Market Wrap-Up
- SET วันที่ 25 ก.พ.68 ปิด -29.46 จุด อยู่ที่ 1,206.39 จุด มูลค่าการซื้อขาย 50,189 ลบ. สถาบันขาย 1,035 ลบ. ต่างชาติขาย 3,398 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 840 ลบ. และรายย่อยซื้อ 5,275 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 1,690 ลบ. โดยมียอดซื้อในหุ้น SCB,CPALL,GULF,KTB,TRUE และยอดขายหุ้น ADVANC,PTTEP,TRUE,DELTA,BH มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,222 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ MEB,GUNKUL,SCC โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 4,070 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Short สุทธิรวม 11,205 สัญญา นักลงทุนต่างชาติซื้อพันธบัตรจำนวน 3,714 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.37%, S&P500 -0.47%, Nasdaq -1.35% นำโดยบริการสื่อสาร -1.53%, พลังงงาน -1.47% ขณะที่กลุ่มสินค้าอุปโภค +1.69%, อสังหา +1.14% หลังดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ ก.พ. ลดลงต่ำสุดนับตั้งแต่ มิ.ย.67 ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.15% ได้แรงหนุนจากกลุ่มธนาคาร HSBC, Banco Santander ปรับขึ้น, บริการสุขภาพ +1% นำโดย Novo Nordisk +2.8% และสื่อสารโทรคมนาคม +1.2%
Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ S&P500, Nasdaq ปรับลดลงจากแรงชายกลุ่มบริการสื่อสาร, พลังงาน หลัง Conference Board เผยดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ ก.พ. ลดลงอยู่ที่ 98.3 & ม.ค. 105.3 ต่ำสุดนับตั้งแต่ มิ.ย. 68 สาเหตุมาจากความกังวลต่อนโยบายของรัฐบาลทรัมป์ หลังเตรียมปรับขึ้นภาษีศุลกากรสินเข้าจากแคนาดา & เม็กซิโกที่ 25% ใน มี.ค. ซึ่งอาจส่งผลให้เงินเฟ้อสหรัฐปรับสูงขึ้น ขณะที่ Nvidia -2.8% ก่อนรายงานงบในช่วงปิดตลาดวันนี้ และยังอาจถูกรัฐบาลควบคุมปริมาณและประเภทของชิปที่ Nvidia ส่งออกไปขายในตลาดจีน ด้านข้อมูลเศรษฐกิจค่ำวันนี้ติดตาม US GDP Q4/67 คาด 2.3% QoQ และวันศุกร์ US PCE ม.ค. 2.5% & ธ.ค. 2.6% YoY
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับขึ้น ได้แรงหนุนจากกลุ่มธนาคาร, บริการสุขภาพ ขณะที่กลุ่มเทคโนโลยี, เหมืองแร่ปรับลดลง หลังข้อมูล GDP เยอรมัน Q4/67 -0.20% QoQ ส่งผลให้ GDP เยอรมันปี 67 -0.20% YoY หดตัวต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 สาเหตุมาจากอุปสงค์ตลาดส่งออกสินค้าที่ชะลอตัว กอปรกับต้นทุนพลังงานสูงขึ้นจากสงครามรัสเซีย – ยูเครน ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์เพิ่ม หลังสหรัฐ, รัสเซีย, เกาหลีเหนือ โหวตคัด้านมติ UN ประณามการรุกรานยูเครน ซึ่งตรงกันข้ามกับความเห็นของอังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมัน
- ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้ -0.80%, ฮั่งเส็ง -1.32% หลัง ปธน.ทรัมป์ประกาศใช้ ม.ควบคุมการลงทุนจากจีน ที่จะลงทุนในกลุ่มยุทธศาสตร์ของสหรัฐ เช่น ด้านเทคโนโลยีและพลังงาน ส่วนดัชนีนิเกอิวานนี้ -1.39% ต่ำสุดในรอบ 3 เดือน หลัง ปธน.ทรัมป์ได้ประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโก & แคนาดาใน มี.ค. นี้
- ดัชนี SET วานนี้ -2.38% ปริมาณการซื้อขาย 5.0 หมื่น ลบ. สถาบันขาย 1,035 ลบ. ต่างชาติขาย 3,398 ลบ.พอร์ตโบรกขาย 840 ลบ. และรายย่อยซื้อ 5,275 ลบ. จากแรงชายกลุ่ม Big Cap. เช่น ค้าปลีก, ไอซีที, พลังงาน, ท่องเที่ยว และปิโตรเคมี หลังสหรัฐเตรียมปรับขึ้นภาษีศุลกากรกับเม็กซิโก & แคนาดาใน มี.ค. นี้ ส่งผลให้หลายประเทศมีความเสี่ยงถูกเรียกเก็บ Universal Tariff ใน เม.ย. นี้ โดยประเทศไทยมียอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐในช่วง 11 เดือนปี 67 อยู่ที่ 4.15 หมื่น ล.ดอลลาร์ อยู่ในอันดับ 10 ของโลก ส่วนปัจจัยในประเทศถูกกดดันจากแรงชายกองทุน LTF ที่ครบกำหนดไถ่ถอนมูลค่า 1.8 แสน ลบ.กอปรรายงานกำไร บจ. Q4/67 ยังต่ำกว่า Bloomberg Consensus -9% ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงการเมืองในประเทศเพิ่มขึ้น หลังประชุม DSI วานนี้ได้ตั้งอนุกรรมการเพื่อสอบสวนกรณีฮั้วเลือกตั้ง สว. ซึ่งอาจเกิดให้ความขัดแย้งระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ประเด็นที่ต้องติดตามวันนี้ คือ ผลการประชุม กนง.ว่าจะตัดสินใจดอกเบี้ยหรือไม่ หลังภาวะเศรษฐกิจไทยในช่วง Q4/67 ชยายตัวต่ำกว่าคาด โดย BB Consensus คาดจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 2.25%
Daily Strategy
- ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,190 – 1,200 แนวต้าน 1,220 – 1,230 คาดดัชนีถูกกดดันจากกำไร บจ.ที่ต่ำกว่าคาด และ ม.ปรับขึ้นภาษีของทรัมป์ โดยหาก กนง.ตัดสินใจปรับลดดอกเบี้ย แนะนำซื้อเก็งกำไรกลุ่มไฟแนนท์ TISCO,KKP,MTC,TIDLOR,SAWAD/ อสังหา SIRI,AP,SPALI และ GULF,GPSC,BGRIM,IVL,PTTGC คาดได้ประโยชน์จากต้นทุนการเงินลดลง
- MASTER* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 42.00 บาท) ผลประกอบการ 4Q67 มีกำไรสุทธิ 219 ล้านบาท ขยายตัว +101%QoQ, +34%YoY หนุนจากช่วง High Season โดยยังรักษาระดับ GPM ที่ระดับสูงและสามารถควบคุม SG&A ได้ดีขึ้น ประกอบกับส่วนบ่งกำไรจากการลงทุนใน JV คาดทยอยเพิ่มขึ้น สำหรับแนวโน้มปี 68 ตลาดประเมินกำไรสุทธิ 615 ล้านบาท ขยายตัวได้ราว 17-19%YoY มีปัจจัยหนุนจากผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 68 เติบโต 20%YoY หนุนจากฐานลูกค้าในกลุ่มอินโดนีเซียที่เติบโตดี และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากจากลงทุนเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามใน 1Q68 คาดกำไรลดลง QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล แต่ยังเห็นการเติบโต YoY
- SNPS* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 6.33 บาท) กำไรสุทธิปี67 อยู่ที่ 81 ลบ. +120%YoY ตามรายได้ขายที่ +28%YoY เพิ่มจากรายได้สารสกัดที่มีการขยายฐานลูกค้าไปกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยง และรายได้ ODM ที่โตจากฐานต่ำในปีก่อนที่ผลิตภัณฑ์หมด Product Life Cycle ซึ่งในปี67 ได้มีการพัฒนาสินค้าใหม่ๆออกมาให้ลูกค้าแล้ว ด้านการดำเนินงานช่วงปี68 คาดว่าจะยังมีโมเมนตัมการสั่งซื้อเข้ามาต่อเนื่องโดยปี68 คาดเปิดตัวสินค้าใหม่อีก 10 รายการ ส่วนระยะกลาง-ยาวยังจะมีปัจจัยหนุนจากการลงทุนเพิ่มเติมในเทคโนโลยีการสกัดขั้นสูง Phytoextraction Technology กำลังผลิตที่ 2.8 หมื่น/ปี คาดเริ่มใช้งานในปี69 และ รายได้จากการขอทุนวิจัยจากหน่วยงานภายนอก
Daily Key Factors
Oil Update(-) WTI เม.ย. -$1.77 อยู่ที่ $68.93 / บาร์เรล, Brent เม.ย. -$1.76 อยู่ที่ $73.02/บาร์เรล หลังดัชนีความเชื่อผู้บริโภคสหรัฐ ก.พ. ปรับลดลง กอปรกับ GDP เยอรมัน Q4/67 ที่หดตัว -0.2% อาจส่งผลให้อุปสงค์ความต้องการใช้น้ำมันลดลง ขณะที่ข้อตกลงสันติภาพระหว่างรัสเซีย & ยูเครน อาจส่งผลให้ ม.คว่ำบาตรต่อรัสเซียถูกยกเลิก
Gold Update(-) Comex Gold เม.ย.-$44.40 อยู่ที่ $2,918.80 /ออนซ์ ถูกแรงขายทำกำไร หลังราคาทองคำปรับขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ 11 ครั้งในปีนี้ โดยทองคำยังเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ในช่วงที่มีความไม่แน่นอนต่อนโยบายของทรัมป์
Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -210.43 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -100.78 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -99.93 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -9.72 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 33.71 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 4.285 %
(+) ดัชนี BDI วานนี้ +37 จุด อยู่ที่ 1,039
(-) BitCoinเช้านี้ -4.04% อยู่ที่ 88,307 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
24 ก.พ. ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วน
ยานยนต์
26 ก.พ. สศช. รายงานภาวะสังคมไทยไตรมาส 4/67 และภาพรวม ปี 2567
ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 1/2568
28 ก.พ. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย
สัปดาห์ที4 กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ
สศอ. แถลงดัชนีอุตสาหกรรม
สศค.รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค,ดัชนี
ความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค
ต่างประเทศ
24 ก.พ. EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) (ม.ค.)
25 ก.พ. US รายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากซีบี (ก.พ.)
26 ก.พ. US ยอดขายบ้านใหม่ (ม.ค.)
27 ก.พ. US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
28 ก.พ. US ดัชนีราคาด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE Price Index) (ม.ค.)
01 มี.ค. CN ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีน (ก.พ.)
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่น 1H68 เน้น หุ้นในธุรกิจใหม่ที่เป็น Trend ในอนาคต อย่าง Data Center รวมถึงหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรปกติ 4Q67-1Q68 คาดออกมาดี และ หุ้นที่รับความผันผวนได้ดีจากความเสี่ยง Trade War/ธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มธนาคารที่มี Sentiment บวกจากธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย/มี Yield สูง BBL, KTB, KBANK, TISCO*, TTB*
(2) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CRC, NSL*, TNP*, OSP*
(3) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, SKR
(4) กลุ่มมีโอกาสเกี่ยวข้องกับการลงทุน Data Center/ธุรกิจ Trend อนาคต ADVANC,INTUCH*,TRUE,GULF*,AMATA
(5) กลุ่มสินค้า IT ที่ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี(เช่น AI function/ 4G to 5G) SYNEX*, ADVICE*, SIS*
(6) กลุ่มที่มี Sentiment บวกจาก Entertainment Complex BTS*, VGI*, MBK*, BA
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio January 2025: CPALL, SYNEX*, CRC, SHR*, TEGH*
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th