Today’s NEWS FEED

News Feed

SCB EIC ตัวเลขส่งออก ม.ค. 2025 ขับเคลื่อนจากทองคำ วัฏจักรอิเล็กทรอนิกส์ขาขึ้น การเร่งส่งออกหวั่นสงครามการค้า

408

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (26 กุมภาพันธ์ 2568)-------มูลค่าการส่งออกสินค้าไทยเดือน ม.ค. 2025 เร่งตัวสูงถึง 13.6%YOY อยู่ที่ 25,277 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เร่งขึ้นจาก 8.7% ในเดือนก่อน โดยตัวเลขเดือนนี้สูงกว่าคาดการณ์มาก (SCB EIC ประเมินที่ 6.9% และค่ากลาง Reuters Poll 7.2%) สาเหตุหลักมาจากการส่งออกทองคำ วัฏจักรอิเล็กทรอนิกส์ขาขึ้น และการเร่งส่งออกก่อนนโยบายกีดกันการค้าของสหรัฐฯ จะเริ่มมีผลเป็นวงกว้าง

 

มูลค่าการส่งออกไทยเดือน ม.ค. ปี 2025 ขยายตัวดี สาเหตุหลักมาจากการส่งออกทองคำและประเด็นพิเศษเกี่ยวกับทองคำ โดยการส่งออกทองคำขยายตัวสูงมากถึง 148.9% เทียบกับ 7.2% ในเดือนก่อน โดยเฉพาะตลาดสวิตเซอร์แลนด์ (5,716.1%) และสิงคโปร์ (2,577.9%) นอกจากนี้ SCB EIC ยังพบประเด็นพิเศษว่า การส่งออกสินค้ากลุ่มโลหะมีค่าและของที่หุ้มด้วยโลหะมีค่าอื่น ๆ ขยายตัวมากถึง 3,418.1% ซึ่งเกือบทั้งหมดส่งออกไปยังตลาดอินเดีย สำหรับประเด็นพิเศษที่เกิดขึ้นนี้ SCB EIC ประเมินว่า แท้จริงแล้วเป็นการส่งออกทองคำในรูปของทองคำผสมแพลทินัมในสัดส่วนไม่มากเพื่อประโยชน์ทางภาษีของผู้นำเข้าอินเดีย โดยผลจากการส่งออกทองคำ รวมถึงสินค้ากลุ่มโลหะมีค่าและของที่หุ้มด้วยโลหะมีค่าอื่น ๆ พิเศษนี้ มีส่วนทำให้มูลค่าการส่งออกของไทยเดือน ม.ค. 2025 ที่ขยายตัวสูงถึง 13.6% ขยายตัวมากถึง 7.4% นั่นคือ มูลค่าการส่งออกที่ไม่รวมทองคำ (สะท้อนกิจกรรมการส่งออกที่เกิดขึ้นจริง) โตเพียง 6.2%

 

ประเด็นพิเศษเกี่ยวกับทองคำที่เห็นนี้ เกิดขึ้นเนื่องจากทางการอินเดียได้ปรับปรุงอัตราการจัดเก็บภาษีนำเข้าทองคำ เงิน แพลทินัม อัญมณี และเครื่องประดับต่าง ๆ หลายครั้งในช่วงปี 2022 – 2024 เพื่อแก้ปัญหาการลักลอบนำเข้าทองคำและสนับสนุนอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับในประเทศ สำหรับการปรับปรุงในปี 2024 ได้เปิดช่องว่างทางกฎหมายให้ผู้นำเข้าทองคำในอินเดียบางส่วนหันมานำเข้าทองคำผสมแพลทินัมและเงินมากขึ้น ซึ่งเกณฑ์ปรับปรุงใหม่นี้กำหนดไว้ว่า ทองคำที่มีส่วนผสมของแพลทินัมหรือเงินไม่ต่ำกว่า 2% จากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) จะเสียอัตราภาษีนำเข้าต่ำกว่าการนำเข้าทองคำปกติ ภายใต้ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจอินเดีย - UAE ส่งผลให้อินเดียนำเข้าทองคำผสมแพลทินัม (Platinum, unwrought or in powder form: in lumps, ingots, cast bars or in powder form) จากประเทศ UAE เพิ่มขึ้นอย่างมากจากระดับปกติราว 3 - 8 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน สู่ระดับ 103.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเดือน มิ.ย. 2024 และ 668.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเดือน ก.ค. 2024

 

ในวันที่ 24 ก.ค. 2024 ทางการอินเดียจึงได้ปรับปรุงอัตราการจัดเก็บภาษีนำเข้าอีกครั้ง เพื่อแก้ปัญหาช่องว่างทางกฎหมายในการนำเข้าทองคำผสมแพลทินัมหรือเงินจาก UAE ผู้นำเข้าอินเดียจึงเปลี่ยนกลยุทธ์การนำเข้าทองคำผสมแพลทินัมจากแทนซาเนีย แอฟริกาใต้ และไทยแทน เพื่อให้เสียอัตราภาษีนำเข้า 0% ตาม Duty Free Tariff Preference (DFTP) Scheme by India for Least Developed Countries และความตกลงการค้าเสรี อาเซียน – อินเดีย ส่งผลให้ไทยส่งออกโลหะมีค่าและของที่หุ้มด้วยโลหะมีค่าอื่น ๆ เพิ่มขึ้นมากจากปกติที่ราว 20 – 40 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน สู่ระดับ 113.6, 486.2 และ 998.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเดือน พ.ย. และ ธ.ค. 2024 และเดือน ม.ค. 2025 ตามลำดับ อย่างไรก็ดี ทางการอินเดียเห็นถึงปัญหาช่องว่างทางกฎหมายเรื่องนี้และประกาศจะปรับปรุงกฎหมายนี้ในวันที่ 1 พ.ค. 2025

 

ส่งออกเดือน ม.ค. โตดีเกือบทุกหมวด ยกเว้นสินค้าเกษตร

หากพิจารณารายหมวด พบว่า (1) สินค้าอุตสาหกรรมขยายตัว 17% เติบโตต่อเนื่อง 10 เดือน เทียบกับเดือนก่อนที่ 11.1% โดยอัญมณีและเครื่องประดับหักทอง, ทองคำยังไม่ขึ้นรูป, เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์, อากาศยาน ยานอวกาศ และส่วนประกอบ, ผลิตภัณฑ์ยาง, เครื่องปรับอากาศ และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล เป็นสินค้าหลักที่ขยายตัว ขณะที่เหล็ก, เครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว, รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และอุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด เป็นสินค้าหลักที่หดตัว (2) สินค้าอุตสาหกรรมการเกษตรขยายตัวชะลอลงเหลือ 3% ต่ำกว่าเดือนก่อนที่ 6.7% โดยผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูปอื่น ๆ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป และอาหารสัตว์เลี้ยงขยายตัวดี ขณะที่เครื่องดื่มหดตัว (3) สินค้าแร่และเชื้อเพลิงกลับมาขยายตัว 0.3% หลังจากหดตัวติดต่อกัน 4 เดือน โดยเฉพาะเดือนก่อนที่หดตัวมากถึง -33.7% โดยน้ำมันดิบขยายตัว น้ำมันสำเร็จรูปหดตัวน้อยลง -4.3% หลังจากหดตัวแรง -29.8%, -21.4%, -16.3% และ -33.7% ในช่วงเดือน ก.ย. - ธ.ค. 2024 ตามลำดับ และ (4) สินค้าเกษตรกลับมาหดตัว -2.2% หลังขยายตัวสูง 10.7% ในเดือนก่อน และขยายตัวติดต่อกัน 6 เดือน โดยเฉพาะยางพารา ขณะที่ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง, ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และข้าว หดตัว (รูปที่ 1 และ 2)

 

การส่งออกไปสหรัฐฯ อินเดีย และสวิตเซอร์แลนด์ขยายตัวดี จากแรงหนุนการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ ขณะที่ส่งออกไปจีน EU28 และ CLMV ชะลอตัว

หากพิจารณารายตลาดหลัก พบว่า (1) ตลาดอินเดียขยายตัวสูง 129.8% เพิ่มกว่า 2 เท่า เทียบกับเดือนก่อนที่ 62.7% โดยจำนวนสินค้าส่งออกสำคัญที่ขยายตัวสูงมี 12 ใน 15 รายการ โดยเฉพาะอัญมณีและเครื่องประดับที่ขยายตัวมากถึง 1,846% สูงกว่าเดือนก่อนเกือบ 3 เท่า และคิดเป็น 57.1% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดไปอินเดียในเดือนนี้ (2) ตลาดสวิตเซอร์แลนด์กลับมาขยายตัว 852.7% หลังจากหดตัว -78.1% เดือนก่อน จากการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับที่ขยายตัวสูง 2,822% คิดเป็น 93.5% ของมูลค่าส่งออกไทยทั้งหมดไปสวิตเซอร์แลนด์เดือนนี้ (ทองคำยังไม่ขึ้นรูปขยายตัวมากถึง 5,716%) (3) ตลาดสหรัฐฯ ขยายตัวดีต่อเนื่อง 22.4% จาก 17.5% ในเดือนก่อน โดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เช่น เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล, เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ, เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ และหม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ ขยายตัวมากถึง 77.9%, 42.6%, 40.6% และ 33.7% ตามลำดับ อีกทั้ง การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับขยายตัวมากถึง 36.4% (4) ตลาดจีนชะลอตัวบ้าง 13.2% เทียบกับ 15.0% ในเดือนก่อน โดยอากาศยาน ยานอวกาศ และส่วนประกอบ, ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูปอื่น ๆ, ยางพารา, ผลิตภัณฑ์อะลูมิเนียม และผลิตภัณฑ์ยางเป็นสินค้าส่งออกสำคัญที่ขยายตัวมาก 4,311.7%, 211.1%, 96.2%, 95.77% และ 85.5% ตามลำดับ ขณะที่การส่งออกแผงวงจรไฟฟ้า ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ เป็นสินค้าส่งออกสำคัญที่หดตัว (5) ตลาดยุโรปขยายตัวชะลอลงเหลือ 13.2% จาก 21.7% ของเดือนก่อน จำนวนสินค้าส่งออกสำคัญที่ขยายตัวลดลง 10 ใน 15 รายการสำคัญ โดยเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ขยายตัวมากถึง 118.3% ขณะที่รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบหดตัว -39.4% และ (6) ตลาด CLMV ชะลอตัวลงมากเหลือ 5.2% จาก 20.7% ในเดือนก่อน โดยการส่งออกไปเวียดนามและเมียนมายังคงขยายตัว 16.4% และ 14.7% ตามลำดับ แต่ตลาดลาวหดตัวเล็กน้อย -0.5% ตลาดกัมพูชาหดตัว -7.3% โดยเฉพาะอัญมณีเครื่องประดับหดตัว -44.4% (รูปที่ 4)

 

นำเข้าเดือนมกราคมขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 ยกเว้นเชื้อเพลิงที่นำเข้าลดลง

มูลค่าการนำเข้าสินค้าไทยเดือน ม.ค. อยู่ที่ 27,157.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวชะลอลงเหลือ 7.9% (SCB EIC ประเมิน 3.7% ขณะที่ Reuters Poll มีค่ากลางของการคาดการณ์ 3%) เทียบกับ 14.9% ในเดือนก่อน แต่ยังขยายตัวต่อเนื่อง 7 เดือน โดยการนำเข้าอาวุธและยุทธปัจจัย, สินค้าทุน, สินค้าอุปโภคบริโภค, สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป และยานพาหนะและอุปกรณ์ขนส่งขยายตัว 52.1%, 17.8%, 9.0%, 4.2% และ 1.4% ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม สินค้าเชื้อเพลิงยังหดตัวเล็กน้อย -1% สำหรับดุลการค้า (ระบบศุลกากร) เดือน ม.ค. ขาดดุล -1,881.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

SCB EIC ประเมิน มูลค่าการส่งออกสินค้าจะโตดีต่อเนื่องในไตรมาสแรกปีนี้

SCB EIC ประเมินมูลค่าการส่งออกไทยในไตรมาสแรกจะขยายตัวดีตามแรงส่งจากปีก่อน อานิสงส์วัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ขาขึ้น แนวโน้มการเร่งสั่งซื้อของประเทศคู่ค้าก่อนนโยบายกีดกันการค้าของสหรัฐฯ รวมถึงราคาสินค้าส่งออกกลุ่มน้ำมันและกลุ่มเกี่ยวเนื่องกับน้ำมันเพิ่มขึ้น เช่น พลาสติกและปิโตรเคมี ตามราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในช่วงต้นปี 2025 จากอากาศหนาวมากกว่าคาด ปัจจัยฐานต่ำในเดือน มี.ค. 2024 ที่หดตัวสูง -10.5% และการส่งออกทองคำในรูปแบบโลหะอื่นไปยังอินเดียก่อนจะปรับปรุงเกณฑ์ช่องว่างการนำเข้าทองคำ

 

อย่างไรก็ตาม แรงกดดันต่อการส่งออกไทยจะเพิ่มขึ้นมากในช่วงที่เหลือของปีนี้ ได้แก่

    แนวโน้มเศรษฐกิจโลกขยายตัวชะลอลง จากผลนโยบายกีดกันการค้า การลงทุน และการเคลื่อนย้ายพรมแดน ที่จะเกิดขึ้นกับหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะสหรัฐฯ ส่งผลให้บรรยากาศการค้าระหว่างประเทศมีแนวโน้มชะลอตัวลง โดยเฉพาะช่วงครึ่งหลังปี 2025 จากผลกระทบนโยบายกีดกันการค้าในโลก รวมถึงผล Front load การเร่งผลิตและส่งออกในช่วงปลายปี 2024 และต้นปี 2025 หมดลง
    ความต้องการสินค้าขั้นกลางที่ไทยส่งออกไปจีนเพื่อผลิตเป็นสินค้าขั้นปลายอาจชะลอตัว โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าขั้นปลายที่จีนส่งออกไปตลาดสหรัฐฯ รวมถึงปัญหาจีนผลิตล้นตลาด (China's overcapacity)
    จะมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นในตลาดโลก กดดันความสามารถการแข่งขันของสินค้าไทยในการส่งออกและสินค้าผลิตขายในประเทศ
    ราคาน้ำมันและกลุ่มสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน เช่น พลาสติกและปิโตรเคมี มีแนวโน้มลดลง จากนโยบายเพิ่มการขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯ โดย SCB EIC มองว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปี 2025 จะอยู่ที่ 75 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ต่ำกว่าปีก่อนที่ 80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
    ปัจจัยฐานสูง การส่งออกปี 2024 ขยายตัวสูงถึง 5.4% โดยเฉพาะไตรมาส 3 และ 4 ที่ขยายตัวมากถึง 7.5% และ 10.5% ตามลำดับ (ตัวเลขระบบศุลกากร)

 

ทั้งนี้ SCB EIC ประเมินว่า การส่งออกของไทยปีนี้มีแนวโน้มจะได้รับผลกระทบจากมาตรการกีดกันการค้าของสหรัฐฯ เนื่องจากไทยเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ เป็นอันดับที่ 2 ของอาเซียน และอันดับที่ 11 ของประเทศคู่ค้าสหรัฐฯ ทั้งหมด (เทียบกับอันดับ 12 ในปี 2024) โดยไทยเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับปี 2017 ช่วงก่อนเกิดสงครามการค้ารอบแรก (รูปที่ 6) นอกจากนี้ SCB EIC ประเมินว่า ไทยอาจมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal tariffs) ของสหรัฐฯ ตั้งแต่ไตรมาส 2 เนื่องจาก ไทยเก็บอัตราภาษีนำเข้า Most Favored Nation (MFN) สูงกว่าสหรัฐฯ และค่าเฉลี่ยโลก (รูปที่ 7) ซึ่งอาจเป็นปัจจัยกดดันการส่งออกไปตลาดสหรัฐฯ เพิ่มเติมจากที่เคยประเมินไว้

 

ทั้งนี้ SCB EIC ประเมินแนวโน้มการส่งออกไทยปี 2025 (ณ พ.ย. 2024) ที่ 2% (ข้อมูลระบบดุลการชำระเงิน) โดย SCB EIC อยู่ระหว่างการทบทวนและเผยแพร่มุมมองใหม่ในเดือน มี.ค. นี้

 

บทวิเคราะห์โดย... https://www.scbeic.com/th/detail/product/trade-250225

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

เจ๊ชะเอม เคลมหุ้น (7 พ.ย. 68)

เจ๊ชะเอม เคลมหุ้น เห็นเส้นกราฟ เส้นเทคนิคของ ดัชนีหุ้นไทย กลับมายืนเหนือ 1,300 จุด..

จิ้งจอกเฒ่า (7 พ.ย. 68)

จิ้งจอกเฒ่า เห็นสภาวะตลาดหุ้นไทย ในตอนนี้ ก็ได้แต่ ก็ต้องทำใจ เข้าใจ และปรับตัว ...

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้