SET ขาดความเชื่อมั่นช่วงสั้น
External Factor
>นโยบายกีดกันทางการค้าของสรัฐฯ มีแนวโน้มเข้มงวดขึ้นต่อเนื่อง โดยล่าสุด ปธน. Trump ได้ลงนามในคำสั่งบริหารให้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ตรวจสอบการเก็บภาษี นำเข้า “ทองแดง” พร้อมกล่าวว่าคำสั่งนี้จะมี "ผลกระทบใหญ่” ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงห่วง โซ่อุปทานทั่วโลก
> ความกังวลนโยบายการค้าของ Trump ที่ยังมีความไม่แน่นอน ผลักให้ส่งออกไทย HOT เกินต้าน เดือน ม.ค. 68 เติบโต +13.6% อย่างไรก็ตามยอดนำเข้าไทยเร่งตัวขึ้น เช่นกัน ที่ระดับ +7.9%YoY ทำให้บ้านเราดุลการค้าขาดดุล -1,880 ล้านเหรียญฯ
Internal Factor
> ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ(DSI) มีมติเลื่อนโหวตรับหรือไม่รับคดีฮั้วเลือกตั้ง สว. เป็นคดีพิเศษ โดยหารือกับประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อให้ได้ข้อมูล และข้อเท็จจริงที่รอบคอบก่อน ถึงจะกลับมาประชุมกันอีกครั้งในวันที่ 6 มี.ค.68
>การเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ซึ่งแกนนำฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาชน (ปชน.) ยืนยันยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พร้อมกำหนดกรอบเวลาอภิปราย 5 วันในช่วงกลางมี.ค.68
>การประชุม กนง. ในวันที่ 26 ก.พ. 68 (เวลา 14.30 น.) ทาง Consensus ให้น้ำหนัก ราว 74% คาด กนง. คงดอกเบี้ยไว้ที่ 2.25%
Investment Strategy
>ช่วงนี้ตลาดหุ้นไทยลงเร็วลงแรง โดยเฉพาะหุ้นใหญ่ (4 วัน SET50 -5%) ส่วนหนึ่งถูกสมทบจากแรงขายสุทธิผ่าน Program Trading(4 วัน -9.8 พันล้านบาท) พร้อมกับการ Short Sale รายตัวหนักๆ (4 วัน มี 27 หุ้นใน SET100 ถูก Short Sale เกิน 10% ของมูลค่าซื้อขายต่อวัน)
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยฯ ยังเล็งเห็น SET Index และหุ้นใน SET100 หลายบริษัท ปรับตัวลงมาจน RSI (14) < 35 เข้าใกล้เขต Oversold ทุกระยะ 1 วัน, 1 สัปดาห์ และ 1 เดือน ในระยะเวลาสั้นๆ น่าจะมีโอกาสรีบาวน์ขึ้นมาได้บ้าง อาทิ AOT, PTTEP, SCC, BEM, PTTGC, SCGP, BGRIM, CK ฯลฯ เป็นต้น
นโยบายการค้าสหรัฐฯ “ไม่แน่นอน” หนุนไทยเร่งส่งออก HOT เกินต้าน
นโยบายกีดกันทางการค้าของสรัฐฯ มีแนวโน้มเข้มงวดขึ้นต่อเนื่อง โดยล่าสุด ปธน. Trump ได้ลงนามในคำสั่งบริหาร ให้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ตรวจสอบการเก็บภาษีนำเข้า “ทองแดง” พร้อมกล่าวว่าคำสั่งนี้จะมี "ผลกระทบใหญ่”ซึ่ง อาจเปลี่ยนแปลงห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก
ในมุมของสหรัฐฯ บริโภคทองแดงราว 1.6 ล้านตันในปี 2024และนำเข้าทองแดงสุทธิคิดเป็น 36% ของ Demand ทั้งนี้ แม้ว่าสหรัฐฯ จะเป็นผู้ผลิตทองแดงรายใหญ่ โดยผลิตทองแดงหลักประมาณ 850,000 ตันในปี 2024 แต่ยังคงต้อง พึ่งพาการนำเข้าจากพันธมิตรการค้าหลัก อาทิชิลี (38%), แคนาดา (28%) และเม็กซิโก (8%) เป็นต้น
ความกังวลนโยบายการค้าของ Trump ที่ยังมีความไม่แน่นอน (ทั้งรายชื่อสินค้าและกลุ่มประเทศ) ผลักให้ภาคการค้า ระหว่างประเทศเร่งตัวขึ้นแรง โดยกระทรวงพาณิชย์เผยส่งออกไทยเดือน ม.ค. 68 +13.6%YoY ขยายตัวสูงว่าคาดที่ +7.4%YoY สำหรับสินค้าส่งออกที่เติบโตต่อเนื่องทั้ง MoM และ YoY อาทิ ยางพารา, ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง, แผงวงจร ไฟฟ้า เป็นต้น
อย่างไรก็ตามยอดนำเข้าไทยในเดือน ม.ค. 68 ได้เร่งตัวขึ้นเช่นกัน ที่ระดับ +7.9%YoY ทำให้บ้านเราดุลการค้าขาด ดุล -1,880 ล้านเหรียญฯ ซึ่ง Net Exports ที่ชะลอตัวลงหรือติดลบ อาจเพิ่มแรงกดดันต่อภาพรวมเศรษฐกิจไทยได้
ขณะที่ความกังวล GDP Growth ไทยเติบโตต่ำ ท่ามกลางความเสี่ยง จากแรงกดดันต่างๆ ในระยะข้างหน้า บวกกับ กระแสเรียกร้องจากรัฐบาล ทำหนังสือถึง ธปท. ก่อนประชุม
กนง. เตือนคำนึงถึงเป้าหมายกรอบเงินเฟ้อ 1-3% ประเมินว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ตลาดฯ คาดหวังว่าจะเป็นการปรับลดดอกเบี้ยในปี 2025 สะท้อนจาก Bond Yield 10Y ของไทยย่อตัวลงแตะระดับเดียวกับ Policy Rate แล้วที่ 2.25%
ส่วนการประชุม กนง. ในวันที่ 26 ก.พ. 68 (เวลา 14.30 น.) ทาง Consensus ให้น้ำหนักราว 74% คาด กนง. คง ดอกเบี้ยไว้ที่ 2.25% และมีความน่าจะเป็นราว 26% ที่จะมีการปรับลดดอกเบี้ยลง 25 Bps. มาอยู่ที่ 2.0%
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่า กนง.จะลดดอกเบี้ยหรือไม่ในวันนี้ ระดับ Market Earning Yield Gap ของ SET Index ก็ยัง น่าสนใจอยู่ดี โดยมีระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีอยู่มากแม้จะคิด Downside ของการปรับประมาณการ EPS ลง 8 บาท/หุ้น ก็ตาม ดังนั้นดัชนีในปัจจุบันจึงถือือว่าน่าทยอยสะสมสำหรับนักลงทุนที่หวังผลกำไรระยะกลาง-ยาว
การเมืองไทย จากนี้ไปคงต้องจับตามากขึ้น
วานนี้ที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ(DSI) มีมติเลื่อนโหวตรับหรือไม่รับคดีฮั้วเลือกตั้ง สว.เป็นคดีพิเศษ โดยให้ คณะอนุกรรมการ DSI นำกลับไปดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนกระบวนการภายใน 1 สัปดาห์ และหารือกับ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อให้ได้ข้อมูลและข้อเท็จจริงที่รอบคอบก่อน ถึงจะกลับมาประชุมกันอีก ครั้งในวันที่ 6 มี.ค.68 ซึ่งก่อนหน้านี้การประสานงานระหว่างอธิบดีDSI กับเลขาธิการ กกต. ทำให้ยังมีความไม่ชัดเจน ว่าอำนาจในการดำเนินคดีเรื่องนี้อยู่ที่ใคร เพราะมีความคาบเกี่ยวทั้งคดีอาญา และคดีเลือกตั้ง ซึ่งในการประชุมครั้ง หน้า จะเชิญประธาน กกต.มาร่วมประชุมเพื่อให้เกิดความชัดเจนในเรื่องนี้
ขณะที่อีก 1 ประเด็นที่นักลงทุนให้ความสนใจ คือ การเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ซึ่งแกนนำฝ่ายค้านอย่าง พรรคประชาชน(ปชน.) ยืนยันยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในวันที่ 27 ก.พ.68 พร้อมกำหนดกรอบเวลา อภิปราย 5 วันในช่วงกลางมี.ค.68 และเรียกร้องรัฐบาลให้ตอบรับก่อนสิ้นสมัยประชุมวันที่ 10 เม.ย.68 ซึ่งทั้ง 2 ประเด็นทางการเมืองที่เกิด Overhang ในตอนนี้ ทำให้ SET Index ยังงุนงงอยู่ในขาลง จากการขาดความเชื่อมั่นของ นักลงทุนไปอีกสักระยะ
สรุป การเมืองไทยยังเป็นปัจจัยกดดัน SET ต่อไปอีกสักระยะ จากที่ยังไม่ทราบผลลัพธ์ของทั้ง 2 ประเด็น คือ 1.คดีฮั้ว เลือกตั้ง สว. 2.การเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล โดยวันนี้คาด SET จะแกว่งทรงตัวในกรอบแคบ 1195-1220 จุด
Program Trade & Short Sale สมทบ กดให้หุ้นไทยตกหนักในช่วงนี้
หลังจากมีกระแสลดหรือปลดเกณฑ์ Uptick หุ้นใน SET100 ตั้งแต่วันที่ 20 –25 ก.พ. 68 เป็นต้นมา กดดันให้หุ้นใหญ่ ลงหนัก สะท้อนได้จาก SET50 -5.0%, SET100-4.9% ลงเนอะกว่าดัชนีหุ้นเล็ก mai -3.9% และ sSET -3.2%
สถานะการณ์ดังกล่าวยังเห็นแรงขายจาก Program Trading ที่มีสัดส่วนมูลค่าซื้อขายครอบคลุมเกือบครึ่งหนึ่งของ ตลาด ถล่มขายสุทธิลงมากว่า -9.8 พันล้านบาท ในช่วง 4 วันทำการที่ผ่านมา (20 –25 ก.พ. 68) กดดันให้มียอดขาย สุทธิสะสม -1.25 หมื่นล้านบาท (ytd)
โดยมีหุ้นใหญ่ที่ลงหนัก และมีมูลค่าซื้อขายจาก Program Trading หนาแน่นในช่วงท้ายเดือน ก.พ. อาทิ PTTEP, WHA, SPA, VGI, BCPG, TRUE, GULF, SCGP, INTUCH ฯลฯ ิ
มิหนำซ้ำยังมีการ Short Sale ในหุ้นตัวใหญ่หนักกว่าปกติ โดยฝ่ายวิจัยฯ รวบรวมช่วง 20 – 25 ก.พ. 68 มีหุ้นใน SET100 ถูก Short Sale บางวันเกิน 10% ของมูลค่าซื้อขาย ถึง 27 บริษัท อาทิ BEM, IRPC, HMPRO, OR, CRC, SCC, PTT, CBG, SAWAD, PTTGC และหุ้นตัวอื่นๆ
สรุปช่วงนี้ตลาดหุ้นไทยลงเร็วลงแรง โดยเฉพาะหุ้นใหญ่ ส่วนหนึ่งถูกสมทบจากแรงขายสุทธิผ่าน Program Trading พร้อมกับการ Short Sale รายตัวหนักๆ ในบางวัน
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยฯ ยังเล็งเห็น SET Index ปรับตัวลงมาจน RSI (14) < 35 เข้าใกล้เขต Oversold ทุกระยะ 1 วัน ,1 สัปดาห์ และ 1 เดือน น่าจะมีโอกาสรีบาวน์ขึ้นมาได้บ้าง อีกทั้งยังมีหุ้นใน SET100 ถึง 17 บริษัท ที่ RSI (14) < 35 หรือเข้าใกล้เขต Oversold ทุกระยะ 1 วัน,1 สัปดาห์ และ 1 เดือน อย่าง AOT, PTTEP, SCC, BEM, PTTGC, SCGP, EGCO, BANPU, GLOBAL, OSP, BGRIM, CK, IRPC, JMT, GUNKUL, JMART, SJWD น่าจะมีโอกาสรีบาวน์ ขึ้นมาสั้นๆ ได้เช่นกัน
Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์