Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

453

Market Wrap-Up

  • SET วันที่ 18 มี.ค.68 ปิด +5.97 จุด อยู่ที่ 1,176.17 จุด มูลค่าการซื้อขาย 39,013 ลบ. ต่างชาติซื้อ 886 ลบ.  พอร์ตโบรกซื้อ 157 ลบ. สถาบันขาย 434 ลบ. และรายย่อยขาย 608 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 1,859 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น BBL,ADVANC,GULF,TISCO,SCB และยอดขายหุ้น PTT,PTTGC,SCC,BDMS,BH มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,920 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ INDIA01,TAIWANHD13,TAIWANAI13 โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 3,198 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 28,136 สัญญา นักลงทุนต่างชาติซื้อพันธบัตรจำนวน 2,245 ลบ.
  • ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -0.62%, S&P500 -1.07%, Nasdaq -1.71% จากแรงชายกลุ่มบริการสื่อสาร -2.14%, สินค้าฟุ่มเฟือย -1.9% นำโดย Alphabet -2.2%,Nvidia -3.3% และ Tesla -5.3% ซึ่งเป็นการขายปรับพอร์ตก่อนทราบผลการประชุมเฟดค่ำวันนี้ ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.61% ได้แรงหนุนจากกลุ่มธนาคาร, พลังงาน, ยานยนต์ และกลาโหม หลังสภาผู้แทนราษฎรเยอรมันอนุมัติแผนการใช้จ่าย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ  

Market View

  • ตลาดหุ้นสหรัฐปรับลดลงจากแรงชายกลุ่มเทคโนโลยี & สินค้าฟุ่มเฟือย ก่อนการประชุมเฟดค่ำวันนี้ ซึ่งตลาดคาดเฟดจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 4.25 – 4.5% และฟังถ้อยแถลงของ ปธ.เฟด ต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ รวมถึงผลกระทบจาก ม.ปรับขึ้นภาษีศุลกากรของ ปธน.ทรัมป์ ซึ่ง Fed Dot Plot ธ.ค. ที่ผ่านมาคาดจะลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้, คาด US GDP ปีนี้ที่ 2.1%, เงินเฟ้อปีนี้คาดที่ 2.5% และอัตราว่างงานคาดที่ 4.3% ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวานนี้ดัชนีราคานำเข้า ก.พ. +0.4% สูงกว่าคาด -0.1% MoM เป็นผลจากต้นทุนสินค้าอุปโภคสูงขึ้น
  • ตลาดยุโรปวานนี้ปรับขึ้น หลังสภาผู้แทน ฯ เยอรมันได้อนุมัติแผนการใช้จ่าย ด้วยการเพิ่มงบด้านกลาโหม, ผ่อนปรน ม.จำกัดหนี้ และตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 5 แสน ล.ยูโร โดยรอการอนุมัติจากผ่านวุฒิสภาในวันศุกร์นี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเยอรมันที่หดตัวในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ขณะที่นักลงทุนยังรอผลการประชุมระหว่างสหรัฐกับรัสเซีย เพื่อทำข้อตกลงสันติภาพระหว่างรัสเซีย – ยูเครน ส่วนวันพรุ่งนี้ติดตามผลการประชุม BOE ของอังกฤษ ซึ่งคาดจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 4.5 % และคาด BOE มีโอกาสลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้
  • ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ปรับขึ้น นำโดยดัชนีเซียงไฮ้ +0.11%, ฮั่งเส็ง +2.46% หลังข้อมูลเศรษฐกิจจีน เช่น ยอดค้าปลีก, ผลผลิตภาคอุตฯ, การลงทุนสินทรัพย์ถาวร ก.พ. ปรับดีขึ้น กอปรกับกลุ่ม E-Commerce จีน คาดยอดขายปีนี้จะเติบโตได้ดี จากการใช้งานระบบ AI รวมถึงการเปิดตัวของโมเดล AI รุ่นใหม่ ๆ ส่วนดัชนีนิเกอิวานนี้ +1.2% ได้ปัจจัยหนุน หลังวอร์เรน บัฟเฟตต์ได้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในบริษัทเทรดดิ้งใหญ่ 5 แห่งของญี่ปุ่น โดยวันนี้ติดตามผลการประชุม BOJ คาดจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 0.5% และช่วงเวลาที่ BOJ จะปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อในปีนี้
  • ดัชนี SET วานนี้ +0.51% ปริมาณการซื้อขาย 3.9 หมื่น ลบ. ต่างชาติซื้อ 886 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 157 ลบ. สถาบันขาย 434 ลบ. และรายย่อยขาย 608 ลบ. โดยดัชนีได้แรงหนุนจากกลุ่มอิเล็ก ฯ +2.3% ฟื้นตัวตามกลุ่มเทคโนโลยีในตลาดเอเขีย และกลุ่มธนาคาร +1.3% อยู่ระหว่างรอการจ่ายเงินปันผลในช่วง เม.ย. ที่มีอัตรา Dividend Yield สูงเฉลี่ย 5% ส่วนกลุ่มไอซีที, ประกัน, รพ. ก็มีแรงซื้สะสม เนื่องจากเป็นกลุ่มปลอดภัย ในช่วงที่ยังมีความไม่แน่นอนต่อนโยบายการค้าของสหรัฐ โดยวานนี้ตลาดหุ้น & พันธบัตรไทยได้แรงซื้อจากต่างชาติ หลังค่าเงินบาทวานนี้แข็งค่าอยู่ที่ 33.59 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนปัจจัยต่างประเทศยังรอผลการประชุม FED, BOJ และ BOE ขณะที่ผลการประขุม ครม.วานนี้ยังไม่มี ม.กระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม และปัจจัยการเมืองในประเทศ ยังรอสรุปวันที่จะเริ่มอภิปรายไม่ไว้วางใจนายก ฯ   

 Daily Strategy

  • ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,160 – 1,170 แนวต้าน 1,180 – 1,190 คาดดัชนีทรงตัว เนื่องจากปัจจุบันเทรดในโซนถูกที่ F/PE 3X และช่วงค่ำวันนี้ยังรอผลการประชุมเฟด แนะนำทยอยซื้อ KBANK,KTB,KKP ที่จ่ายเงินปันผลสูง/ GULF,INTUCH,INSET, SYNEX, ILINK ได้ประโยชน์จากการลงทุน Data Center & Cloud Services/ พักเงินในกลุ่มปลอดภัย เช่น BLA,TLI, BH, BDMS, BTG, SNNP
  • SINGER* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 8.50) แนวโน้มผลประกอบการปี 68 มีปัจจัยหนุนจากการปรับกลยุทธ์เน้นปล่อยสินเชื่อ Lock phone ซึ่งให้ผลตอบแทนสูงกว่าสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ (C4C) และยังมีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำด้วย NPL ที่ไม่ถึง 1% ปัจจุบันสัดส่วนสินเชื่อ Lock phone อยู่ที่ 18% ของทั้งหมด โดยตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อ 8 พันล้านบาท จากปีก่อนการปล่อยสินเชื่อ Lock Phone อยู่ที่ 2 พันล้านบาท เพื่อขยายสัดส่วนเป็น 40-50% ในปีนี้ ส่วนแหล่งเงินทุนส่วนหนึ่งมาจากกระแสเงินสด และจะมาจากการออกหุ้นกู้ใหม่ประมาณ 500-1,000 ล้านบาท ส่วนประเด็นบวกอื่นที่ทำให้กำไรดีขึ้นทันทีมาจากภาระดอกเบี้ยจ่ายหุ้นกู้ที่ลดลง ค่าใช้จ่าย onetime ลดลงจากการเคลียร์สต็อกสินค้ามือสอง และการปิดคลังสินค้า ส่วนใหญ่เหลือสินค้าที่เป็นตู้น้ำมันซึ่งยังสามารถติดตั้งตู้เพิ่มและสร้างรายได้ต่อเนื่อง ทั้งนี้อิงจาก consensus ตลาดคาดกำไรปี 68 ที่ 334 ล้านบาท โตหลายเท่าจากฐานต่ำปีก่อนที่กำไรสุทธิ 14 ล้านบาท
  • BDMS (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย00 บาท) กำไรสุทธิ 4Q67 อยู่ที่ 4,333ลบ. (+9.64%YoY, +2.04%QoQ) หนุนจากรายได้ผู้ป่วยต่างชาติ(รวม +10% นำโดยการ์ตา +56%YoY/ จีน +34%YoY/USA +29%YoY) ด้านU-rate IPD ของ4Q67แม้ปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ62% แต่ยังคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายได้ดี ประจวบกับรายได้อื่นที่สูงขึ้นจาก Mövenpick BDMS Wellness Resort และมี Tax Credit ส่งผลให้ GPM และNPM สูงขึ้น YoY QoQ ส่วน 1Q68 แม้มีปัจจัยกดดันจาก 1.ประกันรูปแบบ Co-pay ตั้งแต่ 20 มี.ค.68 และ 2.รอมฎอนในช่วง 28ก.พ.-29มี.ค.68 อย่างไรก็ตาม คาดว่าการดำเนินงานจะยังสามารถอยู่ในเกณฑ์ดีได้จากร.พ.ในต่างจังหวัดที่ทำได้ดีในช่วงปี67 ที่ผ่านมา ส่วนภาพรวมรายได้ ม.ค.-ก.พ.68 ยังเห็นการบวกต่อเนื่องได้ดี YoY โดย ผู้บริหารวางเป้าการเติบโตของรายได้ในช่วง 1H68 ราว +7 ถึง 8%YoY

 

 

Daily Key Factors

Oil Update(-) WTI เม.ย. -$0.68 อยู่ที่ $66.90 / บาร์เรล, Brent พ.ค. -$0.51 อยู่ที่ $70.56/บาร์เรล หลังสหรัฐ, รัสเซีย และยูเครนสามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิง 30 วัน ระหว่างการหารือข้อตกลงสันติภาพระหว่างรัสเซีย & ยูเครน ขณะที่ OECD คาด GDP โลกปีนี้จะขยายตัวที่ 3.1% & ปีก่อนที่ 3.2% เป็นผลจาก ม.กีดกันการค้า ซึ่งอาจส่งผลให้อุปสงค์ความต้องการใช้น้ำมันลดลง

 

Gold Update(+) Comex Gold เม.ย.+$34.7 อยู่ที่ $3,040.80 /ออนซ์ ได้แรงจากการเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย หลังอิสราเอลได้โจมตีฉนวนกาซาอีกครั้ง ส่งผลให้ข้อตกลงหยุด 2 เดือนต้องยุติลง ขณะที่สหรัฐก็มีการโจมตีกลุ่มฮูตีในเยเมน กอปรยังมีความไม่แน่นอนต่อนโยบายการค้าของ ปธน.ทรัมป์

 

Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -119.03 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +26.39 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -151.31 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +5.89 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

 

(0) ค่าเงินบาทเช้านีทรงตัวอยู่ที่ 33.59 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทรงตัวอยู่ที่ 4.30 %

(0) ดัชนี BDI วานนี้ไม่เปลี่ยนแปลงอยู่ที่ 1,658

(-) BitCoinเช้านี้ -0.42% อยู่ที่ 82,832 ดอลลาร์สหรัฐ

 

Economic Calendar

 

ในประเทศ

31 มี.ค.     ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย

สัปดาห์ที3  ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วน

ยานยนต์

สัปดาห์ที4  กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ

สศอ.แถลงดัชนีอุตสาหกรรม

สศค.รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค, ดัชนี

ความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค

 

ต่างประเทศ

17 มี.ค.     US ดัชนียอดขายปลีก (ก.พ.)

19 มี.ค.     EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ก.พ.)

20 มี.ค.     US การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย           

                US การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของ FOMC

                US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

                US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

                US ดัชนีภาคการผลิตจากธนาคารกลางรัฐฟิลาเดลเฟีย (มี.ค.)

                US ยอดขายบ้านมือสอง (Existing Home Sales) (ก.พ.)

 

Theme Strategy

Theme หุ้นเด่น 1H68 เน้น หุ้นในธุรกิจใหม่ที่เป็น Trend ในอนาคต อย่าง Data Center รวมถึงหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรปกติ 4Q67-1Q68 คาดออกมาดี และ หุ้นที่รับความผันผวนได้ดีจากความเสี่ยง Trade War/ธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย  

 

(1) กลุ่มธนาคารที่มี Sentiment บวกจากธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย/มี Yield สูง BBL, KTB, KBANK, TISCO*, TTB*

 

(2) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CRC, NSL*, TNP*, OSP*

 

(3) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, SKR

 

(4) กลุ่มมีโอกาสเกี่ยวข้องกับการลงทุน Data Center/ธุรกิจ Trend อนาคต ADVANC,INTUCH*,TRUE,GULF*,AMATA

 

(5) กลุ่มสินค้า IT ที่ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี(เช่น AI function/ 4G to 5G) SYNEX*, ADVICE*, SIS*

 

(6) กลุ่มที่มี Sentiment บวกจาก Entertainment Complex BTS*, VGI*, MBK*, BA

 

 

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

 

Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

 

Today Fundamental Research: -

 

 

Monthly Portfolio February 2025: CPALL, SYNEX*, KLINIQ, SHR*, TEGH*

 

Analysts

Apichai Raomanachai  

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  002939

Tel  02-829-6999  Ext  2200

Email : apichai.ra@kfsec.co.th

Nopporn Chaykaew     

Fundamental Analysis ID No.  043964

Tel  02-829-6999  Ext  2203

Email : noppoen.ch@kfsec.co.th

Nattawat Poosunthornsri  

Fundamental Analysis ID No.  087077

Tel  02-829-6999  Ext  2204

Email : nattawat.po@kfsec.co.th

 

 

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ปลุกหุ้นใหญ่ By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ตลาดหุ้นไทย สูตรเดิม มักใช้ได้เสมอ ใช้หุ้นDELTA นำ ตามด้วย .....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้