News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

11 มี.ค. 2568 09:06:50 310

Market Wrap-Up

SET วันที่ 10 มี.ค.68 ปิด -24.59 จุด อยู่ที่ 1,177.44 จุด มูลค่าการซื้อขาย 34,257 ลบ. ต่างชาติขาย 3,372 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 334 ลบ. สถาบันขาย 533 ลบ.และรายย่อยซื้อ 4,240 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 2,149 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น AOT,PTTEP,ADVANC,TTB,KTB และขายหุ้น DELTA,GULF,INTUCH,PTTGC,BDMS มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,152 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ TAIWANAI13,TDEX,TAIWANHD13 โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 30,356 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Short สุทธิรวม 8,174 สัญญา นักลงทุนต่างชาติซื้อพันธบัตรจำนวน 226 ลบ.
ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -2.08%, S&P500 -2.70%, Nasdaq -4.0% จากแรงขายกลุ่มเทคโนโลยี -4.3%,สินค้าฟุ่มเฟือย -3.9% จากความกังวลภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย ขณะที่กลุ่มสาธารณูปโภค +1.0% และพลังงาน +0.95% ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -1.29% นำโดยกลุ่มเทคโนโลยี -3.1%, ธนาคาร -2.7%, อุตสาหกรรม & ป้องกันประเทศ -2.1% กังวลควาไม่แน่นอนของ ม.ภาษีศุลกากรของสหรัฐ และรอแผนกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลใหม่ของเยอรมัน

Market View

ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับลดลง จากแรงขายกลุ่มเทคโนโลยี, สินค้าฟุ่มเฟือย หลัง ปธน.ทรัมป์ปฏิเสธให้ความเห็นต่อประเด็นเศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอยหรือไม่ แต่เตือนให้ภาคธุรกิจ & ผู้บริโภคระวังในช่วงเปลี่ยนผ่าน และเงินเฟ้อสหรัฐอาจปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่ Goldman Sachs ชี้มีโอกาส 20% & เดิมคาด 15% ที่เศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอย สาเหตุมาจาก ม.ปรับขึ้นภาษีศุลกากร อาจส่งผลให้เงินเฟ้อสูงขึ้น ซึ่งจะกระทบด้านลบต่อการจ้างงานและเศรษฐกิจสหรัฐ ส่วนเฟดแอตแลนตา เผย GDPNow ซึ่งคาด US GDP Q1/68 อาจหดตัว -2.4% & เดิมคาด +2.3% QoQ ส่งผลให้ดัชนี VIX วานนี้ปรับขึ้นอยู่ที่ 27.86 จุด สูงสุดนับตั้งแต่ ส.ค. 67 โดยสัปดาห์นี้วันพุธติดตาม US CPI ก.พ. คาด 2.9% & ม.ค. 3.0% YoY ก่อนการประชุมเฟด 18 – 19 มี.ค.
ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับลดลง จากความกังวลสหรัฐอาจเรียกเก็บภาษีศุลกากรสินค้าจากยุโรปในอัตรา 25% เช่นเดี่ยวกับเม็กซิโกและแคนาดา ขณะที่นักลงทุนรอแผนกระตุ้นเศรษฐกิจเยอรมัน ด้วยงบลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 5 แสน ล.ยูโรในช่วง 10 ปีข้าหน้า รวมถึงการลดข้อจำกัดในการกู้เงิน และการเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหม ซึ่งหากไม่สำเร็จอาจส่งผลด้านลบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเยอรมัน ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวันศุกร์นี้ติดตาม CPI เยอรมัน, ฝรั่งเศส, สเปน ก.พ.
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ปรับลดลง นำโดยดัชนีเซี่ยงไฮ้ -0.19%, ฮั่งเส็ง -1.85% หลังรายงาน CPI จีน ก.พ. -0.7% YoY ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 13 เดือน และ PPI จีน ก.พ. -2.2% YoY ซึ่งบ่งชี้เศรษฐกิจจีนอยู่ในภาวะเงินฝืด ดังนั้นรัฐบาลจีนจะต้องออก ม.ด้านการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรจีนอายุ 10 ปี ปรับขึ้น +0.10% อยู่ที่ 1.865% และธนาคารกลางจีนอาจต้องชะลอการลดดอกเบี้ยไปก่อน
ดัชนี SET วานนี้ -2.05% ปริมาณการซื้อขาย 34,257 ลบ. ต่างชาติขาย 3,372 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 334 ลบ. สถาบันขาย 533 ลบ. และรายย่อยซื้อ 4,240 ลบ. โดยดัชนีปรับลดลงจากแรงขายกลุ่ม Global Play เช่น อิเล็กทรอนิกส์, ปิโตรเคมี, วัสดุก่อสร้าง หลังข้อมูลเศรษฐกิจจีน ก.พ. อาจเข้าสู่ภาวะเงินฝืด ซึ่งเป็นผลลบต่ออุปสงค์กลุ่ม Global Play และยังรอประเมิน ม.กระตุ้นเศรษฐกิจจีน หลังการประชุม NPC ในวันนี้ว่าจะใช้เม็ดกระตุ้นเศรษฐกิจเท่าไร ส่วนด้านการส่งออกไทยยังต้องรอดูผลกระทบจาก ม.ปรับขึ้น Universal Tariffs ของสหรัฐในวันที่ 2 เม.ย. ขณะที่วานนี้ที่ประชุมบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจเตรียมแจกเงิน 1 หมื่นบาท ให้กลุ่มวัยรุ่นอายุ 16 – 20 ปี จำนวน 2.7 ล.คน ผ่านดิจิทัล วอลเล็ตในช่วงปลาย Q2 หรือ ต้น Q3 นี้ เป็นเม็ดเงินกระตุ้นกำลังซื้อราว 2.7 หมื่น ลบ. ซึ่งคาดจะส่งผลบวกต่อ GDP ไทยค่อนข้างน้อย และยังจำเป็นต้องออก ม.เสริมเพิ่มเติม โดยภาพรวม Fund Flow ต่างชาติยังชะลอการลงทุนในตลาดเกิดใหม่ ในช่วงที่มีความไม่แน่นอนจาก ม.ปรับขึ้นภาษีศุลกากรของ ปธน.ทรัมป์ ซึ่งอาจส่งผลให้ภาวะการค้าโลกชะลอตัว

Daily Strategy

ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,150 – 1,160 แนวต้าน 1,180 – 1,190 คาดดัชนี SET จะถูกกดดันจากความกังวลภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว จากความไม่แน่นอนนโยบายการค้าของสหรัฐ ส่งผลให้เม็ดเงินต่างชาติยังชะลอการลงทุนในกลุ่ม TIP แนะนำพักเงินในกลุ่มปลอดภัย & ปันผลสูง เช่น SCB, AP, TTW, DIF, 3BBIF
BA* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 27.50 บาท) ในปี 68 บริษัทตั้งเป้าจำนวนผู้โดยสารที่ 7 ล้านคน +9%YoY เน้นเส้นทางเข้าออกจากเกาะสมุยเป็นหลักซึ่งมีกำไรดีตามความต้องการในการเดินทางที่สูง ขณะที่แนวโน้มค่าโดยสารเฉลี่ยคาดว่าจะใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 4,200 บาท/คน/เที่ยวบิน จาก supply ที่เพิ่มช้ากว่า demand ประเมิน Load Factor ที่ 82% สูงขึ้นจากปีก่อนที่ 80% ระยะสั้น 1Q68 คาดกำไรยังขยายตัวได้ QoQ, YoY มีปัจจัยบวกจาก High season และได้กระแส The White Lotus หนุนการท่องเที่ยวเกาะสมุย ส่วนฝั่งต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิงลดลงจากปีก่อน ทั้งนี้ตลาดคาดการณ์กำไรสุทธิในปี 68 ที่ราว 4 พันล้านบาท +6%YoY
CPF (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย00 บาท) กำไรสุทธิ 4Q67 อยู่ที่ 4,173 ลบ.(+3,346%YoY, -42.91%QoQ,) โดย QoQ มีปัจจัยกดดันกำไรจาก รายการขาดทุนจากการด้อยค่าราว -2,467 ลบ.(ไก่จีน/สัตว์น้ำเวียดนาม) ซึ่งหากตัดปัจจัยดังกล่าวออกไป การดำเนินงานยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี รายได้และ GPM มีแรงหนุนจากราคาสุกรในไทยและเวียดนามที่ประคองตัวในโซนทำกำไรต่อจาก 3Q67 และปรับตัวดีขึ้นชัดเจน YoYประกอบกับต้นทุนอาหารสัตว์บกยังไม่สูง ส่งผลให้ GPM ไตรมาสนี้อยู่ที่ 15.67% +646bsp YoY +29 bspQoQ ด้านส่วนของ Equity Income ยังมีแรงหนุนจาก CPALL สำหรับแนวโน้มกำไรช่วงถัดไป 1Q68 เราคาดว่าจะยังอยู่ในเกณฑ์ดีหนุนด้วยราคาสุกร โดยเดือนก.พ.68 ราคาสุกรไทยอยู่ที่ 79.00 บาท/กก.(+16%YoY, +4%MoM)

Daily Key Factors

Oil Update(-) WTI เม.ย. -$1.01 อยู่ที่ $66.03 / บาร์เรล, Brent พ.ค. -$1.08 อยู่ที่ $69.28/บาร์เรล กังวล ม.ปรับขึ้นภาษีศุลกากรของสหรัฐ อาจส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ซึ่งเป็นผลลบต่ออุปสงค์น้ำมัน กอปรกับกลุ่มโอเปกพลัสเตรียมเพิ่มกำลังการผลิต 138,000 บาร์เรล/วัน ใน เม.ย. และรอผลการเจรจาระหว่างสหรัฐกับยูเครน ในการทำข้อตกลงสันติภาพกับรัสเซีย

Gold Update(-) Comex Gold เม.ย.$-14.70 อยู่ที่ $2,899.40 /ออนซ์ ถูกแรงขายทำกำไร จากความกังวลภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอาจเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอย และวันพุธนี้ยังรอตัวเลข US CPI ก.พ.

Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -126.84 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -99.71 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -51.68 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +24.55 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 33.92 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 4.163 %

(+) ดัชนี BDI วานนี้ +24 จุด อยู่ที่ 1,424

(-) BitCoinเช้านี้ -5.42% อยู่ที่ 77,312 ดอลลาร์สหรัฐ

(0) GDP ญี่ปุ่น Q4/67 +0.6% & Q3/67 +0.3% QoQ

Economic Calendar

ในประเทศ

12 มี.ค. ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม

สัปดาห์ที2 ม.หอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค, ดัชนีความเชื่อมั่น

หอการค้าไทย

สภาธุรกิจตลาดทุนไทย แถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนและ

อัพเดตสถานการณ์ลงทุน

ตลท. แถลงสรุปภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์

สัปดาห์ที3 ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วน

ยานยนต์

ต่างประเทศ

11 มี.ค. US ตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่จาก JOLTS (ม.ค.)

12 มี.ค. US ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ก.พ.)

US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

13 มี.ค. US ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) (ก.พ.)

US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

Theme Strategy

Theme หุ้นเด่น 1H68 เน้น หุ้นในธุรกิจใหม่ที่เป็น Trend ในอนาคต อย่าง Data Center รวมถึงหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรปกติ 4Q67-1Q68 คาดออกมาดี และ หุ้นที่รับความผันผวนได้ดีจากความเสี่ยง Trade War/ธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย

(1) กลุ่มธนาคารที่มี Sentiment บวกจากธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย/มี Yield สูง BBL, KTB, KBANK, TISCO*, TTB*

(2) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CRC, NSL*, TNP*, OSP*

(3) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, SKR

(4) กลุ่มมีโอกาสเกี่ยวข้องกับการลงทุน Data Center/ธุรกิจ Trend อนาคต ADVANC,INTUCH*,TRUE,GULF*,AMATA

(5) กลุ่มสินค้า IT ที่ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี(เช่น AI function/ 4G to 5G) SYNEX*, ADVICE*, SIS*

(6) กลุ่มที่มี Sentiment บวกจาก Entertainment Complex BTS*, VGI*, MBK*, BA

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

Today Fundamental Research: -

Monthly Portfolio February 2025: CPALL, SYNEX*, KLINIQ, SHR*, TEGH*

Analysts

Apichai Raomanachai