คาด SET Index แกว่งตัว Sideways to sideways up : แรงหนุนจากความหวังต่อมาตรการยกระดับตลาดหุ้นไทยและความคืบหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ หากแต่ถูกลดทอนด้วยความกังวลสงครามการค้าและความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
แนวรับ-ต้าน
1,195 –1,215
กลยุทธ์การลงทุน
กลยุทธ์การลงทุน
1) จับจ่ายใช้สอยและท่องเที่ยว : AWC, BA, BTG, CENTEL, CPAXT, CPF, CPN, MINT, MTC, OSP, SHR, TFG, THANI
2) พลังงาน : BCP, SPRC, TOP
3) Dividend : AP, NER, SCCC, SIRI, SPALI, TTW
4) Defensive : ADVANC, BCH, BDMS, PR9
ยกระดับ SET Index
มาตรการช่วยตลาดทุนและเศรษฐกิจ : คาด Sentiment หนุนมาจากความหวังต่อมาตรการที่จะมาช่วยสนับสนุนตลาดทุนไทย หลังปธ.ตลท. เผยมีแผนที่จะยกระดับตลาดหุ้นไทยและช่วยฟื้นความเชื่อมั่นนักลงทุนโดยมีมาตรการสำคัญ อาทิ โครงการ 1) ซื้อหุ้นคืน โดยจะมีการลดข้อจำกัดด้านกระบวนการและมีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น อาทิ การปลดล็อกข้อจำกัดเดิมที่กำหนดให้ซื้อหุ้นคืนได้ไม่เกิน 10% ของทุนจดทะเบียน 2)Jump+ซึ่งจะทำให้บริษัทมีผลประกอบการดีขึ้นและสร้างมูลค่าเพิ่มได้จากปัจจุบันหลายหลักทรัพย์มีราคาต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี และ 3) ออมเพื่อซื้อหุ้นไทย โดยเตรียมเดินหน้าโครงการที่จะช่วยดึงดูดนักลงทุนอย่าง Thailand Individual Saving Account (TISA)ที่เป็นโมเดลที่นำมาจาก Nippon Individual Savings Account (NISA) ของญี่ปุ่น ซึ่งโครงการนี้จะทำให้นักลงทุนเข้าลงทุนหุ้นรายตัวได้โดยถือระยะยาวและสามารถนำไปลดหย่อนภาษีภายใต้เพดานที่กำหนด นอกจากนี้ ติดตามการประชุมบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจในวันนี้ ซึ่งอาจเผยถึงความคืบหน้าของโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เฟส 3 รวมถึงมาตรการต่างๆที่จะเข้ามาช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจไทยปี 68 ขยายตัวได้ 3-3.5%
จีนตอบโต้สหรัฐฯมีผลวันนี้ : อย่างไรก็ตาม มองทางขึ้นถูกลดทอนลงด้วย Sentiment ทางลบจากความกังวลสงครามการค้าที่อาจทวีความรุนแรงขึ้น หลังการประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯบางรายการเพิ่มอีก 15% ของจีนจะมีผลบังคับใช้ในวันนี้ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยกระตุ้นให้สหรัฐฯดำเนินมาตรการกีดกันทางการค้าต่อจีนเพิ่มเติม
ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจสหรัฐฯ : มองทิศทางนโยบายการเงินของสหรัฐฯเป็นอีก Sentiment เชิงลบ หลังปธ.เฟด เผยจะรอความชัดเจนเกี่ยวกับผลกระทบของนโยบายปธน.ทรัมป์ ก่อนที่จะดำเนินการด้านอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง นอกจากนี้ แม้ปธ.เฟดจะมองว่าเศรษฐกิจในปัจจุบันยังคงอยู่ในภาวะที่ดี หากแต่ทางฝ่ายมองเศรษฐกิจสหรัฐฯอาจอ่อนแอกว่าที่คาดได้ สอดรับกับตัวเลขแรงงานเดือนก.พ.68 ที่อัตราการว่างงานอยู่ที่ 4.1% มากกว่าตลาดคาดและเดือนม.ค.68 ที่ 4.0% กอปรกับการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเพิ่มขึ้น 1.51 แสนตำแหน่ง ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 1.59 แสนตำแหน่ง และยังมีการปรับตัวเลขในเดือนม.ค.68 เป็นเพิ่มขึ้น 1.25 แสนตำแหน่งจากเดิมรายงานว่าเพิ่มขึ้น 1.43 แสนตำแหน่ง
ปัจจัยเพิ่มเติม
(+) ตลท. เปิดรับฟังความคิดเห็นการทบทวนการกำกับดูแลการขายชอร์ ตและ HFT ถึงวันที่ 31 มี.ค.68 เพื่อดูแลความผันผวนของราคาหุ้น
(+) กรมสรรพากร เผยการจัดเก็บรายได้เดือนก.พ.68 อยู่ที่ 1.49 แสนล้านบาท สูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 4% โดยตัวขับเคลื่อนหลักยังคงเป็น VATจากการบริโภคภายในประเทศที่สูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 7.8%
(+) คาดหุ้นในกลุ่มพลังงานจะได้แรงหนุนราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้น 1.02% ปิดที่ $67.04 ต่อบาร์เรล เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังปธน.สหรัฐฯโพสต์บน Truth Social ว่าเขากำลังพิจารณาอย่างจริงจังในการคว่ำบาตรธนาคารของรัสเซียและเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากรัสเซีย เนื่องจากกองทัพรัสเซียยังคงโจมตียูเครน
(-) จีน เผยเงินเฟ้อเดือนก.พ.68 โดย 1) CPI (y-y) อยู่ที่ -0.7% แย่กว่าตลาดคาดที่ -0.4% และพลิกจาก +0.5%ในเดือนม.ค.68 และ 2) PPI(y-y) อยู่ที่ -2.2%แย่กว่าตลาดคาดที่ -2.0% และนับเป็นการหดตัว 29 เดือนติดต่อกัน
ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน
ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ -นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ และทางเทคนิค #9501
ชุติกาญจน์ สันติเมธวิรุฬ, CISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค #37928
ภัทรดนัย จตุรพร นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน #094041
พศุตม์ โงวิวัฒน์ชัย, CISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน #127632
ฐนพงษ์ แซ่โล้ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ชนพัฒน์ สุวิยานนท์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์