News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

27 ก.พ. 2568 09:42:10 423

Market Wrap-Up

SET วันที่ 26 ก.พ.68 ปิด +24.75 จุด อยู่ที่ 1,231.14 จุด มูลค่าการซื้อขาย 62,528 ลบ. สถาบันซื้อ 303 ลบ. ต่างชาติซื้อ 2,063 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 1,043 ลบ. และรายย่อยขาย 1,322 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 2,644 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น CPALL,KTB,SCB,TRUE,CENTEL และยอดขายหุ้น DELTA,AOT,BBL,CPF,PTT มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,689 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ JAPAN10001,BEM,LPN โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 21,775 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 10,570 สัญญา นักลงทุนต่างชาติซื้อพันธบัตรจำนวน 867 ลบ.
ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -0.43%, S&P500 +0.01%, Nasdaq +0.26% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี +0.90% หลัง Nvidia +3.67% ก่อนรายงานกำไร Q4/67 ขณะที่สินค้าอุปโภค -1.86%, บริการสุขภาพ -0.7% ส่วนข้อมูลยอดขายบ้านใหม่สหรัฐ ม.ค. ลดลงอยู่ที่ 657,000 & คาด 680,000 ยูนิต ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.99% ได้แรงหนุนจากกลุ่มธนาคาร, ประกันภัย, วัสดุก่อสร้าง และกลุ่มการบิน & กลาโหม

Market View

ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ Nasdaq ได้แรงหนุนจาก Nvidia +3.67% หลังรายงานกำไร Q4/67 ดีกว่าคาด +5.95% และรายได้ดีกว่าคาด +3.3% โดยรายได้จาก Data Center +16% QoQ และบริษัทคาดรายได้ Q1/68 ยังขยายได้ดี จากกำลังการผลิตชิป Blackwell เพิ่มขึ้น ส่วนประเด็นข้อตกลงการค้านั้น นักลงทุนคาดสหรัฐอาจชะลอการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโก & แคนาดาออกไปจนถึงวันที่ 2 เม.ย. ด้านข้อมูลเศรษฐกิจค่ำวันนี้ติดตาม US GDP Q4/67 คาด 2.3% QoQ, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดขายสินค้าคงคน และวันศุกร์ US PCE ม.ค. 2.5% & ธ.ค. 2.6% YoY ที่จะเป็นดัชนีที่เฟดใช้วัดเงินเฟ้อของสหรัฐ
ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับขึ้น ได้แรงหนุนจากกลุ่มธนาคาร หลัง ECB อนุมัติให้ ธ.Unicredit ของอิตาลีเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้น Commerz Bank ของเยอรมัน ขณะที่นักลงทุนรอประเมินผลกระทบจากข้อตกลงด้านแร่ธาตุระหว่างสหรัฐ – ยูเครน ก่อนจะเจรจากับรัสเซียเพื่อยุติสงครามในวันนี้ ขณะที่ ปธน.ทรัมป์ได้ประกาศเตรียมจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจาก EU ที่อัตรา 25% ในเร็ว ๆ นี้
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้ +1.02%, ฮั่งเส็ง +3.27% ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและ AI ของจีน ขณะที่ดัชนีนิเกอิวานนี้ -0.25% จากแรงชายหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ หลังสหรัฐเตรียมออก ม.คุมเข้มการส่งออกชิปไปยังตลาดจีนเพิ่มเติม และยังรอการรายงานงบของ Nvidia ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวันพรุ่งนี้ติดตาม Tokyo Core CPI ก.พ. คาด 2.3% & ม.ค. 2.5% YoY
ดัชนี SET วานนี้ +2.05% ปริมาณการซื้อขาย 6.25 หมื่น ลบ. สถาบันซื้อ 303 ลบ. ต่างชาติซื้อ 2,063 ลบ.พอร์ตโบรกขาย 1,043 ลบ. และรายย่อยขาย 1,322 ลบ. โดยดัชนีได้แรงหนุนจากแรงซื้อกลุ่มอิเล็ก ฯ, ค้าปลีก, ท่องเที่ยว, ไอซีที, อาหาร และไฟแนนท์ หลัง กนง.มีมติ 6 – 1 ลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% อยู่ที่ 2.0% เพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับตลาดเงิน และลดต้นทุนด้านการเงินให้กับผู้ประกอบการ หลัง GDP ไทย Q4/67 ยังขยายตัวได้ต่ำกว่าคาด แม้ว่ารัฐบาลจะใช้ ม.กระตุ้นกำลังซื้อแล้ว แต่ส่งสัญญาณยังไม่ใช่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง และคาด GDP ไทยปี 68 อาจขยายตัวได้เหนือ 2.5% เล็กน้อย & เดิมคาดที่ 2.9% YoY ในส่วนของรายงานกำไร บจ. Q4/67 นั้น 384 บริษัทที่ส่งงบแล้วมีกำไรต่ำกว่า BB Consensus ที่ -6.6% ปรับดีขึ้นจากสัปดาห์ก่อน -9.1% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยที่ลดลง ส่งผลให้ Market Earning Yield Gap ของ SET ปัจจุบันอยู่ที่36% ปรับสูงเมือเทียบกับ ม.ค. ที่ 3.37% เป็นอีกปัจจัยหนุนให้เม็ดเงินเริ่มกลับเข้าลงทุนในดัชนี SET

Daily Strategy

ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,220 แนวต้าน 1,240 คาดดัชนีได้แรงหนุนหลัง กนง.ปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% ส่งผลให้ Earning Yield Gap ของ SET ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.36% แนะนำซื้อเก็งกำไรกลุ่มไฟแนนท์ TISCO,KKP,MTC,TIDLOR,SAWAD/ อสังหา SIRI,AP,SPALI,LH และ GULF,GPSC,BGRIM,IVL,PTTGC คาดได้ประโยชน์จากต้นทุนการเงินลดลง และ CPALL@FV 5 หลังปฎิเสธลงทุนใน 7& I
MTC* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 56.50 บาท) บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 4Q67 ที่ 54 พันล้านบาท +4%QoQ, +14%YoY หนุนจากการควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ได้ดี โดย NPL ลดลง ได้อานิสงส์บวกจากมาตรการแจกเงิน 1 หมื่นบาท ให้กับกลุ่มเปราะบาง ทำให้ลูกหนี้มีความสามารถในการชะระเงินได้ดีขึ้น ส่วน NIM ลดลงเล็กน้อยจากต้นทุนการเงินที่สูงขึ้น สำหรับแนวโน้มปี 68 ผู้บริหารคาดการณ์สินเชื่อโต 15% มีแผนเปิดสาขาเพิ่ม 600 สาขา จากสิ้นปี 67 ที่ 8,172 สาขา ขณะที่การตั้งสำรองที่มีแนวโน้มผ่อนคลายลงอย่างต่อเนื่อง ส่วน NIM อาจถูกกดดันบ้างแต่ต้นทุนทางการเงินมีแนวโน้มลดลง 2H68 อิงจาก consensus ตลาดคาดกำไรสุทธิปี 68 ที่ 6.7 พันล้านบาท +14%YoY
CPALL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย50 บาท) จากกรณีข่าวเย็นเมื่อวานของ CPALL เรื่องบริษัทฯ ยืนยันไม่มีความประสงค์เข้าร่วมลงทุนในบริษัทค้าปลีกของประเทศญี่ปุ่น คาดจะมี Sentiment บวกเข้ามาจากความเสี่ยงดังกล่าวที่หายไป ทั้งนี้ กำไรสุทธิ 4Q67 ของ CPALL ออกมาแข็งแกร่งอยู่ที่ 7,179ลบ.(+30.61%YoY, +28.02%QoQ) โดย รายได้ฝั่ง 7-11, +10.6%YoY, +5.8%QoQ /Cash&CarryMakro& Lotus, +3.9%YoY, +7.2%QoQ บวกตามฤดูกาลและกำลังซื้อในประเทศที่ฟื้นตัวหนุนด้วยมาตรการภาครัฐฯ ส่วน 1Q68 คาดว่ากำไรยังจะสามารถเติบโตได้ต่อYoYหนุนจาก กำลังซื้อในประเทศที่ได้อานิสงค์ม.ของภาครัฐฯ รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่สูงขึ้น

Daily Key Factors

Oil Update(-) WTI เม.ย. -$0.31 อยู่ที่ $68.62 / บาร์เรล, Brent เม.ย. -$0.49 อยู่ที่ $72.53/บาร์เรล หลัง EIA รายงานสต็อคน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 369,000 บาร์เรล สวนทางคาดจะลดลง 950,000 บาร์เรล และสต็อคน้ำมันกลั่นเพิ่มขึ้น 3.9 ล.บาร์เรล มากกว่าคาดจะเพิ่ม 30,000 บาร์เรล โดยนักลงทุนรอการเจรจายุติสงครามรัสเซีย – ยูเครน อาจส่งผลให้มีการยกเลิก ม.คว่ำบาตรต่อรัสเซีย

Gold Update(+) Comex Gold เม.ย.+$11.80 อยู่ที่ $2,930.60 /ออนซ์ เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย หลัง ปธน.ทรัมป์เผยเตรียมปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจาก EU ในอัตรา 25% เร็ว ๆ นี้

Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ +44.28 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +61.18 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -19.76 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +2.86 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 33.76 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 4.274 %

(+) ดัชนี BDI วานนี้ +73 จุด อยู่ที่ 1,112

(-) BitCoinเช้านี้ -4.49% อยู่ที่ 84,722 ดอลลาร์สหรัฐ

Economic Calendar

ในประเทศ

24 ก.พ. ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วน

ยานยนต์

26 ก.พ. สศช. รายงานภาวะสังคมไทยไตรมาส 4/67 และภาพรวม ปี 2567

ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 1/2568

28 ก.พ. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย

สัปดาห์ที4 กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ

สศอ. แถลงดัชนีอุตสาหกรรม

สศค.รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค,ดัชนี

ความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค

ต่างประเทศ

24 ก.พ. EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) (ม.ค.)

25 ก.พ. US รายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากซีบี (ก.พ.)

26 ก.พ. US ยอดขายบ้านใหม่ (ม.ค.)

27 ก.พ. US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

28 ก.พ. US ดัชนีราคาด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE Price Index) (ม.ค.)

01 มี.ค. CN ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีน (ก.พ.)

Theme Strategy

Theme หุ้นเด่น 1H68 เน้น หุ้นในธุรกิจใหม่ที่เป็น Trend ในอนาคต อย่าง Data Center รวมถึงหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรปกติ 4Q67-1Q68 คาดออกมาดี และ หุ้นที่รับความผันผวนได้ดีจากความเสี่ยง Trade War/ธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย

(1) กลุ่มธนาคารที่มี Sentiment บวกจากธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย/มี Yield สูง BBL, KTB, KBANK, TISCO*, TTB*

(2) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CRC, NSL*, TNP*, OSP*

(3) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, SKR

(4) กลุ่มมีโอกาสเกี่ยวข้องกับการลงทุน Data Center/ธุรกิจ Trend อนาคต ADVANC,INTUCH*,TRUE,GULF*,AMATA

(5) กลุ่มสินค้า IT ที่ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี(เช่น AI function/ 4G to 5G) SYNEX*, ADVICE*, SIS*

(6) กลุ่มที่มี Sentiment บวกจาก Entertainment Complex BTS*, VGI*, MBK*, BA

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

Today Fundamental Research: -

Monthly Portfolio January 2025: CPALL, SYNEX*, CRC, SHR*, TEGH*

Analysts

Apichai Raomanachai