Market Wrap-Up
- SET วันที่ 17 มี.ค.68 ปิด -3.56 จุด อยู่ที่ 1,170.20 จุด มูลค่าการซื้อขาย 35,904 ลบ. ต่างชาติขาย 1,315 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 282 ลบ. สถาบันซื้อ 210 ลบ. และรายย่อยซื้อ 1,387 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 1,422 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น PTTEP,SAWAD,KBANK,CRC,CPF และยอดขายหุ้น PTT,SCC,BDMS,ADVANC,BBL มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,771 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ TAIWANHD13,TAIWANAI13,TDEX โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 14,650 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 31,334 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 5,042 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.85%, S&P500 +0.64%, Nasdaq +0.31% ได้แรงหนุนจากกลุ่มอสังหา +1.66%, พลังงาน +1.56% ขณะที่กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย -0.44% นำโดย Tesla -4.79% หลังถูกโบรกเกอร์ปรับลดราคาเป้าหมาย ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.79% ได้แรงหนุนจากกลุ่มน้ำมัน & ก๊าซ +1.5% ที่ปรับขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ, กลุ่มบริการสุขภาพ +1.4% ขณะที่กลุ่มสินค้าหรูหรา -0.6% เช่น Kering -2.8%, Burberry -4.3%
Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับขึ้น โดยวันนี้ผู้นำสหรัฐ & รัสเซียจะหารือแผนสันติภาพในยูเครน เพื่อยุติสงครามรัสเซีย – ยูเครนที่ยืดเยื้อมา 3 ปี ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐนั้น ยอดค้าปลีก ก.พ. +0.2% & คาด +0.6% MoM และ NAHB เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้าน มี.ค. ลดลงอยู่ที่ 39 & คาดที่ 42 ตำสุดนับตั้งแต่ ส.ค. 67 เป็นผลจากราคาวัสดุก่อสร้างที่สูงขึ้น ขณะที่เฟดแอตแลนตาเผย US GDPNow Q1/68 คาดจะหดตัว -2.1% จากความกังวลต่อภาวะสงครามการค้า สัปดาห์นี้ค่ำวันพุธติดตามผลการประชุมเฟดคาดจะคงดอกเบี้ยที่ 25 – 4.50% , Fed Dot Plot จะบ่งชี้โอกาสลดดอกเบี้ยในปีนี้ รวมถึงคาดการณ์ US GDP, เงินเฟ้อสหรัฐ และอัตราว่างงานสหรัฐ
- ตลาดยุโรปวานนี้ปรับขึ้น ได้แรงหนุนจากกลุ่มน้ำมัน & ก๊าซ หลังสหรัฐประกาศโจมตีกลุ่มฮูตีในเยเมน ให้หยุดการโจมตีเรือเดินสมุทร โดยนักลงทุนยังรอผลโหวตของรัฐสภาเยอรมันในวันที่ 18 มี.ค. เพื่ออนุมัติงบก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 5 แสน ล.ยูโร รวมถึงการปรับลดข้อจำกัดในกู้ยืม เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเยอรมันที่อยู่ในภาวะหดตัวเป็นเวลา 2 ปี สัปดาห์นี้วันพฤหัสติดตามผลการประชุม BOE อังกฤษคาดคงดอกเบี้ยไว้ที่ 4.5%
- ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ปรับขึ้น นำโดยดัชนีเซียงไฮ้ +0.19%, ฮั่งเส็ง +0.77% หลังตัวเลขยอดค้าปลีกจีน ก.พ. +4.8% & ม.ค.+3.7% YoY ปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 เป็นผลจาก ม.กระตุ้นการบริโภคในประเทศ ส่วนดัชนีนิเกอิวานนี้ +0.93% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ และกลุ่มป้องกันประเทศ หลังสหรัฐเรียกร้องให้ญี่ปุ่นเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหม สัปดาห์นี้วันพุธติดตามผลการประชุม BOJ คาดดอกเบี้ยไว้ที่ 0.5%
- ดัชนี SET วานนี้ -0.3% ปริมาณการซื้อขาย 3.59 หมื่น ลบ. ต่างชาติขาย 1,315 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 282 ลบ. สถาบันซื้อ 210 ลบ. และรายย่อยซื้อ 1,387 ลบ. โดยมีแรงขายทำกำไรจากกลุ่ม Global Play เช่น อิเล็กทรอนิกส์, ปิโตรเคมี, ขนส่ง หลังวันศุกร์ที่ผ่านมาหุ้นกลุ่ม Global ปรับขึ้นแรงรับข่าว ธ.กลางจีนประกาศจะลดอัตราดอกเบี้ยลง และ NPC จีนเตรียมใช้ ม.กระตุ้นการบริโภค ซึ่งเป็นผลบวกต่ออุปสงค์ของกลุ่มเหล่านี้ ขณะที่เม็ดเงินของนักลงทุนเลือกพักในกลุ่มปลอดภัย เช่น ประกัน, เกษตร และอาหาร โดยปัจจัยต่างประเทศสัปดาห์นี้ ยังรอผลการประชุม FED, BOJ, BOE ซึ่งมีผลต่อ Fund Flow ของนักลงทุนต่างชาติ ส่วนปัจจัยในประเทศวันนี้ ติดตามผลการประชุม ครม.ต่อ ม.กระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น ข้อเสนอของผู้ประกอบการอสังหา ฯ ให้ช่วยผ่อนผันเกณฑ์ LTV, การพิจารณาร่าง พรบ.สถาบันบันเทิงครบวงจร และรอข้อมูลส่งออกไทยในช่วง ก.พ.ที่ผ่านมา
Daily Strategy
- ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,160 – 1,170 แนวต้าน 1,180 – 1,190 คาดดัชนีทรงตัว เนื่องจากปัจจุบันเทรดในโซนถูกที่ F/PE 3X และรอผลการประชุมเฟดในช่วงกลางสัปดาห์ แนะนำทยอยซื้อ KBANK,KTB,KKP ที่จ่ายเงินปันผลสูง/ GULF,INTUCH,STECON,INSET รับข่าว BOI อนุมัติแผนลงทุน Data Center 4 โครงการ มูลค่ากว่า 2 แสน ลบ./ พักเงินในกลุ่มปลอดภัย เช่น BLA,TLI,NSL,TKN / เก็งกำไร DITTO, TEAMG มีสัญญาณบวกทางเทคนิค
- PTTGC (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย 00 บาท) แนวโน้ม 1Q68 คาดผลการดำเนินงานฟื้นตัว QoQ ด้วยธุรกิจโรงกลั่นที่กลับมาเดินเครื่องปกติ ขณะที่ธุรกิจปิโตรเคมีปัจจุบันส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีทั้งอะโรมาติกส์ โอเลฟินส์และโพลิเมอร์ทยอยฟื้นตัว QoQ แม้ยังอยู่ในระดับต่ำแต่ตลาดคาดหวังว่ามาตรการตุ้นเศรษฐกิจของจีนจะส่งผลบวกทางด้านอุปสงส์ ส่วนธุรกิจผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ (Allnex) ในยุโรปคาดผลประกอบการ 1Q68 จะดีขึ้นตามปริมาณขายที่เริ่มเข้าช่วง high season ส่วนในปี 68 เราประเมินภาพการฟื้นตัวโดยหลักมาจากการไม่ต้องแบกภาระขาดทุนของ Vencorex ราว 3-4 พันล้านบาท และ PTTAC ราว 1 พันล้านบาท รวมถึงคาดจะไม่มีการบันทึกค่าใช้จ่ายด้อยค่าก้อนใหญ่อีก
- SYNEX* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 140 บาท) กำไรสุทธิ 4Q67 อ่อนตัวจากการสำรอง ECL ที่สูงขึ้น แม้รายได้จะ +QoQ, +YoY จากแรงหนุนสินค้ากลุ่ม Smartphone ส่วนการดำเนินงานในช่วงปี68 คาดว่ากลุ่มสินค้าไอทียังมีปัจจัยบวกจากDemand การเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์ให้ทันกับเทคโนโลยี(4g>5g>AI) รวมถึงการใช้งาน cloud/อุปกรณ์IoT ที่แพร่หลายขึ้น นอกจากนี้ SYNEX* ยังมีการเปิดร้าน Nintendo Authorized Store สำหรับตลาด Gaming ที่มีมาร์จิ้นดี ทั้งนี้ ตลาดคาดว่าในปี68 และ 69 กำไรสุทธิของ SYNEX* จะอยู่ที่ระดับ 687 ลบ.(+10%YoY) และ 764 ลบ.(+11%YoY)
Daily Key Factors
Oil Update(+) WTI เม.ย. +$0.40 อยู่ที่ $67.58 / บาร์เรล, Brent พ.ค. +$0.49 อยู่ที่ $71.07/บาร์เรล รับสหรัฐได้โจมตีกลุ่มฮูตีในเยเมน ที่ได้ปฏิบัติการโจมตีเรือสมุทร ซึ่งสหรัฐกล่าวหากลุ่มฮูตีได้รับสนับสนุนจากอิหร่าน
Gold Update(+) Comex Gold เม.ย.+$5.0 อยู่ที่ $3,006.10 /ออนซ์ ได้แรงหนุนจาก Dolla Index อ่อนค่า -0.34% อยู่ที่ 103.368 และรอผลการประชุมเฟดช่วงกลางสัปดาห์
Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -87.07 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -39.16 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -54.16 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +6.24 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีแข็งค่าอยู่ที่ 33.57 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทรงตัวอยู่ที่ 4.30 %
(-) ดัชนี BDI วานนี้ -11 จุด อยู่ที่ 1,658
(+) BitCoinเช้านี้ +0.32% อยู่ที่ 83,491 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
31 มี.ค. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย
สัปดาห์ที3 ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วน
ยานยนต์
สัปดาห์ที4 กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ
สศอ.แถลงดัชนีอุตสาหกรรม
สศค.รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค, ดัชนี
ความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค
ต่างประเทศ
17 มี.ค. US ดัชนียอดขายปลีก (ก.พ.)
19 มี.ค. EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ก.พ.)
20 มี.ค. US การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย
US การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของ FOMC
US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
US ดัชนีภาคการผลิตจากธนาคารกลางรัฐฟิลาเดลเฟีย (มี.ค.)
US ยอดขายบ้านมือสอง (Existing Home Sales) (ก.พ.)
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่น 1H68 เน้น หุ้นในธุรกิจใหม่ที่เป็น Trend ในอนาคต อย่าง Data Center รวมถึงหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรปกติ 4Q67-1Q68 คาดออกมาดี และ หุ้นที่รับความผันผวนได้ดีจากความเสี่ยง Trade War/ธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มธนาคารที่มี Sentiment บวกจากธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย/มี Yield สูง BBL, KTB, KBANK, TISCO*, TTB*
(2) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CRC, NSL*, TNP*, OSP*
(3) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, SKR
(4) กลุ่มมีโอกาสเกี่ยวข้องกับการลงทุน Data Center/ธุรกิจ Trend อนาคต ADVANC,INTUCH*,TRUE,GULF*,AMATA
(5) กลุ่มสินค้า IT ที่ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี(เช่น AI function/ 4G to 5G) SYNEX*, ADVICE*, SIS*
(6) กลุ่มที่มี Sentiment บวกจาก Entertainment Complex BTS*, VGI*, MBK*, BA
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio February 2025: CPALL, SYNEX*, KLINIQ, SHR*, TEGH*
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th