13 มี.ค. 2568 15:43:06 253
สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (13 มีนาคม 2568)-------ความยั่งยืนของโลกยังคงเดินหน้าต่อแม้นโยบายเศรษฐกิจหลาย ๆ ด้านของทรัมป์จะยังมีความไม่แน่นอนสูง แต่สิ่งหนึ่งที่มีความแน่นอน คือ ทรัมป์ต้องการลดบทบาทของสหรัฐฯ ในการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมโลก ไม่ว่าจะเป็นการถอนตัวออกจากความตกลงปารีส การมุ่งส่งเสริมเชื้อเพลิงฟอสซิล และการยกเลิกมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ เช่น การยกเลิกเป้าหมายรถยนต์ไฟฟ้า หรือแม้แต่การยกเลิกการใช้หลอดกระดาษให้กลับมาใช้หลอดพลาสติก อย่างไรก็ตาม แม้สหรัฐฯ จะถอยหลังในเรื่องเหล่านี้ แต่แนวโน้มความยั่งยืนของโลกยังคงเดินหน้าต่อไป และธุรกิจไทยจำเป็นต้องปรับตัวให้ทัน ความยั่งยืนคือทางรอดของธุรกิจไทยในอนาคตSCB EIC เชื่อว่าความยั่งยืนไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็นทางรอดของธุรกิจไทยในอนาคต โดยมีสามเสาหลักที่ยังคงขับเคลื่อนเมกะเทรนด์ด้านความยั่งยืนของโลกอย่างต่อเนื่อง ทั้งในมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล เสาที่ 1 : ผู้บริโภคที่ตื่นตัวกับประเด็นความยั่งยืน จากผลสำรวจของ Euromonitor ในปี 2024 พบว่า 26.5% ของผู้บริโภคทั่วโลก เป็น “Green Spenders” หรือผู้ที่ยินดีจ่ายเพื่อสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งผู้บริโภคกลุ่มนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากผลกระทบของวิกฤติโลกร้อนและทรัพยากรธรรมชาติเสื่อมโทรมที่จะทวีความรุนแรงขึ้นในอนาคต โดยข้อมูลจาก Bain & Company ในปี 2024 ชี้ให้เห็นว่า 40% ของผู้บริโภคที่หันมาซื้อสินค้ายั่งยืนในหลายประเทศ เกิดจากการได้รับผลกระทบโดยตรงจากปัญหาสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับผลสำรวจของ SCB EIC ในปีเดียวกัน ที่พบว่า 47% ของผู้บริโภคไทยที่ซื้อสินค้ายั่งยืนมีแรงจูงใจมาจากการรับรู้ถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
เสาที่ 2 : หน่วยงานกำกับและรัฐบาลในประเทศต่าง ๆ ยังคงให้ความสำคัญกับความยั่งยืน แม้ทรัมป์จะลดบทบาทของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ในการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม แต่รัฐและเมืองใหญ่ต่าง ๆ ในสหรัฐฯ ยังคงเดินหน้าดำเนินนโยบายของตนเอง เช่น ในเดือนธันวาคม 2024 รัฐนิวยอร์กประกาศใช้กฎหมายเรียกเก็บค่าปรับจากบริษัทผู้ผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิล เพื่อบรรเทาผลกระทบจากโลกร้อน ขณะที่สหภาพยุโรปยังเดินหน้าตั้งกำแพงภาษีคาร์บอน (CBAM) และยังคงยืนยันที่จะเป็นผู้นำการลดก๊าซเรือนกระจกและมุ่งสู่เป้าหมายหมาย Net zero โดยผู้นำ EU ได้รับรองปฏิญญาบูดาเปสต์ในเดือนพฤศจิกายน 2024 เพื่อยืนยันเป้าหมายนี้ นอกจากนี้ รัฐบาลทั่วโลกยังคงเข้มงวดกับประเด็นด้านสังคม เช่น EU ที่ยังใช้มาตรการห้ามนำเข้าปลาจากประเทศที่มีการทำประมงผิดกฎหมาย (IUU Fishing) และสหรัฐฯ ที่เพิ่งประกาศห้ามนำเข้าสินค้าจาก 37 บริษัทจีนที่ละเมิดสิทธิแรงงาน สำหรับไทยเอง รัฐบาลและหน่วยงานกำกับกำลังดำเนินนโยบายด้านความยั่งยืนหลายด้าน เช่น การเตรียมออก พ.ร.บ. โลกร้อนในช่วงปี 2025-2026 และการออกกฎหมายยกระดับธรรมาภิบาลของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ในปี 2025 เป็นต้นเสาที่ 3 : ภาคธุรกิจต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องจัดการความเสี่ยงจากวิกฤติสิ่งแวดล้อม ข้อมูลจาก PwC (PricewaterhouseCoopers) ในปี 2023 ชี้ให้เห็นว่า 55% ของ GDP โลกมาจากอุตสาหกรรมที่พึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติในระดับปานกลางถึงสูง เช่น เกษตรกรรม อาหาร และก่อสร้าง ซึ่งหากปัญหาโลกร้อนและการสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติรุนแรงขึ้น ธุรกิจเหล่านี้จะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง บริษัทหลายแห่งจึงมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม เช่น เนสท์เล่ มีเป้าหมาย Net zero ภายในปี 2050 และมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนวัตถุดิบจากพื้นที่เกษตรกรรมเชิงฟื้นฟูเป็น 50% ภายในปี 2030 ซึ่งธุรกิจในไทยเองก็ไม่ต่างกัน โดยการประเมินของ PwC ในปี 2024 พบว่า 61% ของมูลค่าหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมาจากธุรกิจที่พึ่งพาธรรมชาติในระดับปานกลางถึงสูง ซึ่งหมายความว่าหากภาคธุรกิจไทยไม่เร่งจัดการความเสี่ยงจากปัญหาสิ่งแวดล้อม ก็อาจเผชิญกับผลกระทบร้ายแรงในอนาคตจากที่กล่าวมาจะเห็นว่า แม้ทรัมป์จะกลับมา แต่แรงขับเคลื่อนเมกะเทรนด์ด้านความยั่งยืนของโลกยังมีอยู่มาก โดยสิ่งที่น่ายินดี คือ บริษัทไทยหลายแห่งได้เริ่มปรับการดำเนินธุรกิจไปสู่ความยั่งยืนอย่างจริงจัง สะท้อนได้จากในปี 2024 มีบริษัทไทย 26 บริษัทติดอันดับดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (DJSI) ซึ่งให้การรับรองความโดดเด่นด้านความยั่งยืนของบริษัทชั้นนำทั่วโลก อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่ากังวล คือ บริษัทไทยจำนวนไม่น้อยยังไม่เริ่มปรับตัว โดยจากการสำรวจของ SCB EIC ในปี 2024 พบว่า 75% ของ SME ขนาดจิ๋ว และ 62% ของ SME ขนาดเล็ก ยังไม่มีแผนในการปรับตัวด้านความยั่งยืน จากข้อจำกัดที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความยั่งยืน ความกังวลว่าต้นทุนจะสูงขึ้น และการขาดแคลนเงินทุน 3 แนวทางเพื่อให้ธุรกิจเปลี่ยนผ่านไปสู่ความยั่งยืนได้สำเร็จจากประสบการณ์ของลูกค้า SCB ที่ปรับตัวได้สำเร็จ SCB EIC เสนอ 3 แนวทางเพื่อให้ธุรกิจเปลี่ยนผ่านไปสู่ความยั่งยืนได้สำเร็จ ดังนี้ 1) ตีโจทย์ให้แตก ธุรกิจต้องรู้ให้ชัดว่าโจทย์ความยั่งยืนที่แท้จริงของบริษัทคืออะไร 2) ร่วมแรงกันทำ บริษัทต้องผนวกความยั่งยืนเข้าไปในกลยุทธ์หลักของธุรกิจและการดำเนินงานของในทุกฝ่ายขององค์กร พร้อมทั้งร่วมมือกับซัพพลายเออร์ คู่ค้า ชุมชนและพันธมิตรอื่น ๆ ในการเปลี่ยนผ่านไปสู่ความยั่งยืน 3) นำเทคโนโลยีมาใช้ โดยเทคโนโลยีมีศักยภาพที่หลากหลายในการช่วยขับเคลื่อนความยั่งยืน เช่น การใช้ IoT และ Smart systems เพื่อติดตามการใช้พลังงานและนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน เป็นต้นการกลับมาของทรัมป์อาจชะลอการดำเนินนโยบายด้านความยั่งยืนของสหรัฐฯ แต่แนวโน้มระดับโลกยังคงเดินหน้าต่อ ธุรกิจไทยที่ไม่ปรับตัว อาจพบว่าตัวเองถูกลูกค้าทิ้ง คู่แข่งแซง และเสียโอกาสทางการตลาด ดังนั้น ธุรกิจที่ยังไม่ลงมือทำอะไรเกี่ยวกับความยั่งยืนควรเริ่มดำเนินการทันทีจากสิ่งใกล้ตัว เพราะการเริ่มต้นแม้จะมีความเสี่ยง แต่การไม่เริ่มเลยรับรองได้ว่า “พ่ายแพ้อย่างแน่นอน” ในโลกที่กำลังมุ่งหน้าสู่ความยั่งยืนคุณพร้อมหรือยังที่จะก้าวเดินบนเส้นทางสู่ความยั่งยืน เพื่อสร้างอนาคตที่มั่นคงให้ธุรกิจและคนรุ่นหลัง?
: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์
เจ๊มดแดง ไต่กิ่งมะม่วง เห็น นักลงทุนรายย่อย ขาย หลังจากสะสมหุ้นมานาน เมื่อSET บวกแรง ต่างชาติ ลุยซื้อ สถาบันในประเทศ ...
NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68
Hooninside
สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้
ชื่อหรือรหัสของคุณไม่ถูกต้อง
Please, check your email format before submit.
Please, Enter you password.
Please, Enter minimum 3 character.
Please, Enter minimum 6 character.
กรุณากรอกอีเมล์ที่คุณใช้สมัครสมาชิกแล้วกดส่งเมล์