ตลาดปั่นป่วน เลือกหุ้นปันผลฮิลใจ
EXTERNAL FACTOR
• วานนี้ตลาดหุ้นโลกกลับมาผันผวนอีกครั้ง โดยในฝั่งสหรัฐฯ ร่วงลงไปราว -1.0% ถึง - 2.6% แม้ ปธน. จะเลื่อนการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนนาดาและเม็กซิโกออกไป
• แต่ด้วยความไม่แน่นอนในนโยบายการค้าของสหรัฐฯ กดดันผลตอบแทน S&P500 INDEX ลดลงไปอยู่ต่ำกว่าระดับของวันที่ ปธน. TRUMP ชนะการเลือกตั้งเมื่อ 5 พ.ย. 67 ราว -0.77% ส่วนบ้านเรา ผลตอบแทน SET INDEX ร่วงลงไปมากถึง -19.72% ซึ่งผันผวนค่อนข้างมาก
• ขณะที่ความกังวล TRADE WAR ทวีความรุนแรง ทำให้หลายประเทศ (อาทิ UK EU ไทย) เดินหน้าปรับลดดอกเบี้ยในปีนี้ เพื่อเตรียมรับมือกับผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
INTERNAL FACTOR
• บ่ายวันนี้รอเงินเฟ้อไทยเดือน ก.พ. 68 คาด +1.10%YOY ซึ่งชะลอลงจากเดือนก่อน หน้าที่ +1.32%YOY ซึ่งหากตัวเลขออกมาตามคาด อาจบ่งบอกถึงสัญญาณการ ชะลอลงของเศรษฐกิจ ซึ่งสอดคล้องกับ กนง.ที่เพิ่งมีมติปรับลดดอกเบี้ย
• หากนำอัตราดอกเบี้ย – เงินเฟ้อ จะทำให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงของไทยน้อยลงจนเข้า ใกล้ 0 มากขึ้น ซึ่งอาจเป็นหนึ่งปัจจัยที่กดดันให้การลดดอกเบี้ยของ กนง. เกิดได้ยาก ขึ้น ไม่เหมือนประเทศอื่นๆที่มี อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงมากกว่า 1 อาทิ สหรัฐฯ อังกฤษ อินเดีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เวียดนาม เป็นต้น
INVESTMENT STRATEGY
• วานนี้ PROGRAM TRADE ขายหุ้นไทยหนัก -6 พันล้านบาท และ -2.59 หมื่นล้านบาท (YTD) เช่นเดียวกับ ต่างชาติวานนี้ขายหุ้นไทย -4.7 พันล้านบาท, และ -2.38 หมื่นล้านบาท (YTD) เม็ดเงินที่ยังไหลออกเยอะคอยกด ให้ตลาดหุ้นไทยขึ้นยาก
• ภาวะตลาดหุ้นผันผวน หุ้นปันผลมักผันผวนน้อยกว่า สะท้อนได้จาก SETHD -6.7%YTD, SET -15%YTD อีก ทั้ง SET INDEX ยังมี DIVIDEND YIELD สูงถึง 4.2% (+2SD) แนะทยอยสะสมหุ้นปันผลต่อปีสูง อย่าง TOP 9.5%, SCB 8.8%, TISCO 7.9%, PTT 6.3%, LH 7.6%, WHA 6.2%, SCC 5.1% เป็นต้น
STOCK MONITOR
หุ้นอสังหาฯ เด่น
• นายกสมาคมอาคารชุดไทย เผยคาดว่าเตรียมออกมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง เหลือ 0.01% สำหรับการซื้อที่อยู่อาศัยมือหนึ่งและมือสอง ราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 โดยจะ เร่งผลักดันออกมาให้ทันกับงานมหกรรมบ้านและคอนโดในวันที่ 20-23 มีนาคม 68
• ส่วนอีก 3 มาตรการจะทยอยดำเนินการภายในปีนี้คือ ขอยกเลิกมาตรการLTV ชั่วคราว 2 ปี, มาตรการวงเงิน สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ, ลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ปี 2568 ลงร้อยละ 50
• คงแนะนำลงทุนเท่าตลาดสำหรับกลุ่มฯ เลือกหุ้นเด่นที่มีพอร์ตสินค้าหลากหลาย กระจายตัว และฐานธุรกิจ แข็งแรง พร้อมรับประโยชน์จากมาตรการดังกล่าว และให้เงินปันผลสูง ได้แก่ AP SC SIRI SPALI LH เป็นต้น
นโยบายการค้าเปลี่ยนรายวัน เพิ่มความกังวลในตลาดหุ้น
วานนี้ตลาดหุ้นโลกกลับมาผันผวนอีกครั้ง โดยในฝั่งสหรัฐฯ ร่วงลงไปราว -1.0% ถึง -2.6% แม้ ปธน. จะเลื่อนการ เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนนาดาและเม็กซิโกออกไปเป็นวันที่ 2 เม.ย. 68
แต่ด้วยความไม่แน่นอนในนโยบายการค้าของสหรัฐฯ กดดันผลตอบแทน S&P500 INDEX ลดลงไปอยู่ต่ำกว่าระดับ ของวันที่ ปธน. TRUMP ชนะการเลือกตั้งเมื่อ 5 พ.ย. 67 ราว -0.77% ส่วนบ้านเรา ผลตอบแทน SET INDEX ร่วงลง ไปมากถึง -19.72% ซึ่งผันผวนค่อนข้างมาก
ขณะที่ความกังวล TRADE WAR ทวีความรุนแรง ทำให้เห็นสัญญาณการเตรียมรับมือกับผลกระทบกับเศรษฐกิจใน หลายประเทศ สะท้อนผ่านการใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้นในปี 2568 อาทิ อังกฤษ ไทย และล่าสุด “ยุโรป” โดย ECB มีมติปรับลดดอกเบี้ยลงมาอีก 25 BPS. (ครั้งที่ 2 ของปีนี้) สู่ระดับ 2.5% นอกจากนี้ ECB ยังได้ปรับลด คาดการณ์ GDP GROWTH ของยุโรปในปีนี้เหลือ 0.9% (เดิมคาด 1.1%) และปีหน้าเหลือ 1.2% (เดิมคาด 1.4%)
สรุป ตลาดหุ้นโลกยังคงผันผวน ด้วยความไม่แน่นอนในนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ขณะที่ความกังวล TRADE WAR ทวีความรุนแรง ทำให้เห็นสัญญาณการเตรียมรับมือกับผลกระทบกับเศรษฐกิจในหลายประเทศ สะท้อนผ่านการใช้ นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้นในปี 2568
ปัจจัยในประเทศมีอะไรที่น่าติดตามบ้าง ... มาดูกัน
บ่ายวันนี้รอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อไทยเดือน ก.พ. 68 คาด +1.10%YOY ซึ่งชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่ +1.32%YOY ซึ่งหากตัวเลขออกมาตามคาด ถือเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการชะลอลงของเศรษฐกิจ ซึ่งสอดคล้อง กับ กนง.ที่เพิ่งมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนยโยบาย 25 BPS. ลงมาอยู่ที่ระดับ 2.0% ด้วยปัจจัยหลักๆ จากในช่วงที่ ผ่านมาเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้ โดยคาดว่า GDP GROWTH ของไทยปีนี้จะปรับมาอยู่ที่สูงกว่า 2.5% เล็กน้อยเท่านั้น(ซึ่งก่อนหน้านี้ธปท.ประเมิน GDP GROWTH ของไทย +2.9%YOY)
ซึ่งฝ่ายวิจัยฯประเมิน 2H68 กนง.มีโอกาสลดดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง 0.25% เหลือ 1.75% หากตัวเลขเศรษฐกิจไทยยัง ไม่ฟื้นเท่าที่ควร โดยประเมินว่า การปรับลดดอกเบี้ย 25 BPS. จะหนุนระดับ MARKET EARNING YIELD GAP ได้ สูงถึง 5.75% คาดว่า TARGET SET INDEX จะขยับขึ้นมาได้ราว 51 จุด
อย่างไรก็ตามหากนำอัตราดอกเบี้ย - เงินเฟ้อ จะทำให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงของไทยน้อยลงจนเข้าใกล้ 0 มากขึ้น ซึ่ง อาจเป็นหนึ่งปัจจัยที่กดดันให้การลดดอกเบี้ยของ กนง. เกิดได้ยากขึ้น ไม่เหมือนประเทศอื่นๆที่มี อัตราดอกเบี้ยที่ แท้จริงมากกว่า 1 อาทิ สหรัฐฯ อังกฤษ อินเดีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เวียดนาม เป็นต้น
ส่วนอีก 1 ประเด็นในประเทศที่น่าสนใจ คือ วานนี้ DSI รับคดีฮั้วเลือกตั้ง สว.เป็นคดีพิเศษ ในส่วนของความผิดฐาน สมคบฟอกเงิน โดยมีผู้เห็นชอบ 11 เสียง จากองค์ประชุมทั้งหมด 18 เสียง ขั้นตอนต่อไป ตั้งคณะพนักงานสอบสวน พิเศษ เพื่อสืบสวนข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งอาจต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร เพราะต้องสอบสวนพยานหลักฐานจำนวนมาก (บุคคลที่เกี่ยวข้องถึง 1,200 คน ไม่รวมถึงบุคคลภายนอก) ผลกระทบในเรื่องของการปฎิบัติหน้าที่ของ สว. จึงยังไม่มี ส่วนในมุมของ SET INDEX มองว่าเป็นผลกระทบในเชิง SENTIMENT ที่ต้องติดตามต่อเนื่อง และอาจทำให้ FLOW ต่างชาติยังไม่ไหลเข้าตลาดหุ้นไทยในเร็ววัน
ตลาดหุ้นปั่นป่วนหนัก แต่ระดับปันผลก็อยู่บริเวณที่น่าสนใจ
วานนี้ PROGRAM TRADE ขายหุ้นไทยหนัก -6 พันล้านบาท และ -2.59 หมื่นล้านบาท (YTD) เช่นเดียวกับต่างชาติ วานนี้ขายหุ้นไทย -4.7 พันล้านบาท, และ -2.38 หมื่นล้านบาท (YTD) เม็ดเงินที่ยังไหลออกเยอะคอยกดให้ตลาดหุ้น ไทยปั่นป่วนขึ้นยาก
ภาวะตลาดหุ้นผันผวน หุ้นปันผลมักผันผวนน้อยกว่า สะท้อนได้จาก SETHD -6.7%YTD, SET -15%YTD อีกทั้ง SET INDEX ยังมี DIVIDEND YIELD สูงถึง 4.2% (+2SD)
กลยุทธ์แนะทยอยสะสมหุ้นใหญ่ปันผลต่อปีสูง อย่าง TOP 9.5%, SCB 8.8%, TISCO 7.9%, PTT 6.3%, LH 7.6%, WHA 6.2%, SCC 5.1% และหุ้นอื่นๆ
Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์