สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (14 มีนาคม 2568)-------ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว (Long-Term Issuer Default Rating) ของ ธนาคารยูโอบี (ไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ UOBT ที่ ‘A-’ และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) ที่ ‘AAA(tha)’ โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ นอกจากนี้ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น (Shareholder Support Rating: SSR) ที่ 'a-' อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นของ UOBT ที่ ‘F1’ และอันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน (Viability Rating) ที่ ‘bbb-’ อันดับเครดิตภายในประเทศยังคำนึงถึงโครงสร้างเครดิตของ UOBT เมื่อเทียบกับธนาคารหรือบริษัทอื่นที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ และแสดงถึงระดับของโอกาสในการผิดนัดชำระหนี้ที่ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับธนาคารหรือบริษัทรายอื่นในประเทศไทย
ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
อันดับเครดิตพิจารณาจากปัจจัยด้านการสนับสนุน: อันดับเครดิตสากลและอันดับเครดิตภายในประเทศของ UOBT พิจารณาจากอันดับเครดิตสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น (SSR) ของธนาคาร ซึ่งสะท้อนถึงการคาดการณ์ของฟิทช์ว่าธนาคารจะได้รับการสนับสนุนเป็นพิเศษ (extraordinary support) หากจำเป็น จากธนาคารแม่ในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งคือ United Overseas Bank Limited (UOB; AA-/Stable/aa-) อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นของ UOBT ได้รับการจัดอันดับที่ 'F1' ซึ่งเป็นตัวเลือกที่สูงกว่า เมื่อเทียบกับ 'F2' เพื่อสะท้อนให้เห็นว่าแนวโน้มในการสนับสนุนของผู้ถือหุ้นมีความแน่นอนมากกว่าในระยะสั้น
การผสานการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง: ถูกจำกัดโดยเพดานอันดับเครดิตของประเทศ: UOBT มีบทบาทสำคัญต่อกลยุทธ์ของกลุ่มในการนำเสนอบริการของธนาคารในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฟิทช์เชื่อว่าธนาคารมีการผสานการดำเนินงานที่แข็งแกร่งกับธนาคารแม่ในทั้งส่วนของธุรกิจลูกค้ารายย้อยและธุรกิจลูกค้าบริษัทขนาดใหญ่ ระดับการบริหารจัดการและการดำเนินงานระหว่าง UOBT และธนาคารแม่มีความเชื่อมโยงกันอย่างมากและน่าจะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้การใช้ชื่อและสัญญลักษณ์ทางการค้าร่วมกันของบริษัทลูกยังอาจนำไปสู่ความเสี่ยงด้านชื่อเสียงอย่างมากต่อธนาคารแม่ในกรณีที่ UOBT ผิดนัดชำระหนี้ ทั้งนี้แม้จะมีความเชื่อมโยงที่สำคัญกับธนาคารแม่ แต่เพดานอันดับเครดิตของประเทศไทยยังคงจำกัดความสามารถของ UOBT ในการรับการสนับสนุนจาก UOB และเป็นปัจจัยที่จำกัดอันดับเครดิตสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นและอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของ UOBT
สภาพแวดล้อมจำกัดโอกาสในการเติบโต: ฟิทช์คาดว่า GDP ของประเทศไทยจะเติบโต 3.1% ในปี 2568 และ 2.9% ในปี 2569 (2567: 2.6%) ซึ่งยังคงต่ำเมื่อเทียบกับตลาดเกิดใหม่อื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชีย ทั้งนี้สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจมหภาคที่มีเสถียรภาพจากอัตราเงินเฟ้อต่ำและอัตราการว่างงานต่ำจะช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานของธนาคาร อย่างไรก็ตาม ระดับสินเชื่อครัวเรือนที่สูงของประเทศ ที่ 89% ของ GDP ณ สิ้นเดือนกันยายน 2567 ยังคงจำกัดการเติบโตของสินเชื่อเพื่อการบริโภคของธนาคาร และอาจกดดันคุณภาพสินทรัพย์ในกลุ่มลูกค้ารายย่อยหากการเติบโตทางเศรษฐกิจต่ำกว่าที่คาดการณ์และรายได้ของผู้บริโภคลดลง
สภาพแวดล้อมในการดำเนินงานฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป: การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยจากโรคระบาดโควิดเป็นไปอย่างช้าๆ โดย มีอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ (GDP) ที่ 1.9% ในปี 2566 อย่างไรก็ตาม ด้วยระดับกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นและอัตราดอกเบี้ยที่ที่ปรับตัวที่สูงขึ้น น่าจะส่งผลให้โอกาสทางธุรกิจของธนาคารปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น ธนาคารแห่งประเทศไทยยังคงมีความกังวนกับระดับหนี้สินที่ค่อนข้างสูงของระบบเศรษฐกิจ โดยมีอัตราส่วนหนี้ภาคครัวเรือนต่อ GDP อยู่ที่ 91% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2566 และมีการออกมาตรการเพื่อดูแลเสถียรภาพระบบการเงิน (macro-prudential measures) มาอย่างต่อเนื่อง เช่น การควบคุมอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะจำกัดโอกาสที่ผลประกอบการของธุรกิจสินเชื่อลูกค้ารายย่อยจะปรับตัวดีกว่าที่คาด
เครือข่ายทางธุรกิจระดับปานกลาง: มุ่งเน้นที่สินเชื่อรายย่อย: UOBT เป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 7 ในประเทศไทย โดยมีส่วนแบ่งการตลาดด้านเงินฝากประมาณ 4% โดยมีสัดส่วนสินเชื่อรายย่อยคิดเป็นประมาณ 60% ของพอร์ตสินเชื่อ หลังจากการรวมพอร์ทลูกค้ารายย่อยของ Citibank ในประเทศไทยซึ่งถูกเข้าซื้อในเดือนพฤศจิกายน 2565 การเข้าซื้อกิจการนี้ได้ขยายตลาดลูกค้ารายย่อยของ UOBT และสนับสนุนเครือข่ายทางธุรกิจในประเทศ แต่เราคาดว่าประโยชน์จากการผลสานการดำเนินงานอาจต้องใช้เวลาในการเกิดขึ้น
กำไรผ่านพ้นจุดต่ำสุด: อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อสินทรัพย์เสี่ยง (OP/RWA) ของธนาคารลดลงเป็น 0.2% ในเดือนมิถุนายน 2567 เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 4 ปี (2563-2566) ที่ 1.0% เนื่องจากการการตั้งสำรองและค่าใช้จ่ายในการรวมกิจการที่เกี่ยวข้องกับการเข้าซื้อ Citibank อย่างไรก็ตาม ฟิทช์เชื่อว่าแรงกดดันกำลังคลี่คลายและผลการดำเนินงานจะปรับตัวดีขึ้นในปี 2568-2569 คะแนนด้านกำไรและความสามารถในการทำกำไรที่ bb+ ต่ำกว่าธนาคารขนาดใหญ่ส่วนใหญ่ในตลาด สะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่อ่อนแอกว่าของ UOBT
แรงกดดันด้านคุณภาพสินทรัพย์ลดลงเล็กน้อย: อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพของ UOBT ยังคงทรงตัวที่ 3.3% ในเดือนมิถุนายน 2567 (ธันวาคม 2566: 3.3%, ธันวาคม 2565: 3.4%) เราคาดว่าจะมีการปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยในปี 2568 สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพ นอกจากนี้เราเชื่อว่าแรงกดดันในการตั้งสำรองได้ผ่านพ้นจุดสูงสุดของไปแล้ว แม้ว่าเราคาดว่าอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมเฉลี่ย (1.35% ในเดือนมิถุนายน 2567) ในปี 2567-2568 จะยังอยู่สูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวสำหรับธนาคาร
โครงสร้างเงินทุนยังคงอยู่ในระดับที่ยอมรับได้: คะแนนด้านฐานะเงินกองทุนและหนี้สินของ UOBT ที่ 'bbb-' สะท้อนมุมมองของฟิทช์ว่าสถานะของธนาคารที่เป็นธนาคารลูกในกลุ่ม UOB บ่งชี้ว่าธนาคารจะสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้หากจำเป็น กลุ่มธนาคารมีประวัติการสนับสนุนอัตราส่วนเงินกองทุนและความต้องการในการเติบโตของ UOBT ขณะเดียวกันยังตั้งใจที่จะเสริมสร้างเงินกองทุนของ UOBT ทั้งนี้แนวโน้มเป็นลบสำหรับคะแนนสะท้อนมุมมองของเราว่าอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ (CET1) ของ UOBT ซึ่งยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำตั้งแต่การเข้าซื้อกิจการ Citibank (มิถุนายน 2567: 10.5%) อาจเพิ่มขึ้นในอัตราที่ช้ากว่าที่ธนาคารแม่คาดหวัง
การระดมทุนได้รับประโยชน์จากความสัมพันธ์กับกลุ่ม: สถานะสภาพคล่องของ UOBT ยังคงทรงตัวตลอดสองปีที่ผ่านมา แสดงถึงความสามารถในการรักษาลูกค้าเงินฝากเดิมจาก Citibank อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากของธนาคารที่ 92.8% ในเดือนมิถุนายน 2567 สูงกว่าค่าเฉลี่ยของภาคการธนาคารที่ 92.1% เล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าโครงสร้างการระดมทุนของธนาคารยังได้รับประโยชน์จากการสนับสนุนทั่วไปจากกลุ่ม UOB ซึ่งช่วยให้เข้าถึงการระดมทุนระหว่างธนาคารและการระดมทุนในตลาด
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
อันดับเครดิตสากล อันดับเครดิตสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น อันดับเครดิตภายในประเทศ
อันดับเครดิตสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นและอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของ UOBT อาจถูกปรับลดอันดับหากมีการลดลงอย่างมีนัยสำคัญในมุมมองต่อโอกาสการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น เช่น การปรับลดอันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน (VR) ของธนาคารแม่ลงหลายอันดับจนมาอยู่ในระดับเดียวกันหรืออยู่ต่ำกว่าเพดานอันดับเครดิตของประเทศไทย อาจบ่งชี้ถึงความสามารถที่ลดลงของธนาคารแม่ในการให้การสนับสนุน ซึ่งจะส่งผลเชิงลบต่ออันดับเครดิตสนับสนุนของ UOBT รวมถึงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวและอันดับเครดิตภายในประเทศ
นอกจากนี้ อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ อันดับเครดิตสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น และอันดับเครดิตภายในประเทศอาจถูกปรับลดลงได้ หากฟิทช์ประเมินว่าโอกาสในการสนับสนุน UOBT จากธนาคารแม่ลดลง ซึ่งอาจสะท้อนโดยการลดลงของสัดส่วนการถือหุ้นของธนาคารแม่ใน UOBT ต่ำกว่า 75% ร่วมกับการลดระดับการควบคุมการบริหารงานและการเชื่อมโยงทางกลยุทธ์กับธนาคารแม่ อย่างไรก็ตาม ฟิทช์ไม่คาดการณ์ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในโอกาสที่ธนาคารแม่จะให้การสนับสนุนในระยะปานกลาง
อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นของ UOBT อาจถูกปรับลดลงหากอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของธนาคารถูกปรับลดลงเป็น 'BBB' อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของ UOBT อาจถูกปรับลดลงไปที่ 'F1(tha)' หากอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของธนาคารถูกปรับลดลงไปที่ 'A-(tha)' หรือหากมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในสมมติฐานด้านการสนับสนุนจากธนาคารแม่ ทั้งนี้การปรับลดอันดับเครดิตภายในประเทศยังจะต้องพิจารณาเทียบเคียงกับโครงสร้างอันดับเครดิตของธนาคารและบริษัทอื่นๆในประเทศไทยด้วยเช่นกัน
อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน
อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ UOBT อาจถูกปรับลดอันดับได้ หากอัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญมีการปรับตัวด้อยลงกว่าคาดการณ์ของฟิทช์ ตัวอย่างเช่น หากอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมอยู่ในระดับที่สูงกว่า 4% (ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2567: 3.3%) เป็นระยะเวลาต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการปรับลดลงของความสามารถในการรองรับความเสี่ยง เช่น อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อสินทรัพย์เสี่ยงทรงตัวที่ประมาณ 1% เป็นระยะเวลาต่อเนื่อง หรืออัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ (CET1) ต่ำกว่า 11% โดยไม่มีแผนที่จะปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่าระดับนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวอาจนำไปสู่การทบทวนความแข็งแกร่งของโครงสร้างธุรกิจหรือโครงสร้างความเสี่ยงของธนาคาร
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
อันดับเครดิตสากล อันดับเครดิตสนับสนุนจากผู้ถือหุ้น อันดับเครดิตภายในประเทศ
อันดับเครดิตสนับสนุนผู้ถือหุ้น และอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว ไม่มีโอกาสได้รับการปรับเพิ่มอันดับ เว้นแต่จะมีการปรับเพิ่มเพดานอันดับเครดิตของประเทศไทย อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นก็ไม่สามารถปรับเพิ่มขึ้นได้อีก ถ้าอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวไม่ได้มีการปรับขึ้นเป็น 'A'
ไม่มีโอกาสที่อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวจะได้รับการปรับเพิ่มอันดับขึ้นอีก เนื่องจากเป็นอันดับที่สูงที่สุดสำหรับอันดับเครดิตภายในประเทศแล้ว
อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน
อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินอาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับจากการพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของเครือข่ายธุรกิจและความสามารถในการแข่งขันของธนาคาร ซึ่งจะนำไปสู่ความสามารถในการแข่งขันที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับธนาคารอื่นๆ ทั้งนี้อาจบ่งชี้ได้จากอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่ทรงตัวในระดับที่สูงกว่า 2% และอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 3% อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีการปรับตัวดีขึ้นดังกล่าวก็อาจไม่เพียงพอสำหรับการปรับเพิ่มอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินหากอัตราส่วนเงินกองทุน CET1 ยังคงต่ำกว่าธนาคารอื่นในประเทศไทยอย่างมีนัยสำคัญ และหากความสามารถในการทำกำไรที่สูงขึ้นเกิดจากการที่ธนาคารได้เพิ่มความเสี่ยงอย่างมีนัยสำคัญ
อันดับเครดิตหุ้นกู้
อันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของ UOBT อยู่ในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของธนาคาร เนื่องจากหุ้นกู้ดังกล่าวเป็นภาระผูกพันที่ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกันของธนาคาร
หุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ตามเกณฑ์บาเซล 3 (Basel III-compliant Tier 2 subordinated notes) ได้รับการจัดอันดับต่ำกว่าอันดับเครดิตอ้างอิง ซึ่งคืออันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของธนาคารอยู่ 2 อันดับ อันดับเครดิตที่ต่ำกว่าอยู่ 2 อันดับสะท้อนความเสี่ยงของการขาดทุนจากการชำระคืนเงินกู้ (loss severity risk) ที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับตราสารหนี้ที่ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกันเนื่องจากสถานะด้อยสิทธิของตราสารดังกล่าว หุ้นกู้ด้อยสิทธิดังกล่าวไม่มีคุณสมบัติรองรับผลขาดทุนระหว่างการดำเนินกิจการ (going-concern loss absorption) จึงไม่ได้มีการปรับลดอันดับเครดิตเพิ่มเติมสำหรับความเสี่ยงที่ผู้ถือหุ้นกู้จะไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่คาดการณ์ (non-performance risk)
หุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ต่ำกว่าอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของธนาคาร 4 อันดับ โดยแนวทางในการจัดอันดับเครดิตดังกล่าวสอดคล้องกับการจัดอันดับเครดิตสำหรับตราสารหนี้ประเภทเดียวกันในกรณีที่ออกโดยธนาคารแม่ ซึ่งคือ UOB และสอดคล้องกับแนวทางพื้นฐานสำหรับการจัดอันดับเครดิตตราสารหนี้ประเภทดังกล่าวตามเกณฑ์ของฟิทช์ ฟิทช์ใช้อันดับเครดิตซึ่งรวมปัจจัยสนับสนุนจากธนาคารแม่ (support-driven rating) ของ UOBT เป็นอันดับเครดิตอ้างอิงสำหรับหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 แทนที่จะใช้อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของตัวธนาคารเอง เนื่องจากฟิทช์เชื่อว่า UOB จะให้การสนับสนุนแก่บริษัทลูกในประเทศไทยล่วงหน้าเพื่อป้องกันภาวะวิกฤติ (pre-emptive) ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงที่ผู้ถือหุ้นกู้จะไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่คาดการณ์ (non-performance risk)
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
การปรับลดอันดับเครดิตของอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวจะส่งผลในทิศทางเดียวกันกับอันดับเครดิตของหุ้นกู้ทั้งหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกัน หุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ตามเกณฑ์บาเซล 3 และหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
อันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่มีโอกาสปรับขึ้น เนื่องจากอันดับเครดิตอยู่ในระดับสูงสุดของอันดับเครดิตภายในประเทศแล้ว สำหรับอันดับเครดิตภายในประเทศของ หุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ตามเกณฑ์บาเซล 3 และหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1ไม่มีความเป็นไปได้ที่จะปรับขึ้น เว้นแต่จะมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในสมมติฐานของฟิทช์เกี่ยวกับความเสี่ยงของการขาดทุนจากการชำระคืนเงินกู้ (loss severity risk) ซึ่งฟิทช์ไม่คาดว่าจะเกิดขึ้นในขณะนี้
การปรับคะแนนของปัจจัยในการพิจารณาอันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน
อันดับคะแนนที่ให้แก่ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานอยู่สูงกว่าคะแนนตามเกณฑ์เนื่องจากการปรับเพิ่มคะแนนด้วยปัจจัยด้าน ‘อันดับเครดิตของประเทศ’ (บวก)
คะแนนที่ให้แก่ปัจจัยด้านฐานะเงินกองทุนและหนี้สินอยู่สูงกว่าคะแนนตามเกณฑ์เนื่องจากการปรับเพิ่มคะแนนด้วยปัจจัยด้าน ‘ความวามยืดหยุ่นของเงินทุนและการสนับสนุนตามปกติ (บวก)’
อันดับเครดิตที่เชื่อมโยงกับอันดับเครดิตอื่น
UOBT's ratings are driven by the ratings of its parent, UOB.
อันดับเครดิตของ UOBT มีความเชื่อมโยงกับอันดับเครดิตของ ธนาคารแม่ซึ่งคือ UOB ในประเทศสิงคโปร์
การพิจารณาปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)
ระดับคะแนนที่สูงที่สุดสาหรับความสัมพันธ์ของ ESG ต่ออันดับเครดิต (หากมีการเปิดเผย) แสดงว่าระดับคะแนนจะอยู่ที่ระดับ 3 ซึ่งหมายความว่าปัจจัยด้าน ESG จะไม่ส่งผลกระทบหรืออาจมีผลกระทบในระดับที่น้อยมากต่ออันดับเครดิตของธนาคาร ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยจากลักษณะของธุรกิจหรือจากการบริหารจัดการของธนาคารก็ตามสำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมหาได้จาก www.fitchratings.com/esg