Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

336

Market Wrap-Up

  • SET วันที่ 27 ก.พ.68 ปิด -15.41 จุด อยู่ที่ 1,215.73 จุด มูลค่าการซื้อขาย 56,035 ลบ. ต่างชาติขาย 2,551 ลบ.  พอร์ตโบรกขาย 48 ลบ. สถาบันซื้อ 42 ลบ. และรายย่อยซื้อ 2,557 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 917 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น CPALL,GULF,BBL,KBANK,CPF และยอดขายหุ้น DELTA,PTT,AOT,TRUE,SAWAD มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,467 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ INDIA01,RBF,TIPH โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 2,322 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 12,892 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 527 ลบ.
  • ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -0.45%, S&P500 -1.59%, Nasdaq -2.78% ปรับลดลงจากแรงขายกลุ่มเทคโนโลยี -3.8% และดัชนีเซมิคอนดักเตอร์ของตลาดฟิลเดลเฟีย -6.1% หลังตลาดผิดหวังต่ออัตรากำไรขั้นของ Nvidia ที่มีแนวโน้มลดลง กอปรยังกังวลต่อ ม.ปรับขึ้นภาษีนำเข้าต่อเม็กซิโก, แคนาดา และจีนในวันที่ 4 มี.ค. นี้ ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.46% จากแรงชายกลุ่มรถยนต์ -3.7% และเทคโนโลยี -2.2% ซึ่งลดลงตามกลุ่มเทคฯ สหรัฐ  

Market View

  • ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับลดลงจากแรงชายกลุ่มเทคโนโลยี -3.8% , สาธารณูปโภค -2.2% โดยนักลงทุนกังวลต่ออัตรา GP ของ Nvidia ใน Q4/67 อยู่ที่ 73% ลดลง 3% YoY และคาด GP ในงวด Q1/68 จะลดลงต่ออยู่ที่ 71% & นักวิเคราะห์คาดที่ 72.2% ส่งผลให้ราคาหุ้น Nvidia วานนี้ -8.5% ขณะที่นักลงทุนยังกังวลต่อ ม.ปรับขึ้นภาษีสินเข้านำเข้าจากเม็กซิโก & แคนาดาที่จะเก็บที่อัตรา 25% และสินค้าจีนจะเก็บเพิ่มขึ้น 10% ที่จะเริ่มในวันที่ 4 มี.ค. นี้ รวมถึง ปธน.ทรัมป์ขู่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าจาก EU ในอัตรา 25% เร็ว ๆ นี้ บ่งชี้ภาวะสงครามการค้ามีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ด้านข้อมูลเศรษฐกิจวานนี้ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์สหรัฐเพิ่มขึ้น 22,000 อยู่ที่ 242,000 ราย สูงสุดในรอบ 3 เดือน และ US GDP Q4/67 ครั้งที่ 2 +2.3% QoQ ตามคาดการณ์ ส่วนค่ำวันนี้ติดตาม US PCE ม.ค. 2.5% & ธ.ค. 2.6% YoY ที่จะเป็นดัชนีที่เฟดใช้วัดเงินเฟ้อของสหรัฐ
  • ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับลดลง จากแรงชายกลุ่มรถยนต์ -3.7% นำโดย Stellantis -5.2%, BMW -3.8% ส่วนกลุ่มเทคโนโลยี -2.2% ปรับลดลงตามราคาหุ้น Nvidia ขณะที่คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) เผยเตรียมตอบโต้สหรัฐ หาก ปธน.ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจาก EU ในอัตรา 25% โดยปี 2023 EU มีสัดส่วนการส่งออกสินค้าไปยังตลาดสหรัฐที่ 19 – 20% ส่วนวันพฤหัสหน้า 6 มี.ค. ติดตามผลการประชุม ECB ซึ่ง Reuter Poll คาดมีโอกาสที่จะปรับลดดอกเบี้ยเงินฝากลง 0.25% อยู่ที่ 2.5%
  • ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีฮั่งเส็ง -0.29%, Kospi เกาหลีใต้ -0.73% จากความกังวลสหรัฐเตรียมเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจาก EU ในอัตรา 25% เร็ว ๆ นี้ ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้ +0.23% ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี & AI ขณะที่ ปธน.ทรัมป์เผยเตรียมเก็บภาษีสินค้านำเข้าจีนเพิ่มอีก 10% ในวันที่ 4 มี.ค. นี้ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจเช้านี้ Tokyo Core CPI ก.พ. อยู่ที่ 2.2% & ม.ค.5% และต่ำกว่าคาดที่ 2.3% YoY
  • ดัชนี SET วานนี้ -1.25% ปริมาณการซื้อขาย 5.6 หมื่น ลบ. ต่างชาติขาย 2,551 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 48 ลบ. สถาบันซื้อ 42 ลบ. และรายย่อยซื้อ 2,557 ลบ. โดยดัชนีปรับลดลงจากแรงชายกลุ่ม Global Play เช่น ปิโตรเคมี, วัสดุก่อสร้าง, อิเล็กทรอนิกส์ จากความกังวลภาวะสงครามการค้ามีแนวโน้มรุนแรงขึ้น หลัง ปธน.ทรัมป์เตรียมปรับขึ้นภาษีสินค้าเม็กซิโก & แคนาดาที่อัตรา 25% และเก็บภาษีสินค้าจีนเพิ่มอีก 10% ในวันที่ 4 มี.ค. ซึ่งอาจส่งผลให้สินค้านำเข้าจากต่างชาติราคาถูกจากจีน เข้าไปขายในตลาดอื่น ๆ เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยลบกดดันราคาขายสินค้าหลายอย่าง เช่น ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี , เหล็ก, วัสดุก่สอร้าง ซึ่งเป็นผลลบต่อกำไร บจ.ไทยในกลุ่มเหล่านี้ ขณะที่กลุ่มที่ช่วยหนุนดัชนี คือ รพ. หลัง BH, BDMS รายงานกำไร Q4/67 ดีกว่าคาด และยังเป็นกลุ่มปลอดภัยที่มีความผันผวนน้อยกว่าตลาด ส่วนประเด็นวันนี้ MSCI จะทำการรีบาลานท์ในช่วงปิดตลาด ซึ่งคาดจะมีเม็ดเงินไหลออกราว $100 ล. ขณะที่กำไร Q4/67 บจ. 480 แห่งที่ส่งงบแล้วมีกำไรต่ำกว่าคาด -6.9%   

 Daily Strategy

  • ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,190 – 1,200 แนวต้าน 1,220 – 1,230 คาดดัชนีจะถูกกดดันจากความกังวล ม.ปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐ ขณะที่ปัจจัยการเมืองในประเทศนั้น ฝ่ายค้านได้ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายก ฯ เพียงคนเดียว แนะนำพักเงินในกลุ่มปลอดภัย & เงินปันผลสูง เช่น BH, BDMS, ADVANC, AP, SPALI, TISCO, TTW
  • CENTEL* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 40.50 บาท) งวด 4Q67 มีกำไรสุทธิ 667 ล้านบาท +309%QoQ, +57%YoY หนุนจากรายได้ทั้งธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารที่เติบโตตามปัจจัยฤดูกาล นอกจากนี้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมยังเพิ่มขึ้นจาก The Food Selection ส่วนภาพรวมปี 67 มีกำไรปกติ 78 พันล้านบาท +80%YoY สำหรับปี 68 บริษัทมองเป้าหมายการเติบโตของธุรกิจโรงแรมทางด้าน RevPar เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 4,500-4,800 บาท จากปีก่อน 4,101 บาท โรงแรมที่พัทยากลับมาเปิดเต็มปีหลังการ renovate โรงแรมในญี่ปุ่น Osaka มี world expo 2025 ส่วนธุรกิจอาหาร SSSG ขยายตัว 3-5% ด้านส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมวางแผนการเติบโตของร้าน Shinkanzen ขยายอีก 15 สาขาในปี 68 รวมถึงร้านนักล่าหมูกระทะและ Katsu Modori ที่เติบโตได้ดี พร้อมมีแผน M&A เพิ่มอีก ทั้งนี้ตลาดประเมินกำไรปี 68-69 ที่ 1.87 พันล้านบาท (+7%YoY) และ 2.7 พันล้านบาท (+16%YoY)
  • KLINIQ (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย75 บาท) กำไรสุทธิ 4Q67 อยู่ที่ 99 ลบ. (+26.69%YoY, +33.38%QoQ) เติบโตได้เด่นตามรายได้ที่อยู่ที่ 844 ลบ.(+31%YoY, +13%QoQ) หนุนจาก SSSG+13.1%YoY รวมถึงจำนวนสาขาที่สูงขึ้น 17 สาขา ทั้งนี้ เห็นสัญญาณที่ดีจากแรงกดดันจากค่าใช้จ่ายสาขาใหม่ๆที่เปิดอย่าง aggressive ในช่วง 9M67(ราว14สาขา) มีน้ำหนักน้อยลงแล้ว รายได้สามารถโตทันต้นทุนค้าใช้จ่ายที่สูงขึ้นได้ ขณะที่เรายังชอบ KLINIQ จากการมีบริการที่หลายหลาย โดย ปัจจุบัน ณ สิ้น 4Q67 KLINIQ มีจำนวนสาขาอยู่ราว 72 สาขา เป็น THE KLINIQUE 45 สาขา, L.A.B.X 23 สาขา, Surgery Center 1 สาขา, L’CLINIC 2 สาขา, และ Wellness Spa 2 สาขา

 

Daily Key Factors

Oil Update(+) WTI เม.ย. +$1.73 อยู่ที่ $70.35 / บาร์เรล, Brent เม.ย. +$1.51 อยู่ที่ $74.04/บาร์เรล หลัง ปธน.ทรัมป์ประกาศยกเลิกใบอนุญาตของเชฟรอนในการดำเนินธุรกิจน้ำมันในเวเนซุเอลา จากข้ออ้างรัฐบาลของ ปธน.มาดูโร ไม่มีความคืบหน้าในการปฏิรูปการเลือกตั้งและรับผู้อพยพกลับประกาศ

 

Gold Update(-) Comex Gold เม.ย.-$34.70 อยู่ที่ $2,895.90 /ออนซ์ ถูกกดดันจาก Dollar Index แข็งค่าอยู่ที่ +0.78% อยู่ที่ 107.244  และคำวันนี้รอตัวเลข US PCE ม.ค. เพื่อประเมินแนวโน้มเงินเฟ้อของสหรัฐ

 

Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -195.93 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -75.21 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -114.36 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -6.36 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

 

(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 34.04 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 4.240 %

(+) ดัชนี BDI วานนี้ +47 จุด อยู่ที่ 1,159

(-) BitCoinเช้านี้ -0.60% อยู่ที่ 84,272 ดอลลาร์สหรัฐ

 

Economic Calendar

 

ในประเทศ

28 ก.พ.     ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย

สัปดาห์ที1  ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค

(มี.ค.)       

 

ต่างประเทศ

28 ก.พ.     US ดัชนีราคาด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE Price Index) (ม.ค.)

01 มี.ค.     CN ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีน (ก.พ.)

03 มี.ค.     EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) (ก.พ.) 

                US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต (ก.พ.)

05 มี.ค.     US การเปลี่ยนแปลงการจ้างงานภาคนอกภาคเกษตรกรรม(ADP)(ก.พ.)

                US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ (ก.พ.)

06 มี.ค.     EU การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของธนาคารกลางแห่งยุโรป 

EU การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย (มี.ค.)

US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

                US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

07 มี.ค.     US รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง (เดือนต่อเดือน) (ก.พ.)

                US อัตราการว่างงาน (ก.พ.)

 

 

Theme Strategy

Theme หุ้นเด่น 1H68 เน้น หุ้นในธุรกิจใหม่ที่เป็น Trend ในอนาคต อย่าง Data Center รวมถึงหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรปกติ 4Q67-1Q68 คาดออกมาดี และ หุ้นที่รับความผันผวนได้ดีจากความเสี่ยง Trade War/ธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย  

 

(1) กลุ่มธนาคารที่มี Sentiment บวกจากธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย/มี Yield สูง BBL, KTB, KBANK, TISCO*, TTB*

 

(2) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CRC, NSL*, TNP*, OSP*

 

(3) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, SKR

 

(4) กลุ่มมีโอกาสเกี่ยวข้องกับการลงทุน Data Center/ธุรกิจ Trend อนาคต ADVANC,INTUCH*,TRUE,GULF*,AMATA

 

(5) กลุ่มสินค้า IT ที่ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี(เช่น AI function/ 4G to 5G) SYNEX*, ADVICE*, SIS*

 

(6) กลุ่มที่มี Sentiment บวกจาก Entertainment Complex BTS*, VGI*, MBK*, BA

 

 

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

 

Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

 

Today Fundamental Research: -

 

 

Monthly Portfolio January 2025: CPALL, SYNEX*, KLINIQ, SHR*, TEGH*

 

 

Analysts

Apichai Raomanachai  

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  002939

Tel  02-829-6999  Ext  2200

Email : apichai.ra@kfsec.co.th

Nopporn Chaykaew     

Fundamental Analysis ID No.  043964

Tel  02-829-6999  Ext  2203

Email : noppoen.ch@kfsec.co.th

Nattawat Poosunthornsri  

Fundamental Analysis ID No.  087077

Tel  02-829-6999  Ext  2204

Email : nattawat.po@kfsec.co.th

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ยืน 1200 จุด By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ในท้องทุ่งสีเขียว หุ้นไทยบวกยืน 1200 จุดได้อีกครั้ง ...

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้