SET Index พักตามกรอบ 1175-1200
กลยุทธ์เลือกหุ้นในกลุ่ม Defensive

Market Strategy
SET Index คาดพักตัว 1175-1200 จุด แรงกดดันจากการตั้งกำแพงภาษีสหรัฐฯ ต่อเม็กซิโก แคนาดาและจีน ราคาน้ำมันดิบที่ปรับลงหลัง OPEC+เตรียมเพิ่มกำลังการผลิต และกำไรบริษัทฯ ที่ยังมีโอกาสถูกปรับลง กลยุทธ์วันนี้อยู่ในกลุ่ม Defensive อย่าง BCPG และ BDMS

ปัจจัยต่างประเทศเป็นลบจากความกังวลเรื่องสหรัฐฯ เตรียมขึ้นภาษีแคนา/เม็กซิโกในอัตรา 25% และปรับขึ้นภาษีจากจีนเพิ่มเติมอีก 10% มีผลวันนี้ ระยะถัดไปต้องติดตามการตอบโต้ของประเทศคู่ค้าที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะฝั่งจีนล่าสุด Bloomberg รายงานว่ากำลังพิจารณามาตรการตอบโต้ทั้งมาตรการทางภาษีและไม่ใช่ภาษี เพิ่มความกังวลต่อการชะลอตัวเศรษฐกิจโลกรวมถึงสหรัฐฯ ที่ถูกกระตุ้นจากการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่มีสัญญาณชะลอความร้อนแรง

โดยล่าสุดคือ การรายงานดัชนี ISM ภาคผลิตเดือน ก.พ.อยู่ที่ 50.3 ต่ำกว่าตลาดคาด 50.7 กดดันตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับลงแรงนำโดย NASDAQ-2.6% S&P-1.8% Dow Jones -1.5% นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบที่ปรับลง -1.8% หลัง OPEC+เตรียมกลับมาเพิ่มกำลังการผลิต 1.38 แสนบาร์เรลต่อวัน เริ่มตั้งแต่เดือน เม.ย. 68 สภาพแวดล้อมข้างต้น คาดว่าจะเป็นแรงกดดันต่อหุ้นกลุ่ม Global Play อย่างพลังงานต้นน้ำ กลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ ในวันนี้

ปัจจัยในประเทศให้น้ำหนักไปที่การรายงานกำไรบริษัทฯ 4Q67 โดยรวมถือว่าออกมาต่ำกว่าคาด จึงเป็นความเสี่ยงต่อการปรับลดประมาณการกำไรบริษัทฯตามมา ซึ่งปัจจุบัน BB Consensus ปรับลด EPS68 อยู่ที่ 95 บาท/หุ้น (ลงจากต้นปีที่คาด 97 บาท/หุ้น) เทียบกับคาดการณ์ของ EPS 68 ของเราที่ 91 บาท/หุ้น (ปรับลงจากต้นปีที่ 94 บาท/หุ้น) ซึ่งเราประเมิน Downside ในการปรับลดประมาณการ EPS 68 จะอยู่ในช่วง 3-5% จากคาดการณ์ EPS 68 ของเราหรือเบื้องต้นคาดอยู่ในช่วง 86-88 บาทต่อหุ้น โดยหุ้นที่เสี่ยงสูงที่จะถูกปรับลดประมาณกำไรการลง คือ กลุ่มปิโตรฯ กลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ ซึ่งเรายังคงแนะนำ Underweight การลงทุนหุ้น 2 กลุ่มดังกล่าว (รายละเอียดเพิ่มติดตามในบทวิเคราะห์ Strategy Update ฉบับวันนี้)

Market Summary
SET Index ปรับลงต่ออีก -15 จุด หรือ -1.3% แรงกดดันจากกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ นำโดย DELTA -7.8% กลุ่ม GULF ที่ปรับลงหมด GULF -1.5% INTUCH -1.6% ADVANC -1.8% กลุ่มค้าปลีกที่ดีดมาวันก่อนโดนขายกลับ กดดัน CPALL -2.8% CPAXT -3.5% GLOBAL -7% DOHOME -7% ส่วนกลุ่มที่ปรับขึ้น นำโดยกลุ่มธนาคารที่มีปันผลค้ำยัน KKP +2.3% KTB +2.2% TCAP +2.6% กลุ่มรับเหมาฯ STECON ตลาดคาดว่างบ Bottom Out จาก 4Q67 ที่พลิกขาดทุน กลุ่มท่องเที่ยวจาก Sentiment บวกจากโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน CENTEL +4% ERW +4.6%

DAILY Stock Pick
BCPG
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 8.40 บาท
คาดว่า EPS ของ BCPG จะเติบโตแข็งแกร่งด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 25% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า จากการทยอยเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการในแผน และอัตราค่าตอบแทนกำลังผลิต (Capacity Payment) ที่สูงขึ้นในตลาด PJM โดยเราได้มีการปรับราคาเป้าหมายปี 68 ขึ้นจาก 8.10 บาท เป็น 8.40 บาท
ขณะเดียวกัน ความเสี่ยงจากการปรับลดค่าไฟฟ้าในประเทศจำกัด ปัจจุบัน BCPG ซื้อขายที่ P/E ปี 68 เพียง 14.4 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 17.8 เท่า ปัจจัยหนุนสำคัญคือการประกาศอัตรา Capacity Payment ของ PJM ภายใน มิ.ย. 68 (สำหรับปี 69/70)

KEY FACTOR

ผลการเจรจาระหว่างทรัมป์และเซเลนสกี ที่ไม่มีบทสรุปทั้งข้อตกลงแร่ธาตุสำคัญ และการยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯสูญเสียอิทธิพลทางการค้า (ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญที่สหรัฐฯ ใช้ในการต่อรองมาโดยตลอดในยุคของทรัมป์) หากไม่สามารถรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่มประเทศยุโรป

การเริ่มต้นสงครามการค้า ที่ในวันนี้ (4 มี.ค.) สหรัฐฯ ประกาศจะปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากแคนาดา และเม็กซิโก ในอัตรา 25% และ จีน เพิ่มอีก 10% ตามกำหนดเดิม

EYES ON
4 มี.ค. สหรัฐฯ ปรับขึ้นภาษีนำเข้า 25% จากแคนาดา และ เม็กซิโก
5. มี.ค. การประชุม NPC จีน, การจ้างงานเอกชน ADP, เงินเฟ้อไทย เดือน ก.พ.
6 มี.ค. การประชุม ECB
7 มี.ค. การจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯ

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ