดเจนขึ้นในเดือน เม.ย. 68 อีกทั้งการประมูลเกิดขึ้นใน 2Q68
WEEKLY Stock Pick
HMPRO
เป้าหมาย Window Dressing ปันผลสูง ชะลอ Downside
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 10.20 บาท
เราคาดว่า SSSG ฟื้นตัวจากฐานที่ต่ำ ขณะที่การเร่งขยายสาขาจะช่วยหนุนการเติบโตของยอดขาย อัตรากำไรขั้นต้นคงอยู่ในระดับสูง โดยเพิ่มสัดส่วนสินค้ากลุ่ม private label หนุนให้กำไรปี 68 เติบโต 5%YoY ณ ราคาปัจจุบัน คิดเป็น PE68 14.8 เท่า (-2SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) โดยบริษัทประกาศจ่ายปันผล 0.25 บาทต่อหุ้น (คิดเป็นอัตราเงินปันผล 3%) ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 22 เม.ย. 68 ช่วยลด Downside ของราคาหุ้น
เราคาดว่า HMPRO เป็นเป้าหมายของกองทุนในการทำ Window Dressing ในสัปดาห์นี้ โดย กองทุนที่มีนโยบายลงทุนหุ้นไทย ถือ HMPRO ติด 30 หุ้นที่กองทุนที่มีนโยบายลงทุนหุ้นไทยถือ (เรียงตาม NAV) ถ้าพิจารณาเพิ่มเติม HMPRO ถูกซื้อขายที่ -2SD อยู่ในระดับต่ำ เมื่อเทียบกับหุ้น 30 ตัวแรกที่กองทุนที่มีนโยบายลงทุนหุ้นไทยถือ
KEY FACTOR
ตัวเลขส่งออกไทยเดือน ก.พ. (รายงานเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา)ขยายตัว +14.0% YoY (หากพิจารณาเฉพาะ Real sector ไม่รวมทองคำ น้ำมัน และ อาวุธ พบว่าขยายตัวเด่น +14.6% YoY) สูงกว่าที่ Consensus คาดไว้ +8.0% YoY อย่างมีนัยสำคัญ ได้แรงหนุนจากการผลิตทั่วโลกที่ฟื้นตัว (ตลาดส่งออกหลัก สหรัฐฯ จีน ขยายตัวได้ดี) และอีกส่วนหนึ่งคาดว่ามาจากการเร่งนำเข้าของประเทศคู่ค้าก่อนสหรัฐฯ ปรับขึ้นภาษีในเดือน เม.ย. โดยรายกลุ่มสินค้า 1) เกษตร -1.6% และ อุตสาหกรรมเกษตร +9.9% (ยางพารา +35.7% 2) เนื้อไก่ +9.3% อาหารสัตว์เลี้ยง +14.4% ส่วนสินค้าที่หดตัว ข้าว -34.3% 3) อุตสาหกรรม +17.2% (สินค้าที่ขยายตัวเด่น นำโดย รถยนต์และส่วนประกอบ +4.5% ผลิตภัณฑ์ยาง +16.9% ส่วนสินค้าที่หดตัว นำโดย เหล็ก –13.2%
วันนี้จะมีการเจรจาสันติภาพรอบใหม่ที่จะจัดขึ้นที่ซาอุฯ โดยจะมีทั้ง สหรัฐฯ รัสเซีย และ ยูเครน เข้าร่วม ซึ่งประเด็นที่ยังคุยกันไม่ลงตัวก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 1) สหรัฐฯ-รัสเซีย ต้องการแบ่งทรัพยากรและดินแดนของยูเครน 2) ยูเครน และประเทศยุโรป ยังไม่มั่นใจว่าจะเกิดการยุติสงครามที่ยั่งยืน
EYES ON
ในสัปดาห์ : สถานการณ์สงครามการค้าก่อนสหรัฐฯ ขึ้นภาษีตอบโต้
24 มี.ค. : S&P Global PMI ของหสัรฐฯ, HCOB PMI ของ Eurozone
25 มี.ค. : ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯ
25 มี.ค. : ดัชนี PCE เดือน ก.พ. ของสหรัฐฯ
นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ, ออมทรัพย์ โง้วศิริ