Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส : TMT แนะนำถือ ราคาพื้นฐาน 3.50 บาท

334

 

----คาดพลิกเป็นกำไรสุทธิได้ใน 1Q25F----

 

บริษัทรายงานขาดทุนสุทธิ -29 ล้านบาทใน 4Q24 แย่กว่าที่เราและตลาดคาดไว้ เป็นผลจากอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าภาวะปกติที่ 4.8% และดอกเบี้ยจ่ายที่ยังอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตาม ผลขาดทุนสุทธิ น้อยลงเมื่อเทียบกับ 3Q24 ที่ -136 ล้านบาท เพราะ GPM ขยับขึ้นจากระดับต่ำมากที่ 1.8% ใน 3Q24 ส่วนทั้งปี 24 บริษัทขาดทุนสุทธิ -42 ล้านบาท เทียบกับกำไรสุทธิ 334 ล้านบาทในปี 23

 

ปริมาณขายปี 24 เติบโตและดีกว่าอุตสาหกรรม ปริมาณขายใน 4Q24 เพิ่ม +12% YoY แต่ลดลง -6%YoY เป็น 1.93 แสนตัน และทั้งปี 24 มีปริมาณขายรวม 7.67 แสนตัน เพิ่มขึ้น +4%YoY ดีกว่าอุตสาหกรรมเหล็กโดยรวมของไทยที่มีปริมาณการบริโภคเหล็กทรงตัวที่ 16.3 ล้านบาท และดีกว่าความต้องการใช้เหล็กแผ่นรีดร้อน (HRC) ในปี 24 ที่ลดลงเป็น 4.4 ล้านตัน (จาก 4.5 ล้านตันในปี 23) เนื่องจากบริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มเป็น 26.3% ในปี 24 (จาก 24.8% ในปี 23) เนื่องจาก 1) ประสบความสำเร็จในการให้บริการแบบ Solution และ 2) คู่แข่งขันในอุตสาหกรรมบางรายมีปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน

 

ยอดขายเติบโตในกลุ่มลูกค้าโครงการภาครัฐขนาดใหญ่, การก่อสร้างทั่วไป, โครงสร้างเหล็ก และชิ้นส่วนอุตสาหกรรม แต่ยอดขายในกลุ่มลูกค้ายานยนต์และชิ้นส่วนชะลอตัวลง โดยเฉพาะกลุ่มรถบรรทุก รถพ่วง เพราะสถาบันการเงินระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการต่อรถบรรทุก รถพ่วง รวมถึงผู้เช่าซื้อรถบรรทุกด้วย อย่างไรก็ตาม ยอดขายในกลุ่มลูกค้าก่อสร้างทั่วไปและโครงสร้างเหล็กแผ่วลงใน 4Q24 เพราะภาวะเศรษฐกิจซบเซา

 

อัตรากำไรขั้นต้นปี 24 ลดลงเป็น 4.6% จาก 6.5% ในปี 23 เนื่องจากราคาขายเฉลี่ยลดลงเร็วกว่าต้นทุน เพราะในปี 24 มีปัญหาเรื่องผู้ผลิตในประเทศส่งมอบวัตถุดิบ HRC ล่าช้า เนื่องจากมีการปิดซ่อมโรงงานนอกแผน และการนำเข้าวัตถุดิบจากจีนต้องใช้เวลามากเพราะภาครัฐตรวจสอบเข้มงวดมากขึ้น จึงทำให้ราคาต้นทุนลดลงช้ากว่าราคาขายในช่วง 2H24 ทั้งนี้บริษัทใช้วัตถุดิบนำเข้า (จากจีน) 13.7% ของทั้งหมดในปี 24 ที่เหลือ 86.3% ซื้อจากผู้ผลิตในประเทศ

 

ดอกเบี้ยจ่ายปี 24 สูงขึ้น +8%YoY เป็น 185 ล้านบาท จากต้นทุนการเงินที่สูงขึ้น และหนี้สินสุทธิต่อทุนสูงขึ้นเป็น 1.61 เท่าในสิ้นปี 24 (จาก 1.53 เท่าในสิ้นปี 23)

 

บริษัทประกาศงดจ่ายเงินปันผลสาหรับ 2H24 เนื่องจากขาดทุนสุทธิ อย่างไรก็ดี มีการจ่ายปันผลระหว่างกาลสำหรับ 1H24 ไปแล้วที่ 0.05 บาท/หุ้น

 

แนวโน้ม 1Q25F ดีขึ้น...คาดว่าจะพลิกเป็นกำไรสุทธิ เนื่องจากปริมาณขายอยู่ในเกณฑ์ดี ระดับ Backlog ดีขึ้นเป็น 2.1 หมื่นตัน (เพิ่มราว 16% จากช่วงที่ซบเซามากในปีก่อน) เราคาดการณ์ว่าปริมาณขายใน 1Q25F มีโอกาสสูงกว่า 1.9 แสนตัน (ใน 1Q24 มีปริมาณขาย 1.9 แสนตัน และใน 4Q24 เท่ากับ 1.93 แสนตัน) ซึ่งใน 2M25 มียอดขายแล้ว 1.33 แสนตัน ด้านอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) เดือนม.ค./ก.พ.25 เพิ่มเป็น 6.9%/7.2% จากเฉลี่ย 4.8% ใน 4Q24 คาดการณ์ว่า GPM ใน 1Q25F จะอยู่ที่ 7.0-7.2% ด้านดอกเบี้ยจ่ายลดลง -20%QoQ เป็น 36 ล้านบาทสถาบันการเงินลดดอกเบี้ยตามกนง. ในเบื้องต้นคาดการณ์ว่า 1Q25F จะมีกำไรสุทธิราว 70-75 ล้านบาท

 

บริษัทตั้งเป้าปริมาณขายปี 25F ไว้ที่ 8 แสนตัน เพิ่มขึ้น 4%YoY ซึ่งลดลงจากเป้าครั้งก่อน 5 หมื่นตัน เนื่องจากเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้ากว่าที่เคยคาดไว้ ซึ่งการเติบโตในปีนี้มาจาก ส่วนแบ่งการตลาดที่เพิ่มขึ้นต่อ การเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐมากขึ้น ภาคเอกชนยังมีการก่อสร้าง เช่น ห้างสรรพสินค้า (รวมถึงการรีโนเวท), โครงการมิกซ์ยูส, การสร้างร.พ.ในหัวเมืองต่างจังหวัด, การสร้างคลังสินค้าในนิคมฯ, การก่อสร้างศูนย์ดาต้า เซ็นเตอร์ ฯลฯ นอกจากนั้นผู้บริหารเล็งว่าจะมีงานในพื้นที่ EEC เพิ่มขึ้นในปีนี้ ส่วนการก่อสร้างที่พักอาศัยยังฟื้นตัวช้า สำหรับราคาขายเฉลี่ยปีนี้คาดว่าจะลดลง -8% เป็น 23 บาท/กก.

 

อัตรากำไรปี 25F ดีขึ้นและกลับมาเป็นบวก โดยคาดการณ์อัตรากำไรขั้นต้นปีนี้ฟื้นตัวเป็น 6.5% จาก 4.6% ในปี 24 เนื่องจากราคาต้นทุนและราคาขายเป็นไปในทิศทางเดียวกันมากขึ้น ทำให้ GPM กลับสู่ภาวะปกติ นอกจากนั้นคาดว่าดอกเบี้ยจ่ายจะลดลง -18% เป็น 152 ล้านบาท ยังผลให้อัตรากำไรสุทธิปี 25F จะฟื้นตัวเป็นบวกที่ 1.7% จาก -0.2% ในปี 24

 

คงคำแนะนำถือ ให้ราคาพื้นฐาน 3.50 บาท อิงกับ P/BV ปี 25F ที่ 0.9 เท่า (Mean-1.4SD) เราประเมินว่าผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดแล้วใน 2H24 และจะกลับมาทำกำไรได้ตั้งแต่ 1Q25F อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของธุรกิจจะค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวช้าทำให้อุปสงค์เหล็กเติบโตจำกัด ทำให้คาดการณ์กำไรสุทธิปี 25F ที่ 291 ล้านบาท ยังต่ำกว่าปี 23 ที่ 334 ล้านบาท คาดการณ์เงินปันผลปีนี้ไว้ที่ 0.25 บาท ณ ราคาปัจจุบัน 3.08บาท คิดเป็น DY ที่ 8.1% (สมมติฐานอัตราการจ่ายปันผล 75% ของกำไรสุทธิ)

 

บริษัทมี SET ESG Ratings : AAA และมี CG Report : 5 ดาว
ด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) บริษัทมีการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar rooftop) สามารถประหยัดค่าไฟฟ้าได้ 25.66 ล้านบาทในปี 2024 (ดีขึ้นจากปี 23 ที่ประหยัดได้ 14.36 ล้านบาท) โดยในปี 2024 ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลง 26.76%YoY และลดการใช้ไฟฟ้า 12.75%YoY การใช้น้ำประปาลดลง 2.42%YoY บริษัทมีการนำเศษเหล็กที่เกิดจากกระบวนการผลิตมาใช้ใหม่ (รีไซเคิล) ได้ทั้ง 100% และลดของเสียอันตรายได้ 6.9% ในปี 2024


ด้านสังคม (Social) อัตราการบาดเจ็บจากการทางานถึงขั้นเสียชีวิตในปี 2024 เท่ากับ 0% มีอัตราการลาออก 15.5% ลดลงจากปี 2023 และผลสารวจความผูกพันของพนักงานต่อบริษัทอยู่ที่ 82% ไม่มีกรณีละเมิดสิทธิมนุษยชน และผลสำรวจความพึงพอใจของชุมชนอยู่ที่ 85%


ด้านธรรมาภิบาล (Governance) บริษัทมีการสื่อสารและส่งเสริมวัฒนธรรมการบริหารความเสี่ยงให้กับพนักงานทุกระดับอย่างต่อเนื่อง และมีการประเมินและติดตามความเสี่ยงองค์กรอย่างสม่ำเสมอ บริษัทได้รับรางวัลความยั่งยืนจาก SET Awards 2024 โดยมี SET ESG Ratings ระดับสูงสุดที่ AAA ได้รับการประเมิน CGR ในปี 2024 ระดับ 5 ดาว (ดีเลิศ)


นักวิเคราะห์&กลยุทธ์: อาภาภรณ์ แสวงพรรค : arparporns@dbs.com : Tel. 02 857 7829


 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ปลุกหุ้นใหญ่ By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ตลาดหุ้นไทย สูตรเดิม มักใช้ได้เสมอ ใช้หุ้นDELTA นำ ตามด้วย .....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้