Market Wrap-Up
- SET วันที่ 28 ก.พ.68 ปิด -12.01 จุด อยู่ที่ 1,203.72 จุด มูลค่าการซื้อขาย 74,436 ลบ. ต่างชาติขาย 4,964 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 694 ลบ. สถาบันซื้อ 3,294 ลบ. และรายย่อยซื้อ 2,365 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 456 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น CPALL,PTTGC,TOP,CCET,KTB และยอดขายหุ้น KBANK,DELTA,PTT,INTUCH,TRUE มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 3,267 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ SC,TIDLOR,SAWAD โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 855 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 12,037 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 5,021 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +1.39%, S&P500 +1.59%, Nasdaq +1.63% ได้แรงหนุนจากกลุ่มการเงิน +2.1%, สินค้าอุปโภค +1.8% และ Nvidia, Tesla +4% หลัง US PCE ม.ค. ชะลอตัวอยู่ที่ 5% & ธ.ค. 2.6% YoY ตามคาดการณ์ ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.01% ได้แรงหนุนจากกลุ่มสินค้าหรูหรา และกลุ่มกลาโหม ขณะที่กลุ่มเทคโนโลยีและเหมืองแร่ปรับลดลง โดยยังกัวลต่อ ม.ปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐ
Market View
- DJIA +0.95%, S&P500 -0.98%, Nasdaq -3.5% WoW จากแรงขายกลุ่มเทคโนโลยี นำโดย Nvidia -7.1% WoW หลังอัตรากำไรขั้นต้นปี 68 อาจชะลอตัวกว่าคาด กอปรกับนักลงทุนเริ่มกังวลต่อ ม.ปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเม็กซิโก, แคนาดาที่ 25% และเพิ่มภาษีสินค้าจีนอีก 10% ในวันที่ 4 มี.ค. อาจส่งผลให้เงินเฟ้อสหรัฐสูงขึ้น และอาจส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัว แต่ตลาดคลายความกังวล หลังรายงาน US Core PCE ม.ค. ลดลงอยู่ที่ 6% & ธ.ค. 2.9% ตามคาดการณ์ โดย FedWatch ชี้มีโอกาส 80.4% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุม มิ.ย. สัปดาห์นี้วันศุกร์ติดตามตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ ก.พ. คาด 133,000 & ม.ค. 143,000 ราย, อัตราว่างงานคาดทรงตัวที่ 4.0% และค่าจ้างงานเฉลี่ยราย ชม, ก.พ. คาดอยู่ที่ 0.3% & ม.ค. 0.5% MoM
- Stoxx600 +0.60% WoW ได้แรงหนุนจากกลุ่มธนาคาร, ประกันภัย, สาธารณูปโภค หลัง LSEG เผยกำไร Q4/67ของ บจ. Stoxx600 คาด +7.0% YoY และบริษัท 194 แห่งที่ส่งงบแล้วจำนวน 8% มีกำไรดีกว่าคาด ซึ่งสูงค่าเฉลี่ยที่ 54% ขณะที่กลุ่มเทคโนโลยีปรับลด หลัง ASML ปรับลดลงตามกลุ่มเทคโนโลยีสหรัฐ และกลุ่มพลังงาน & วัสดุพื้นฐานปรับลดลง หลัง ปธน.ทรัมป์ประกาศเตรียมปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจาก EU ที่ 25% ในเร็วๆ นี้ สัปดาห์นี้วันพฤหัสติดตามผลการประชุม ECB ซึ่งคาดมีโอกาสที่จะปรับลดดอกเบี้ยเงินฝากลง 0.25% อยู่ที่ 2.5% หลังข้อมูล CPI เยอรมัน, ฝรั่งเศส, อิตาลี ก.พ. ชะลอตัวลง
- MSCI Asia Pacific X Japan -4.2% WoW หลังสหรัฐประกาศจะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจีนเพิ่มอีก 10% ในวันที่ 4 มี.ค. กอปรออก ม.จำกัดจีนเข้าลงทุนในกลุ่มยุทธศาสตร์ในสหรัฐ เช่น กลุ่มเทคโนโลยี & พลังงาน ขณะที่ดัชนีนิเกอิ, ไต้หวัน, เกาหลี ปรับลดลงจากแรงขายของกลุ่มบริษัทซัพพลายเออร์ของ Nvidia หลังอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้มีแนวโน้มลดลง จากการแข่งขันของ DeepSeek Ai สัปดาห์นี้วันพุธติดตามการประชุม NPC จีน
- ดัชนี SET -3.4% WoW ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย/วัน 5.7 หมื่น ลบ. +9.3% WoW ต่างชาติขาย 10,232 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 2,426 ลบ. สถาบันซื้อ 960 ลบ. และรายย่อยซื้อ 11,698 ลบ. WoW โดยกลุ่มที่ปรับลดลง คือ ปิโตรเคมี -9.5% WoW หลัง MSCI Rebalance ได้ถอด TOP,PTTGC ออกจาก Global Standard Index ส่วนกลุ่มพลังงาน -6.3% WoW ปรับลดลงตามราคาน้ำมันดิบ ซึ่งหากสหรัฐ – รัสเซียสามารถทำข้อตกลงสันติภาพในยูเครน อาจส่งผลให้ ม.คว่ำบาตรรัสเซียถูกยกเลิก และสามารถกลับมาส่งออกน้ำมันได้อีกครั้ง ขณะที่กลุ่มที่ช่วยหนุนดัชนี คือ รพ. +1.65% , ค้าปลีก +0.25% woW หลังรายงานกำไร Q4/67 ของ BH, BDMS, CPALL ออกมาดีกว่าคาด กอปรกับเป็นกลุ่ม Domestic Play & Defensive ที่ได้รับผลกระทบน้อยจาก ม.ปรับขึ้นภาษีของสหรัฐ โดยภาพรวมกำไร Q4/67 ของ บจ.599 แห่ง มีกำไรต่ำกว่า Consensus -8% สาเหตุมาจากกำไรของกลุ่มอิเล็กฯ, ปิโตเคมี และพลังงานขยายตัวต่ำกว่าคาด ประเด็นที่ต้องติดตาม วันนี้ CPI ไทย ก.พ. คาด 1.13% & ม.ค. 1.32% YoY , วันอังคารผลการประชุม ครม. และตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติรายสัปดาห์
Daily Strategy
- ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,190 – 1,200 แนวต้าน 1,220 – 1,230 คาดดัชนีจะถูกกดดันจากความกังวล ม.ปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐ แนะนำพักเงินในกลุ่มปลอดภัย & เงินปันผลสูง เช่น BH, BDMS, ADVANC, CPALL, TLI, AP, SPALI
- BTG* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 23.50 บาท) กำไร 4Q67 อยู่ที่ 983 ล้านบาท เติบโตขึ้น QoQ, YoY มีปัจจัยหนุนจากยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น ปริมาณขายและราคาสัตว์บกปรับตัวดีขึ้น ส่วนต้นทุนอาหารสัตว์ปรับตัวลดลง รวมถึงกลยุทธ์ของบริษัทที่เน้นการขายในช่องทางที่มีอัตรากำไรสูง เช่น ร้านอาหาร กลุ่ม food service บริษัทตั้งเป้าปี 68 ยอดขายโต 3-7%YoY จากปริมาณขายที่เพิ่มตามการขยายกำลังการผลิต ขณะที่ GPM คาดสูงกว่าปี 67 ที่ 5% แนวโน้ม 1Q68 น่าจะดีต่อเนื่องได้อานิสงส์จากราคาสุกรในประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ต้นทุนอาหารสัตว์ยังต่ำจากราคากากถั่วเหลือง นอกจากนี้การซื้อ Eggriculture ที่เป็นธุรกิจไข่ในสิงคโปร์จะเสร็จใน 1Q68 หนุนรายได้ในระยะถัดไป ทั้งนี้อิงจาก Consensus ตลาดคาดปี 68 มีกำไรสุทธิ 2.9 พันล้านบาท +20%YoY และปี 69 ที่ 3.4 พันล้านบาท +16%YoY
- CPAXT* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 33.58 บาท) กำไรสุทธิ 4Q67 อยู่ที่ 3,960 ลบ. (+21%YoY, +103%QoQ) ได้แรงหนุนตามฤดูกาล, สินค้ากลุ่มอาหารสด, การขายผ่าน Omnichannel, และ ม.กระตุ้นการบริโภคของภาครัฐฯ ซึ่งคาดว่าแรงหนุนเหล่านี้จะต่อเนื่องไปยัง 1Q68 ด้วยจากเทศกาลตรุษจีนและม.แจกเงิน 1 หมื่นบาท เฟส 2 รวมถึง ม.Easy E-Receipt ด้าน CPAXT* เอง วางเป้าปี68 SSSG +high single digit%, GPM +60bsp, สัดส่วน Omnichannel 22%, และขยายสาขา 50 สาขา ทั้งนี้ ปัจจุบัน ตลาดคาดกำไรปี68 และ 69 ของ CPAXT* ที่ 12,394 ลบ.( +17%YoY) และ 13,674 ลบ.(+10%YoY)
Daily Key Factors
Oil Update(-) WTI เม.ย. -$0.59 อยู่ที่ $69.76 / บาร์เรล, Brent เม.ย. -$0.86 อยู่ที่ $73.18/บาร์เรล สัปดาห์ที่ผ่านมา WTI -0.9%, Brent -1.99% WoW กังวลอุปสงค์น้ำมันชะลอตัว จาก ม.ปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐ ขณะที่อิรักส่งออกน้ำมันจากภูมิภาคเคอร์ดิสถาน โดยอิรักส่งออกน้ำมัน 185,000 บาร์เรล/วัน นักลงทุนรอประเมินแผนเพิ่มกำลังการผลิตของ Opec พลัสใน เม.ย.
Gold Update(-) Comex Gold เม.ย.-$47.40 อยู่ที่ $2,848.50 /ออนซ์ สัญญาทองคำ -3.1% WoW ถูกแรงขายทำกำไร กอปรกับ Dollar Index แข็งค่า +0.35% อยู่ที่ 107.61
Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -1004.74 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -298.74 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -622.70 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -83.30 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 34.19 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 4.202 %
(+) ดัชนี BDI วานนี้ +70 จุด อยู่ที่ 1,229
(+) BitCoinเช้านี้ +8.08% อยู่ที่ 93,328 ดอลลาร์สหรัฐ
(0)เช้านี้ติดตาม Caixin PMI ภาคการผลิตจีน ก.พ. คาด 50.4 & ม.ค. 50.1
Economic Calendar
ในประเทศ
สัปดาห์ที1 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค
(มี.ค.)
ต่างประเทศ
01 มี.ค. CN ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีน (ก.พ.)
03 มี.ค. EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) (ก.พ.)
US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต (ก.พ.)
05 มี.ค. US การเปลี่ยนแปลงการจ้างงานภาคนอกภาคเกษตรกรรม(ADP)(ก.พ.)
US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ (ก.พ.)
06 มี.ค. EU การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของธนาคารกลางแห่งยุโรป
EU การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย (มี.ค.)
US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
07 มี.ค. US รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง (เดือนต่อเดือน) (ก.พ.)
US อัตราการว่างงาน (ก.พ.)
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่น 1H68 เน้น หุ้นในธุรกิจใหม่ที่เป็น Trend ในอนาคต อย่าง Data Center รวมถึงหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรปกติ 4Q67-1Q68 คาดออกมาดี และ หุ้นที่รับความผันผวนได้ดีจากความเสี่ยง Trade War/ธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มธนาคารที่มี Sentiment บวกจากธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย/มี Yield สูง BBL, KTB, KBANK, TISCO*, TTB*
(2) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CRC, NSL*, TNP*, OSP*
(3) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, SKR
(4) กลุ่มมีโอกาสเกี่ยวข้องกับการลงทุน Data Center/ธุรกิจ Trend อนาคต ADVANC,INTUCH*,TRUE,GULF*,AMATA
(5) กลุ่มสินค้า IT ที่ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี(เช่น AI function/ 4G to 5G) SYNEX*, ADVICE*, SIS*
(6) กลุ่มที่มี Sentiment บวกจาก Entertainment Complex BTS*, VGI*, MBK*, BA
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio January 2025: CPALL, SYNEX*, KLINIQ, SHR*, TEGH*
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th