Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

216

 

เจ็บแปลบขึ้นมาทันที ถูกหุ้นสหรัฐทำงี้
TOP PICK ADVANC / TISCO / CPALL


EXTERNAL FACTOR
XTERNAL FACTOR
GLOBAL INDICES

• วานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลงแรงราว 2%-4% ซึ่งมาจากหุ้นกลุ่ม MAG 7 ซะส่วนใหญ่ อาทิ AAPL -4.85% NVDA -5.07% MSFT -3.34% GOOGL -4.60% AMZN-2.36% META -4.42% TSLA -15.43%
• สาเหตุหลักที่กดดันตลาดหุ้นสหรัฐฯมาจาก 3 ส่วน 1. นักวิเคราะห์จากหลายสำนักได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่งผลให้โอกาสการเกิด RECESSION มากขึ้น 2.สหรัฐฯเสี่ยงเกิดภาวะ GOVERNMENT SHUTDOWN สัปดาห์นี้3. วานนี้ TRUMPให้สัมภาษณ์กับสื่อในสหรัฐฯ โดยใจความสื่อถึงการเพิ่มความผันผวนต่อตลาดหุ้น


INTERNAL FACTOR
นโยบายตั้งกำแพงภาษีรอบใหม่ในยุค TRUMP 2.0 จงใจกีดกันทุกประเทศ เพื่อลดการเอาเปรียบสหรัฐฯ
• ทำให้ “เศรษฐกิจไทย” มีความเสี่ยงมากขึ้น ในการหลีกเลี่ยงผลกระทบ TRADE WARโดยเฉพาะภาคการส่งออก และอาจลามไปถึงการบริโภค และการจ้างงานได้ ด้วยเหตุผลหลักๆ อาทิไทยพึ่งส่งออกสูง, ไทยได้ดุลการค้ากับสหรัฐฯ มากขึ้น, ไทยเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ในอัตราที่สูงกว่า

 

NVESTMENT STRATEGY
วานนี้หุ้นสหรัฐฯ ปั่นป่วน NASDAQ -4% โดยหลังทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง 50 วัน NASDAQ -9.4% (TESLA -48%) พร้อมกับดอลลาร์อ่อนค่า 5% แสดงให้เห็นถึงความไม่มั่นใจต่อนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลสหรัฐ

ส่วนตลาดหุ้นไทยต้องระวังหากหลุดแนวรับสำคัญ 1173 จุด มีโอกาสลงได้ลึก แนะนำถือเงินสดเพิ่มเติม แต่ถ้ากลับมายืนเหนือ 1187 จุด แนะนำสะสมหุ้น 8 DIVIDEND RANGER เพิ่ม AP, SPALI, SCC, PTTEP, BH, ITC,WHA, CPALL

 

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ PANIC SELL หลังมีปัจจัยกดดันหลายส่วน
วานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลงแรงราว 2%-4% ซึ่งมาจากหุ้นกลุ่ม MAG 7 ซะส่วนใหญ่ อาทิ AAPL -4.85%NVDA -5.07% MSFT -3.34% GOOGL -4.60% AMZN -2.36% META -4.42% TSLA -15.43%


โดยสาเหตุหลักๆที่กดดันตลาดหุ้นสหรัฐฯมาจาก 3 ส่วน ดังนี้
1. นักวิเคราะห์จากหลายสำนักได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯ(GDP GROWTH) ทั้งโกลด์แมน แซคส์และมอร์แกน สแตนลีย์โดยทาง BLOOMBERG ได้รวบรวมข้อมูลและบ่งชี้ว่าโอกาสที่สหรัฐฯ จะเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยเพิ่มขึ้นจาก เป็น 20% เป็น 25% โดยได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีของTRUMP และเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับธนาคารกลางสหรัฐ (FED) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยแบบจำลองคาดการณ์ GDP บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐ1Q68 จะหดตัว -2.4%QOQ (ก่อนหน้านี้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว +2.3%QOQ ในไตรมาสดังกล่าว)


2. สหรัฐเสี่ยงเกิดภาวะ GOVERNMENT SHUTDOWN สัปดาห์นี้ หากสภาคองเกรสงัดข้อปมออกงบประมาณชั่วคราว ซึ่งก่อนหน้านี้ สมาชิกพรรครีพับลิกันเสนอแผนที่จะทำให้รัฐบาลสหรัฐมีงบประมาณที่จะบริหารประเทศจนถึงวันที่ 30 ก.ย.68 แต่ก็คาดว่าจะถูกขัดจากสมาชิกพรรคเดโมแครต ซึ่งจากสถิติในอดีตการเกิด GOVERNMENT SHUTDOWN มักกดดันตลาดหุ้นปรับตัวลง โดยเกิดขึ้นในช่วงปลายปี2018 ตลาดหุ้น S&P500 ปรับลง 7% ในช่วง 1 สัปดาห์ก่อนหน้า

 

 

3. วานนี้ TRUMP ให้สัมภาษณ์กับสื่อในสหรัฐฯ โดยใจความสื่อถึงการเพิ่มความผันผวนต่อตลาดหุ้น ซึ่ง
TRUMP ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับปฏิกิริยาด้านลบที่ตลาด REACT ต่อความไม่แน่นอนของ
มาตรการภาษีของตนเอง รวมทั้งปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นว่ากระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับมาตรการ
ภาษีที่ไม่แน่นอนของเขานั้น อาจผลักดันให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยหรือไม่ และทิ้งท้ายไว้ว่าเศรษฐกิจ
ระยะสั้นต้องเจ็บปวดก่อนแล้วค่อยดีขึ้น และไม่ควรเฝ้าดูจอหุ้นจนมากเกินไป

เศรษฐกิจไทยเสี่ยง...หลีกเลี่ยงผลกระทบ TRADE WAR ยาก
นโยบายตั้งกำแพงภาษีรอบใหม่ในยุค TRUMP 2.0 จงใจกีดกันทุกประเทศ เพื่อลดการเอาเปรียบสหรัฐฯ ทำให้“เศรษฐกิจไทย” มีความเสี่ยงมากขึ้น ในการหลีกเลี่ยงผลกระทบ TRADE WAR โดยเฉพาะภาคการส่งออก และอาจลามไปถึงการบริโภค และการจ้างงานได้ ด้วยเหตุผลหลักๆ อาทิ
• ไทยพึ่งส่งออกสูง โดยคิดเป็นสัดส่วน 64% ของ GDP และส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วน 17%
• ไทยได้ดุลการค้ากับสหรัฐฯ มากขึ้น โดยในปี 2017 อยู่ลำดับที่ 14 (มูลค่า 2.01 หมื่นล้านเหรียญฯ) ขณะที่ปี 2024 อยู่ลำดับที่ 11 (มูลค่า 4.56 หมื่นล้านเหรียญฯ)
• ไทยเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ในอัตราที่สูงกว่าโดยล่าสุดรายงานของ USTR เผย อัตราภาษีนำเข้าจากสหรัฐที่อยู่ระดับสูง โดยเฉพาะสินค้าเกษตร ซึ่งของไทยเฉลี่ยอยู่ที่ 27% และสินค้าอื่นๆ เฉลี่ยอยู่ที่7.1% เทียบกับของสหรัฐในด้านสินค้าเกษตรอยู่ที่ 5% ส่วนสินค้าอื่นๆ เฉลี่ยอยู่ที่ 3.1%

ทั้งนี้ ผลกระทบจากนโยบายทางค้าของ TRUMP ยังต่องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะหลังวันที่ 2 เม.ย. 68 เป็นต้นไป ขณะที่วานนี้ ในงานเสวนา TRADE WAR 2025 จะรับมือกับ TRUMP อย่างไร? มีมุมมองว่า ไทยเสี่ยงถูกเช็คบิลหลังเกินดดุลกับสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น บวกกับต้นทุนภาษีส่งออกมีโอกาสสูงขึ้น อีกทั้งสินค้าจีนเสี่ยงทะลักเข้ามาในบ้านเรามากขึ้น ส่วนการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในยุค TRUMP 2.0 อาจไม่โดดเด่นเหมือนในอดีต เนื่องจากTRUMP เตรียมขึ้นภาษีทุกประเทศ การย้ายฐานการผลิตอาจจะไม่มีผล

สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในบ้านเรา ล่าสุดบอร็ดกระตุ้นเศรษฐกิจเคาะแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 3กลุ่มอายุ16-20 ปีราว 2.7 ล้านคน วงเงิน 27,000 ล้านคน ใช้จ่ายได้ทุกอย่าง คาดเริ่มช่วงปลาย 2Q68 – ช่วงต้น3Q68 ส่วนเฟส 4 คาดเข้า ครม. เดือน ก.ย. นี้

สรุป ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในระยะถัดไปยังต้องระมัดระวัง โดยเฉพาะผลกระทบ TRADE WAR ต่อภาคการส่งออกและอาจลามไปถึงการบริโภค และการจ้างงานได

ตลาดหุ้นโลกปั่นป่วน SET จ่อหลุดแนวรับสำคัญ 1173 จุด
วานนี้หุ้นสหรัฐฯ ปั่นป่วน NASDAQ -4% โดยหลังทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง 50 วัน NASDAQ -9.4% และหุ้น 7 นางฟ้าปรับตัวลดลงทั้งหมด TESLA -48% NVIDIA -22%, GOOGLE -15%, AMAZON -14%, MICROSOFT -11%,META -2% พร้อมกับดอลลาร์อ่อนค่า 5% แสดงให้เห็นถึง ความไม่มั่นใจต่อนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลสหรัฐ

อย่างน้อยๆ ก็เห็นได้ว่า 50 วันหลังทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง ตลาดหุ้นโลกที่ไม่นับรวมหุ้นสหรัฐ อย่าง MSCI ACWI EXUSA +7% ผันผวนน้อยกว่าสหรัฐ อย่าง NASDAQ ที่ -9.4% แสดงให้เห็นเม็ดเงินมีการโยกย้ายการลงทุนมานอกสหรัฐมากขึ้น


ส่วนตลาดหุ้นไทยต้องระวังหากหลุดแนวรับสำคัญ 1173 จุด มีโอกาสลงได้ลึก แนะนำถือเงินสดเพิ่มเติม แต่ถ้ากลับมายืนเหนือ 1187 จุด แนะนำสะสมหุ้น 8 DIVIDEND RANGER เพิ่ม AP, SPALI, SCC, PTTEP, BH, ITC,WHA, CPAL


Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้