Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

267

Market Wrap-Up

  • SET วันที่ 4 มี.ค.68 ปิด -10.77 จุด อยู่ที่ 1,177.64 จุด มูลค่าการซื้อขาย 42,016 ลบ. ต่างชาติขาย 884 ลบ.   สถาบันขาย 654 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 633 ลบ. และรายย่อยซื้อ 2,172 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 631 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น AOT,DELTA,ADVANC,VGI,CPF และยอดขายหุ้น KBANK,KTB,SCB,BBL,TOP มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,742 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ BEM,TDEX,BDMS โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 9,866 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 26,318 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 2,270 ลบ.
  • ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -1.55%, S&P500 -1.22%, Nasdaq -0.35% กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ Ford -2.9%, GM -4.6% และกลุ่มการเงิน Citi Group, JPMorgan ปรับลดลง หลังปธน.ทรัมป์ปรับขึ้นภาษีศุลกากรกับเม็กซิโก, แคนาดาและจีน ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -2.14% กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ -5.4%, ธนาคาร -3.8% และพลังงาน -4.2% จากความกังวลกลุ่ม EU อาจถูกสหรัฐปรับขึ้นภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าในอัตรา 25%    

Market View

  • ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับลดลง หลัง ปธน.ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจากเม็กซิโก & แคนาดาที่อัตรา 25% และปรับขึ้นภาษีจีนอีก 10 % เป็น 20% มีผลวานนี้ ส่งผลให้แคนาดาตอบโต้ ด้วยการปรับขึ้นภาษีสินค้าสหรัฐที่ 25% เช่นเดียว ส่วนเม็กซิโกก็เตรียมประกาศ ม.ตอบโต้ในวันที่ 9 มี.ค. ส่วนจีนก็ปรับขึ้นภาษีสินค้าสหรัฐบางรายการที่ 10 – 15% และคุมการส่งออกไปยัง บจ.สหรัฐ 15 แห่ง ซึ่งจะมีผลวันที่ 10 มี.ค. จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนกังวลภาวะสงครามการค้าจะรุนแรงขึ้น ขณะที่ รมว.พาณิชย์สหรัฐได้ให้ความเห็น ม.ปรับขึ้นภาษีเม็กซิโก & แคนาดา อาจไม่รุนแรงตามข่าว ซึ่งบ่งชี้ ปธน.ทรัมป์อาจมีการพิจารณาผ่อนผัน ม.ขึ้นภาษีดังกล่าว โดยเช้าวันนี้ ปธน.ทรัมป์จะแถลงต่อสภาคองเกรส ซึ่งต้องติดตามข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายการค้า รวมถึงประเด็นที่สหรัฐยุติให้ความช่วยเหลือต่อยูเครน
  • ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับลดลง จากแรงขายกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์, ธนาคาร, พลังงาน จากความกังวลกลุ่มสหภาพยุโรปอาจถูกสหรัฐปรับขึ้นภาษีศุลกากรที่อัตรา 25% เข่นเดี่ยวกับเม็กซิโกและแคนาดา โดยดัชนี Euro Stoxx VIX ปรับขึ้นอยู่ที่ 22.9 จุด ขณะที่กลุ่มที่ปรับขึ้น คือ กลุ่มสาธารณูปโภค, อาหาร & เครื่องดื่มที่เป็นกลุ่มปลอดภัย ส่วนวันพรุ่งนี้ติดตามผลการประรุม ECB คาดมีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยเงินฝากลง 0.25% อยู่ที่ 2.5%
  • ตลาดหุ้นเอเขียวานนี้ ดัชนีนิเกอิ -1.2% จากความกังวลญี่ปุ่นอาจถูกสหรัฐเรียกเก็บภาษีศุลกากรรถยนต์ที่ส่งออกไปยังตลาดสหรัฐ ขณะที่ค่าเงินเยนที่แข็งค่ายังเป็นปัจจัยลบกดดันกลุ่มส่งออกของญี่ปุ่น ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้วานนี้ +0.22% หลังจีนประกาศตอบโต้สหรัฐด้วยการปรับขึ้นภาษีสินค้าสหรัฐบางรายการในอัตรา 10 – 15% จะมีผลในวันที่ 10 มี.ค. โดยวันนี้ติดตามผลการประชุม NPC ของจีนที่คาดจะวางเป้าหมายการเติบโตเศรษฐกิจจีนปีนี้ที่ 5 % ซึ่งคาดอาจต้องทำงบประมาณขาดดุลที่ 5% & ปีก่อนที่ 4% ต่อ GDP
  • ดัชนี SET วานนี้ -0.91% ปริมาณการซื้อขาย 4.2 หมื่น ลบ. ต่างชาติขาย 884 ลบ. สถาบันขาย 654 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 633 ลบ. และรายย่อยซื้อ 2,172 ลบ. จากความกังวลแนวโน้มสงครามการค้าอาจรุนแรงขึ้น หลังเม็กซิโก, แคนาดา และจีนได้ใช้ ม.ตอบโต้สหรัฐด้วยการศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐเช่นเดียวกัน ส่งผลให้ประเทศต่าง ๆ อาจสหรัฐเรียกเก็บ Reciprocal Tarriffs ในวันที่ 2 เม.ย. นี้ ซึ่งเป็นผลลบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย เนื่องจากต้องพึ่งพาภาคส่งออก & บริการคิดเป็นสัดส่วน 70% ต่อ GDP จากปัจจัยดังกล่าวเป็นผลลบต่อหุ้นกลุ่ม Global Play เช่น อิเล็ก ฯ, พลังงาน และปิโตรเคมี ขณะที่ช่วงบ่าย AOT -5.92% หลังบริษัทได้แจ้งข่าวการเลื่อนชำระค่าตอบแทนของคิง พาวเวอร์ จากเดิมตั้งแต่ ก.ย. 67 – ก.พ. 68 เป็น ก.ย. 67 – เม.ย. 68 ออกไป 18 เดือน บ่งชี้ความสามารถชำระหนี้ของคิง พาวเวอร์อยู่ในระดับต่ำ และอาจเพิ่มความเสี่ยงที่ AOT จะต้องตั้งสำรองหนี้ของคิง พาวเวอร์ โดยภาพรวมดัชนี SET ยังขาดปัจจัยบวกใหม่ และรอ ม.กระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่จะหารือใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า  

 Daily Strategy

  • ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,150 – 1,170 แนวต้าน 1,190 – 1,200 โดยปัจจุบัน SET เทรดบน F/PE ที่ 12.4X และ Earning Yield Gap ที่ 4.4% บ่งชี้ SET เทรดในโซนถูก ส่งผลให้ดัขนีมีโอกาสรีบาวน์ หากสหรัฐมีท่าทีผ่อนปรนต่อ ม.ปรับขึ้นภาษีเม็กซิโก & แคนาดาตามความเห็นของ รมว.พาณิชย์สหรัฐ แนะนำพักเงินในกลุ่มปลอดภัย เช่น BH,BDMS,TLI /ซื้อกลุ่มอุปโภค เช่น CPALL,NEO,SABINA,TFG,TVO ได้รับผลกระทบน้อยจาก ม.กีดกันการค้า และซื้อเก็งกำไร AOT,DELTA มีโอกาสรีบาวน์จากสัญญาณ Oversold ทางเทคนิค
  • CENTEL* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 40.50 บาท) งวด 4Q67 มีกำไรสุทธิ 667 ล้านบาท +309%QoQ, +57%YoY หนุนจากรายได้ทั้งธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารที่เติบโตตามปัจจัยฤดูกาล นอกจากนี้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมยังเพิ่มขึ้นจาก The Food Selection ส่วนภาพรวมปี 67 มีกำไรปกติ 78 พันล้านบาท +80%YoY สำหรับปี 68 บริษัทมองเป้าหมายการเติบโตของธุรกิจโรงแรมทางด้าน RevPar เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 4,500-4,800 บาท จากปีก่อน 4,101 บาท โรงแรมที่พัทยากลับมาเปิดเต็มปีหลังการ renovate โรงแรมในญี่ปุ่น Osaka มี world expo 2025 ส่วนธุรกิจอาหาร SSSG ขยายตัว 3-5% ด้านส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมวางแผนการเติบโตของร้าน Shinkanzen ขยายอีก 15 สาขาในปี 68 รวมถึงร้านนักล่าหมูกระทะและ Katsu Modori ที่เติบโตได้ดี พร้อมมีแผน M&A เพิ่มอีก ทั้งนี้ตลาดประเมินกำไรปี 68-69 ที่ 1.87 พันล้านบาท (+7%YoY) และ 2.7 พันล้านบาท (+16%YoY)
  • BDMS (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย00 บาท) กำไรสุทธิ 4Q67 อยู่ที่ 4,333ลบ. (+9.64%YoY, +2.04%QoQ) หนุนจากรายได้ผู้ป่วยต่างชาติ(รวม +10% นำโดยการ์ตา +56%YoY/ จีน +34%YoY/USA +29%YoY) ทั้งนี้ ด้านU-rateIPD ของ4Q67แม้ปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ62% แต่ยังคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายได้ดีประจวบกับรายได้อื่นที่สูงขึ้นจาก Mövenpick BDMS Wellness Resort และมี Tax Credit ส่งผลให้ GPM และNPM สูงขึ้น YoY QoQ ส่วน 1Q68 แม้มีปัจจัยกดดันจาก 1.ประกันรูปแบบ Co-pay ในเดือน มี.ค.68และ 2.รอมฎอนในช่วง 28ก.พ.-29มี.ค.68 อย่างไรก็ตาม คาดว่าการดำเนินงานจะยังสามารถอยู่ในเกณฑ์ดีได้จากร.พ.ในต่างจังหวัดที่ทำได้ดีในช่วงปี67 ที่ผ่านมา ขณะที่สถานการณ์ไข้หวัดใหญ่1ม.ค.-15ก.พ.68 มีจำนวนผู้ป่วยสูงขึ้น +97%YoY อยู่ที่ราว 1.4 แสนราย

 

 

Daily Key Factors

Oil Update(-) WTI เม.ย. -$0.11 อยู่ที่ $68.26 / บาร์เรล, Brent เม.ย. -$0.58 อยู่ที่ $71.04/บาร์เรล จากความกังวลภาวะสงครามการค้า อาจส่งผลให้อุปสงค์ความต้องการใช้น้ำมันปรับลดลง ส่วนกลุ่มโอเปกพลัสเตรียมปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 138,000 บาร์เรล/วัน ใน เม.ย. ขณะที่ API รายงานสต็อคน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาลดลง 1.46 ล.บาร์เรล

 

Gold Update(+) Comex Gold เม.ย.+$19.50 อยู่ที่ $2,920.60 /ออนซ์ โดยทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ในช่วงที่ยังมีความไม่แน่นอนต่อนโยบการค้าของทรัมป์ และยังได้แรงหนุนจาก Dollar Index อ่อนค่า -0.94% อยู่ที่ 105.743

 

Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ +5.31 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -26.15 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +36.17 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -4.61 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

 

(0) ค่าเงินบาทเช้านีแข็งค่าอยู่ที่ 33.69 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.237 %

(-) ดัชนี BDI วานนี้ -14 จุด อยู่ที่ 1,262

(+) BitCoinเช้านี้ +0.71% อยู่ที่ 86,634 ดอลลาร์สหรัฐ

 

Economic Calendar

 

ในประเทศ

สัปดาห์ที1  ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค

(มี.ค.)       

 

ต่างประเทศ

01 มี.ค.     CN ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีน (ก.พ.)

03 มี.ค.     EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) (ก.พ.) 

                US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต (ก.พ.)

05 มี.ค.     US การเปลี่ยนแปลงการจ้างงานภาคนอกภาคเกษตรกรรม(ADP)(ก.พ.)

                US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ (ก.พ.)

06 มี.ค.     EU การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของธนาคารกลางแห่งยุโรป 

EU การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย (มี.ค.)

US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

                US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

07 มี.ค.     US รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง (เดือนต่อเดือน) (ก.พ.)

                US อัตราการว่างงาน (ก.พ.)

 

 

 

Theme Strategy

Theme หุ้นเด่น 1H68 เน้น หุ้นในธุรกิจใหม่ที่เป็น Trend ในอนาคต อย่าง Data Center รวมถึงหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรปกติ 4Q67-1Q68 คาดออกมาดี และ หุ้นที่รับความผันผวนได้ดีจากความเสี่ยง Trade War/ธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย  

 

(1) กลุ่มธนาคารที่มี Sentiment บวกจากธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย/มี Yield สูง BBL, KTB, KBANK, TISCO*, TTB*

 

(2) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CRC, NSL*, TNP*, OSP*

 

(3) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, SKR

 

(4) กลุ่มมีโอกาสเกี่ยวข้องกับการลงทุน Data Center/ธุรกิจ Trend อนาคต ADVANC,INTUCH*,TRUE,GULF*,AMATA

 

(5) กลุ่มสินค้า IT ที่ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี(เช่น AI function/ 4G to 5G) SYNEX*, ADVICE*, SIS*

 

(6) กลุ่มที่มี Sentiment บวกจาก Entertainment Complex BTS*, VGI*, MBK*, BA

 

 

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

 

Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

 

Today Fundamental Research: -

 

 

Monthly Portfolio February 2025: CPALL, SYNEX*, KLINIQ, SHR*, TEGH*

 

 

 

 

 

 

 

Analysts

Apichai Raomanachai  

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  002939

Tel  02-829-6999  Ext  2200

Email : apichai.ra@kfsec.co.th

Nopporn Chaykaew     

Fundamental Analysis ID No.  043964

Tel  02-829-6999  Ext  2203

Email : noppoen.ch@kfsec.co.th

Nattawat Poosunthornsri  

Fundamental Analysis ID No.  087077

Tel  02-829-6999  Ext  2204

Email : nattawat.po@kfsec.co.th

 

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ประคับประคอง By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ บ่ายวันนี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทย คงประคับ ประคอง แกว่งตัวไปมา ท่ามกลาง บริษัทจดทะเบียนไทย...

ลุ้น1200 By : นายกล้วยหอม

นายกล้วยหอม วันนี้ ลุ้น 1,200 จุด เอาอยู่ไหม ด้วยตลาดหุ้นไทย หยุดยาว 3 วัน เสาร์ อาทิตย์ จันทร์ นักลงทุน.....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้