Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.ทิสโก้ : MAJOR คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 17 บาท

292

 


Company Note
เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป


ประกาศกำไรสุทธิ 4Q24 ลดลง YoY แต่เพิ่มขึ้น QoQ จากหนังไทย

MAJOR ประกาศกำไรสุทธิ 4Q24 อยู่ที่ 321 ล้านบาท (-4% YoY, +539% QoQ) โดยในไตรมาสนี้มีรายการพิเศษบันทึกกำไรจากการถือหุ้น MJLF 33.33% ที่รับรู้การประเมินร้านค้าที่ครบกำหนดและจากการต่อสัญญาและประเมินร้านค้าที่รัชโยธิน แคราย และสุขุมวิท โดยหากไม่รวมรายการดังกล่าว บริษัทจะมีกำไรหลักอยู่ที่ 157 ล้านบาท (-46% YoY, +160% QoQ) ต่ำกว่าที่เราและตลาดคาด สำหรับรายได้ตั๋วหนังลดลง เทียบกับปีที่ผ่านมา โดยใน 4Q24 หนังที่ทำเงินสูงสุดได้แก่ “ธี่หยด 2” รับรู้รายได้ 550 ล้านบาท ตามด้วย “วัยหนุ่ม” 81 ล้านบาท, “Venom the last dance” 58 ล้านบาท, “Moana 2” ที่ 51 ล้านบาท ลดลงเทียบกับปีที่ผ่านมา ได้แก่ “สัปเหร่อ”, “ธี่หยด”, “4 Kings 2”, “Aquaman” ส่งผลให้รายได้ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มลดลงตาม บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผล 0.2 บาท/หุ้น (XD 7 พ.ค.25)

กำไรสุทธิปี 2024 อยู่ที่ 744 ล้านบาท (-29% YoY) โดยหากไม่รวมรายการพิเศษกำไรจากธุรกิจหลักปี 2024F จะอยู่ที่ 672 ล้านบาท (+3%YoY) จากอัตราทำกำไรที่เพิ่มขึ้นจากสัดส่วนหนังไทยที่เพิ่มขึ้นมีส่วนแบ่งรายได้ที่ดีกว่า และการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีขึ้น สำหรับรายการพิเศษปี 2023 เป็นกำไรจากการขายหุ้น MPIC และรายการพิเศษอื่นๆจากการประเมินทรัพย์สินในปี 2024F โดยหนังที่ทำเงินได้แก่ “ธี่หยด 2” 550 ล้านบาท, “หลานม่า” 227 ล้านบาท, “Deadpool” 178 ล้านบาท, “GodzillaxK” 157 ล้านบาท และ “พี่นาก 4” 131 ล้านบาท โดยจำนวนโรงหนัง ณ 3Q24 ทั้งหมดอยู่ที่ 860 โรง เพิ่มขึ้น 9 โรง แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 367โรง, ต่างจังหวัด 447 โรง และต่างประเทศ 46 โรง ได้แก่ กัมพูชา 33 โรง และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว 13 โรง

คงประมาณการเดิม คาดปีนี้หนังไทยและหนังฮอลลีวู้ดหลายเรื่องพร้อมเข้าฉาย

เราคาดกำไร 1Q25F จะอ่อนตัวลง QoQ จากช่วง low season โดยใน 1Q25F อาจจะต้องลุ้นการตอบรับของหนังฟอร์มใหญ่ ได้แก่ Captain America, สโนไวท์ และหนังไทยได้แก่ พะนอ, หมู่บ้านโคกะโหลก เป็นต้น เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2025-26F อยู่ที่ 789 ล้านบาท (+6.5%YoY) และ 879 ล้านบาท (+10.9%YoY) ตามลำดับ คาดรายได้ตัวหนังเติบโต 3%YoY จากคาดจำนวนโรงภาพยนตร์เพิ่มขึ้นปีละ 20 โรง และจำนวนผู้ชมเฉลี่ยอยู่ที่ 30.5 ล้านคน (+3%YoY) และปีถัดไปเพิ่มขึ้นปีละ 3% โดยราคาตั๋วเฉลี่ยลดลงจากคาดเดิม -5% มาอยู่ที่เฉลี่ย 163 บาท และปีถัดไปทรงตัว คาดสัดส่วนรายได้มาจากกรุงเทพฯและต่างจังหวัด 42:58 จากการขยายโรงหนังต่างจังหวัดมากขึ้นและเน้นภาพยนตร์ไทยมากขึ้น

บริษัทวางแผนหนังไทยปีนี้ 80 เรื่อง เป็นหนังที่บริษัทร่วมกับพาร์เนอร์ประมาณ 20 เรื่อง ร่วมกับ BEC ผลิตหนังไทย 2-3 เรื่อง และ WORK อย่างน้อย 3-4 เรื่อง ร่วมกับ MONO ได้แก่ “นาคี 3” ร่วมกับ PLANB 3 เรื่อง และรายอื่นๆอีก รวมถึงมีหนัง Holly Wood ที่เข้าอีกหลายเรื่อง เช่น Captain America, Snowhite, Thunderbolts, Mission Impossible, Lilo Stitch, Dragon, Superman, Fantastic, Tron, Avata เป็นต้น สำหรับรายได้อาหารและเครื่องดื่มทานเล่นและรายได้ค่าโฆษณาคาดเพิ่มขึ้นตามรายได้ตั๋วหนัง คาด Operating margin 15.1% เพิ่มขึ้นจากปี 2024F คาด 13.1% ตามรายได้ที่คาดเพิ่มขึ้นและหนังไทยที่มีอัตรามาร์จิ้นมากกว่า และคาด Operating margin เพิ่มขึ้นจากสัดส่วนหนังไทยที่มีสัดส่วนแบ่งรายได้ดีกว่าหนัง Hollywood และอัตรามาร์จิ้นของอาหารและเครื่องดื่มที่มากกว่าเพิ่มขึ้น

เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 17 บาท (อ้างอิงวิธี DCF, WACC 7.5%) ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ PER25F ที่ 13.8X ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของ MAJOR ในอดีตที่ 17X สถานะการเงินแข็งแกร่งเป็น net cash คาด Dividend Yield’25 ที่ 2.9% ความเสี่ยง : ภาพรวมเศรษฐกิจซบเซา

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ปลุกหุ้นใหญ่ By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ตลาดหุ้นไทย สูตรเดิม มักใช้ได้เสมอ ใช้หุ้นDELTA นำ ตามด้วย .....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้