สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(3 มีนาคม 2568)--- บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า Monthly Report: March คาดตลาดหุ้นไทยเดือน มี.ค. น่าจะยังเผชิญความผันผวนจากปัจจัยต่างประเทศ นโยบายการค้า และจุดยืนนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ที่อาจสร้างความกังวลต่อปัญหาการเมืองระหว่างประเทศ ในขณะที่ปัจจัยภายใน อาจมีสัญญาณการปรับลดประมาณการกำไรตลาดหลังผ่านพ้นช่วงรายงานงบฯ 4Q67 แต่อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นไทยเข้าสู่จุดที่เริ่มน่าสนใจในเชิง Valuationและน่าจะได้แรงหนุนจากความคาดหวังมาตรการภายในประเทศ

ประเมิน SET Index ในเดือน มี.ค. แกว่ง Sideways ในกรอบ 1150 - 1240 จุด โดยคาดว่าน่าจะเริ่มต้นจากความผันผวนที่มีต่อเนื่อง หลังจาก 1.) ผ่านพ้นช่วงการรายงานงบฯ 4Q67 พบว่ากำไรตลาดมี Downside ที่อาจโดนปรับลดประมาณการณ์ลงราว 3-5% 2.) ความกังวลต่อนโยบายของทรัมป์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังสหรัฐฯเริ่มปรับขึ้นภาษีนำเข้า 25% จากแคนาดาและเม็กซิโก วันที่ 4 มี.ค. 68 ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามการค้าในยุค Trump 2.0 อย่างเป็นทางการ รวมถึงแนวทางการตอบโต้และ/หรือเจรจาของประเทศต่างๆ นำโดย จีนที่จะมีความชัดเจนหลังประชุม NPC แต่อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งหลังของเดือน คาดดัชนีเริ่มสร้างฐานและลุ้นฟื้นตัว จากความชัดเจนนโยบายของสหรัฐฯที่ มีมากขึ้น บวกกับราคาหุ้นที่ตอบรับเชิงลบมามากพอสมควร จนล่าสุดอยู่ในจุดที่น่าสนใจในเชิง Valuation ผสานกับน่าจะมีความคืบหน้าการกระตุ้นเศรษฐกิจ และ รายละเอียดการย้ายเงินจาก LTF เป็น TESG ช่วยกระตุ้น sentiment เพิ่มเติม

หุ้น Top Picks เดือนมีนาคม
• ADVANC (เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 312.00 บาท) คาดการณ์กำไรหลักในปี 2568 จะเติบโต 12% และมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 4-5% ในปี 68-69 สำหรับการประมูลคลื่นใน 2Q68 คาดว่าการแข่งขันไม่รุนแรง เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายของ GULF ที่ต้องการเพิ่มรายได้จากเงินปันผลจาก ADVANC ให้ได้ผลสูงสุด
• BA (เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 28.50 บาท) กำไรหลัก ใน 1Q68 เติบโตอย่างแข็งแกร่งทั้ง YoY และ QoQ เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของสมุย (ปริมาณผู้โดยสารท่าอากาศยานสมุยขยายตัว 18% ใน ม.ค.68) ปัจจุบันซื้อขายไม่แพง PER68 10.7 เท่า พร้อมปันผลสูงที่ 7% ต่อปี
• BDMS (เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 31.00 บาท) แนวโน้ม 1Q68 คาดว่าเติบโตจากจำนวนผู้ป่วยไทยและต่างประเทศ ด้านราคาหุ้นซื้อขายบน PER68 22.7 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี อัตราเงินปันผลสูงที่ 3.7% และได้ประโยชน์จากการเพิ่มน้ำหนักหากมีการโอน LTF ไปเป็น TESG

Analyst
ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์
Theerasate.p@maybank.com
ชาญชัย พันทาธนากิจ
Chanchai.p@maybank.com
บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย)
TEL : 02-658-5000