AT THE OPEN (#ATO)
SET Index ตั้งฐานในกรอบ 1180-1200
กลยุทธ์เลือกหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะ

Market Strategy
SET Index คาดแกว่งตามกรอบ 1180-1200 จุด ปัจจัยแวดล้อมต่างประเทศผสมผสาน โดยมีปัจจัยบวกจากความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างรัสเซีย-ยูเครนลดลง แต่ประเด็นความกังวลต่อเศรษฐกิจ จากผลนโยบายที่ไม่แน่นอนของสหรัฐฯ ยังกดดัน ด้านปัจจัยในประเทศความคืบหน้ามาตรการ TESGX ประเมินช่วยจำกัด Downside แต่ยังไม่ได้ทำให้ตลาดกลับทิศ หุ้นเด่นวันนี้เลือก BDMS AWC

ปัจจัยเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ลดลง หลังจากรายงานยูเครนตกลงแผนหยุดยิง 30 วัน ตามการเจรจากับสหรัฐฯ หากรัสเซียยอมรับแผนดังกล่าว ซึ่งเรามองเป็น Sentiment บวกอ่อนๆ แต่เชื่อว่าตลาดจะให้น้ำหนักกับประเด็นทางเศรษฐกิจมากกว่า ซึ่งวานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯยังปรับลงในช่วง -0.2% ถึง -1.14% จากความไม่แน่นอนของนโยบายภาษีสหรัฐฯ ที่วานนี้คุณทรัมป์เผยจะขึ้นภาษีเหล็กและอลูมิเนียมแคนาดาเป็น 50% จากเดิม 25% เพื่อตอบโต้แคนาดาที่จะเตรียมขึ้นภาษีส่งออกไฟฟ้าไปสหรัฐฯ แต่สุดท้ายสามารถเจรจากันได้และเก็บภาษีในอัตรา 25% ตามเดิม สำหรับวันนี้ติดตามรายงานเงินเฟ้อสหรัฐฯเดือน ก.พ. ตลาดคาดขยายตัว 2.9%YoY จากเดือนก่อน 3%YoY หากออกมาไม่มากกว่าตลาดคาด อาจเป็นบวกต่อความกังวลต่อเงินเฟ้อสหรัฐฯ ลดลง

วานนี้ ครม. มีมติเห็นชอบการจัดตั้งกองทุน Thai ESG X ที่จะเปิดให้ซื้อหน่วยลงทุนได้ในเดือน พ.ค.-มิ.ย.68 โดยเม็ดเงินไหลเข้าจะมาจาก 2 ส่วน 1) เม็ดเงินใหม่ที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมสูงสุดไม่เกิน 3 แสนบาท 2) เม็ดเงินโอนจาก LTF ที่ครบกำหนดไถ่ถอนได้รับสิทธิสูงสุด 5 แสนบาท เราประเมินช่วยลดแรงไถ่ถอน LTF ที่ครบกำหนดไถ่ถอน 1.8 แสนล้านบาท ออกไปอย่างน้อย 5 ปี โดยคลังคาดว่าจะมีผู้โอนย้าย LTF ไป Thai ESGX ราว 75% ของ NAV หรือ 1.35 แสนล้านบาท ขณะที่เม็ดเงินใหม่เข้ามา TESGX เราคาดอยู่ในช่วง 9 พันล้านบาทถึง 1.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งผลของมาตรการ เราคาดว่าจะเป็นปัจจัยช่วยจำกัด Downside จากแรงไถ่ถอน LTF แต่ยังไม่ได้เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ตลาดกลับทิศ โดยหุ้นที่เราคาดว่าจะได้ประโยชน์ คือ หุ้นที่กองทุน TESG ถือครองและแนวโน้มกำไรเติบโต ADVANC BDMS CPN PR9 BBL KTB

Market Summary
SET Index ย่อเช้า -1.4% ตามตลาดหุ้นภูมิภาค ก่อนช่วงบ่ายฟื้นกลับมายืนในแดนบวก +0.9% จาก ครม. มีมติเห็นชอบจัดตั้งกองทุน TESGX หนุนดัชนี SETESG +1.23% นำตลาดโดยหุ้นปรับขึ้นเด่น GPSC +6% BGRIM +5% หนุนจาก กกพ.เปิดรับฟังความคิดเห็นค่าไฟเดือน พ.ค.–ส.ค.68 ช่วง 4.15-5.16 บาท/หน่วย ซึ่งระดับต่ำสุดที่เท่ากับช่วง 4M68 หุ้นที่กอง TESG ถือในสัดส่วนที่สูง CPALL +2% AOT +5% CPN +1% GULF +1% ADVANC +0.8% โดยแรงซื้อมาจากนักลงทุนสถาบันในประเทศ 1.9 พันล้านบาท

DAILY Stock Pick
BDMS
แนวโน้มรายได้ 1Q68 ยังเติบโตดี
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 31.00 บาท
ผู้บริหารคาดการณ์การเติบโตของรายได้ในครึ่งปีแรกของปี 2568 ที่ 7-8% โดยคาดว่าอัตรากำไร EBITDA จะคงที่ 24-25% ซึ่งใน 2M68 การเติบโตรายได้แข็งแกร่งมากกว่า 7%YoY จากรายได้ผู้ป่วยไทยเพิ่มขึ้น 5%YoY และผู้ป่วยต่างชาติเพิ่มขึ้นมากกว่า 10%YoY จากผู้ป่วยตะวันออกกลางที่ขยายตัว 24-26% หนุนจากประเทศกาตาร์และ UAE โดย BDMS เชื่อว่าราคาน้ำมันดิบที่ปรับลงไม่กระทบต่อผู้ป่วยตะวันออกลาง
เราคาดกำไรปี 68 ขยายตัว 7.6%YoY ดีกว่ากลุ่มที่ขยายตัว 5% ขณะที่ราคาปัจจุบันมีปันผลสูงที่ 3.4% โดยแรงขับเคลื่อนราคาหุ้นในระยะถัดไปอยู่ที่ Fund Flow ของกองทุน TESGX ที่ ครม.ผ่านความเห็นชอบวานนี้ ซึ่งเราคาดว่า BDMS จะเป็นหนึ่งในหุ้นที่ได้ประโยชน์มองราคาหุ้นที่ย่อตัวจากการขึ้นเครื่องหมาย XD 0.4 บาท/หุ้น วันนี้น่าจะเป็นจุดตั้งรับ

KEY FACTOR
การเจรจาสันติภาพระหว่างยูเครน-รัสเซียเมื่อวานนี้ ล่าสุดยูเครนรับข้อเสนอหยุดยิง 30 วัน ตามที่สหรัฐฯเสนอ ซึ่งถือเป็นสัญญาณเชิงบวกในการเจรจา ในขณะที่ข้อตกลงแร่ธาตุระหว่างสหรัฐฯ และยูเครนก็กลับมาเดินหน้าต่อ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะมีบทสรุปในช่วงถัดไป

ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน ก.พ. ที่จะรายงานคืนนี้ Consensus คาดว่า 1) เงินเฟ้อทั่วไป (Headline CPI) จะปรับตัวขึ้น +2.9% YoY และ +0.3% MoM (ชะลอลงจากเดือนที่ผ่านมาที่ +3.0%YoY และ +0.5%MoM) 2) เงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) จะปรับตัวขึ้น +3.2% YoY และ +0.3% (ชะลอตัวลงเช่นกันจาก +3.3% YoY และ +0.4% MoM ) น่าจะมีผลต่อมุมมองตลาดต่อทิศทางดอกเบี้ยที่อยู่ในจุดที่กังวลต่อทั้งเศรษฐกิจถดถอย และเงินเฟ้อสูง (ล่าสุดตลาดให้น้ำหนักโอกาส Fed ลดดอกเบี้ยเฉลี่ย 3.2 ครั้ง ในปี 2568)

EYES ON
12 มี.ค. รายงานเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน ก.พ., สหรัฐฯ เก็บภาษีนำเข้าเหล็ก-อลูมิเนียม 25%
13 มี.ค. ดัชนี PPI สหรัฐฯเดือน ก.พ., ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม Eurozone เดือน ม.ค.

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ