"Rate Cut Play"
KSS Daily Strategy: คาด SET วันนี้ "แกว่งในกรอบ" ต้าน 1252/1255 จุด รับ 1236/1225 จุด ประเด็นกำหนดทิศทางตลาด 1.) เศรษฐกิจสหรัฐฯ ภาคบริการมีสัญญาณอ่อนลง Flash PMI บริการ ก.พ. 25 ต่ำคาด ลดลงเหลือ 49.7 จุด หดตัว (<50จุด) ครั้งแรกในรอบ 25เดือน ขณะที่ดัชนีชี้นำความเชื่อมั่นผู้บริโภค (U of Michigan) ต่ำกว่าคาดอยู่ที่ 64.7 จุด ต่ำสุดตั้งแต่ พ.ย. 23 เราให้น้ำหนักความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯเพิ่มขึ้น อิงภาคบริการที่มีสัดส่วน 80% ของ GDP และอาจเป็นจุดเปลี่ยนตลาดสลับมาตลาดหุ้น Laggard อาทิ จีน ฮ่องกงที่หุ้นเทคฯ เด่นขึ้น 2.) ราคาน้ำมัน -2.8% เป็นจิตวิทยาลบ SET 3.) ภายในกำไรตลาดรายงานล่าสุดยังไม่เด่น 222 บริษัท ยังต่ำกว่าคาด -9.2% ลดลงเล็กน้อยวันทำการก่อนหน้า -9.9% 4.) สัปดาห์นี้ติดตามการประชุม กนง. เราให้น้ำหนัก 70% กนง. มีโอกาสลดดอกเบี้ย หรือหากคงประเมินจะส่งสัญญาณ Dovish ประเมิน SET วันนี้ประคองแกว่งตัวได้ หุ้นเด่น คือ หุ้นกลุ่ม Anti-Commodities หุ้นดอกเบี้ยขาลงหนุน (โรงไฟฟ้า เช่าซื้อ High Yield หนี้สูง) และ 7 หุ้น Deep Value ที่ KSS แนะนำลงทุนระยะกลาง-ยาว และ หุ้นได้จิตวิทยาบวกจีนรายงานพบเชื้อไวรัสโคโรนาใหม่ วันนี้แนะนำ AMATA, MTC, CPALL
Daily outlook: "แกว่งในกรอบ" ต้าน 1252/1255 จุด รับ 1236/1225 จุด
What happened around the world?
(-)US Stocks : ตลาดหุ้นสหรัฐปรับลงแรงจากประเด็นความกังวลภาวะเศรษฐกิจสหรัฐชะลอ หลังจาก PMI ภาคบริการต่ำสุดในรอบ 2 ปี และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ม.มิชิแกน ออกมาต่ำคาด ดัชนี Dow jones -1.79%d-d ดัชนี Nasdaq -2.2%d-d, S&P500 -1.7% โดยดัชนี S&P 500 Sector ที่ปรับขึ้นมีเพียงกลุ่ม Consumer staples ส่วนกลุ่มอื่นปรับลงในทางเดียวกัน และกลุ่มที่ Underperform คือ , Consumer discretionary, IT, Industrials, Energy, Materials ฯลฯ หุ้นที่เคลื่อนไหวเด่นคือ UnitedHealth - 7.17% รับรายงานว่ากระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ กำลังสอบสวนเรื่องการเรียกเก็บเงินของบริษัทในโครงการ Medicare, Tesla -4.68%บริษัทประกาศเรียกคืนรถยนต์ NVIDIA -4.05% แต่ Alibaba ADR +5.7% ขึ้นต่อเนื่องจากวันก่อนรับประกอบการออกมาดี มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อ DR อาทิ BABA80 ฯลฯ
(*) US Econ : ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาชะลอผสานกับมุมมองเงินเฟ้อระยะยาวพุ่งสูงสุดตั้งแต่ปี 1995 สร้างความกังวลว่า Fed อาจยังไม่เร่งลดอัตราดอกเบี้ยเร็วๆ นี้ 1.) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้น ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 51.6 จุด (ระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน) แต่สวนทางกับดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้น ในเดือนเดียวกันปรับตัวลงสู่ระดับ 49.7 จุด(ระดับต่ำสุดในรอบ 25 เดือน) ซึ่งภาคบริการสหรัฐมีสัดส่วนสูงราว 80% GDP มากกว่าฝั่งภาคผลิตที่มีสัดส่วนเพียงราว 11% ของ GDP 2.) ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯ โดย ม มิชิแกน เดือน กพ ร่วงลงสู่ระดับ 64.7 ในเดือนก.พ. ต่ำกว่าตลาดคาด 67.8 จุด prev.ที่ 71.1 ในเดือน ม.ค. และคาดการณ์เงินเฟ้อในช่วง 1 ปีข้างหน้าเร่งขึ้นมาที่ 4.3% ตามคาด prev. +3.3% และคาดการณ์เงินเฟ้อในช่วง 5 ปีข้างหน้าอยู่ที่ 3.5% prev. +3.2% 3.)ยอดขายบ้านมือ2 ของสหรัฐฯ เดือนม.ค. พลิกปรับลดครั้งแรกตั้งแต่เดือน ก.ย.24 -4.9%m-m อยู่ที่ 4.08 ล้านหลัง สะท้อนภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยังอ่อนไหวต่อดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง
(*/+) India PMI : PMI รวมภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นต้น อินเดียของ S&P Global เดือนก.พ. ปรับตัวขึ้นแตะ 60.6 จุด สูงสุดในรอบ 6 เดือน จากระดับ 57.7 จุด เป็นระดับ บวกต่อหุ้นที่มีธุรกิจเชื่อมโยงกับอินเดีย อาทิ กลุ่มโรงฟ้า : มอง GPSCเป็นผู้มีโอกาสได้ประโยชน์โดยตรงจากมีฐานธุรกิจไฟฟ้าในอินเดีย (Avaada) กลุ่มท่องเที่ยวและบริการ อาทิ สายการบิน, สนามบิน, โรงแรม อาทิ AOT, AAV, SPA, MINT ฯลฯ จะได้ประโยชน์ โดยนักท่องเที่ยวอินเดียมีศักยภาพและคิดราวอันดับ 4 ของนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ กลุ่มส่งออกอาหาร อาทิ CPF, TU สัดส่วนรายได้จากอินเดียราว 5% ของรายได้รวม
(*) Virus :22 ก.พ. Reuters เผยคณะนักวิจัยจีนรายงานพบเชื้อไวรัสโคโรนาใหม่ ในค้างคาวที่สามารถใช้โปรตีนที่ผิวเซลล์ ในการเข้าสู่เซลล์มนุษย์ได้ในแบบเดียวกับเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ที่ก่อให้เกิดโรค COVID -19 ซึ่งทำให้มีความเป็นไปได้มากขึ้นว่า ไวรัสนี้อาจแพร่กระจายสู่มนุษย์ อย่างไรก็ตามในรายงานเผย การเข้าสู่เซลล์มนุษย์ไม่ได้ง่ายเท่ากับไวรัส SARS-CoV-2 เนื่องจากมีข้อจำกัด KSS ประเมินยังต้องติดตาม หากยังไม่มี Lockdown คาดยังไม่กระทบต่อตลาดหุ้นรุนแรง เบื้องต้น มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นที่ได้ประโยชน์ อาทิ กลุ่มถุงมือยาง และยาง อาทิ STGT, STA (แนะนำ Trading) กลุ่มขายอาหารเสริมวิตามิน อาทิ MEGA รวมถึง ร.พ. อาทิ BDMS BCH
(*) To monitor ฝั่งสหรัฐ 25 ก.พ. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค Conf. Board ก.พ. คาด 103.5 จุด vs prev. 104.1 จุด, 28 ก.พ. เงินเฟ้อ PCE ม.ค. 25 ตลาดคาด +2.5%y-y, +0.4%m-m prev. +2.6%y-y, +0.3%m-m Core PCE คาด +2.7%y-y, +0.4%m-m prev.+0.2%m-m, +2.8%y-y ติดตามรายได้และรายจ่ายครัวเรือน ม.ค. คาด +0.3%m-m และ +0.3%m-m vs prev. +0.4%m-m และ +0.7%m-m 26 ก.พ. ยอดขายบ้านใหม่ ม.ค. คาด 6.8 แสนหลัง ฝั่งยุโรป 24 ก.พ. เงินเฟ้อ CPI ม.ค. 25 ครั้งสุดท้าย คาด +0.4%m-m, +2.5%y-y vs prev. +0.4%m-m, +2.4%y-y เงินเฟ้อพื้นฐาน คาด +2.7%y-y เท่า prev.
(*) US Bond Yields & Dollar : Bond yield สหรัฐ อายุ 2 ปีปรับลงแรง -9 bps ที่ 4.19% และอายุ 10 ปี ปรับลง -7 bps อยู่ที่ 4.43% (หากอิงสถิติ US Bond yields 10 ปี และ Thai Bond yield 10 ปี มีค่าสหสัมพันธ์สูงราว 0.6 หรือไปทางเดียวกัน) ระยะสั้นมองเป็นจิตวิทยบวกต่อหุ้น กลุ่มการเงิน MTC กลุ่มโรงไฟฟ้า GPSC กลุ้มหนี้สูง MINT ,CPAXT ส่วน Dollar Index rebound ในทิศทางอ่อนค่าที่ 106.5 จุด
(-)Oil : ราคาน้ำมันดิบชะลอการขึ้น อิง น้ำมันดิบ Brent -2.68%d-d ปิดที่ USD 74.43/barrel น้ำมันดิบ West Texas -2.87%d-d ปิดที่ USD 70.4/barrelแรงกดดันมาจาก 1.)Baker Hughes บริษัทบริการด้านพลังงานของสหรัฐฯ รายงานในวันศุกร์ว่าจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน และแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. โดยจำนวนแท่นขุดเจาะเพิ่มขึ้น 4 แท่น รวมเป็น 592 แท่น 2.)ความเสี่ยง Demand : นักวิจัยจากสถาบันไวรัสวิทยาอู่ฮั่น (Wuhan Institute of Virology) ในจีนค้นพบเชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ในค้างคาว โดยรวมเป็นจิตวิทยาลบต่อ PTT, PTTEP แต่ในทางตรงข้ามบวกต่อหุ้นที่มีต้นทุนน้ำมัน พลังงาน อาทิ กลุ่มสายการบิน AAV, BA กลุ่มวัสดุก่อสร้าง กลุ่มโรงไฟฟ้า GPSC, GULF
What happened in Thailand?
(*) SET Index : SET Index ปิดตลาด +0.6 จุด + 0.05% ปิดที่ระดับ 1,246.2 จุด มูลค่าการซื้อขายที่ 4.84 หมื่นล้านบาท ดัชนีปรับขึ้นสอดคล้องกับทุกตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ปรับขึ้นในทางเดียวกัน โดยเฉพาะตลาดหุ้นฮ่องกงปรับขึ้นแรง กลุ่มที่หนุนดัชนีคือ กลุ่มพลังงาน (GULF) ฟื้นตัวหลังปรับฐานแรงวานนี้สู่ระดับราคาฐานก่อนตลาดให้น้ำหนักประเด็นควบรวม INTUCH โดยวันนี้มีจิตวิทยาเงินบาทแข็งค่า ผสาน ราคาก๊าซเริ่มนิ่งช่วยอีกด้าน กลุ่ม ICT (ADVANC, INTUCH) INTUCH ฟื้นตัวสอดคล้องกับ GULF ที่กำลังเดินหน้าไปสู่กระบวนการควบรวมกัน ADVANC คาดเป็นเป้าหมายนักลงทุนที่เน้นเงินปันผลที่โยกเงินออกจาก INTUCH Sector กลุ่มที่ปรับลงกดดัชนีคือ กลุ่มธนาคาร (BBL, KBANK, SCB) ประเมินตลาดระวังก่อนประชุม กนง. สัปดาห์หน้า คาดมีโอกาสลดดอกเบี้ยนโยบาย กลุ่มปิโตรเคมี (IVL, PTTGC) PTTGC ยังฟื้นตัวช้า ทำให้นักลงทุนขายลดความเสี่ยงก่อน IVL รายงานกำไร
(*) Flows: เงินทุนต่างชาติวันทำการล่าสุด เงินไหลออก ขายหุ้น -20.5 ล้านเหรียญฯ ขายพันธบัตร -98.2 ล้านเหรียญฯ TFEX Net Long +20,015 สัญญา เงินบาทแข็งค่าทรงๆที่ 33.5+/- บาท
(*) FTSE Rebalance: FTSE GEIS Semi-Annual Review Update มีผลราคาปิดวันที่ 21 มี.ค.
หุ้นไทย เข้า/ออก ดังนี้
Standard index (Large-Mid cap)
เข้า : -
ออก : EA, IRPC
Small cap
เข้า : CCET, EA, IRPC, SKY, WHART
ออก : BYD, LPN
Micro cap
เข้า : ADVICE, BYD, KBS, LHSC, LPN, MONO, PCE, SPA, SISB, VIBHA
ออก : FTREIT, JR, LALIN, NTV, NRF, KISS, SMIT, SENA, SGP, SKY, SVOA, TAN, TMT, TTCL, UNIQ, WHART
(*/-) SET Earnings: อิงการรวบรวมข้อมูลจาก Bloomberg ล่าสุด บจ. รายงานกำไร 4Q24 แล้ว 222 บริษัท (vs วันทำการก่อนหน้า 179 บริษัท) กำไรต่ำกว่าคาด -9.2% (vs วันทำการก่อนหน้า ต่ำกว่าคาด -9.9%) ในส่วนที่มีการคาดการณ์กำไร 70 บริษัท (vs วันทำการก่อนหน้า 60 บริษัท)แบ่งเป็นกลุ่มที่ดีกว่าคาด 29 บริษัท (vs วันทำการก่อนหน้า 26 บริษัท) ต่ำกว่าคาด 33 บริษัท (vs วันทำการก่อนหน้า 27 บริษัท) ตามคาด 8 บริษัท (vs วันทำการก่อนหน้า 7 บริษัท)ส่วนกำไรภาพรวมยังเติบโตสูง +45%y-y (vs วันทำการก่อนหน้า +26%y-y)
โดยรวม หลังรายงานกำไรล่าสุด กำไรตลาดล่าสุด BB Consensus ประเมินกำไรปี 2024-25 อยู่ที่ 84.3 และ 95.2 (vs วันทำการก่อนหน้า 84.6 บาท และ 95.6 บาท)
(*/+) Gambling: กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอที่ประชุมครม. 25 ก.พ. แก้ไขร่าง พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การพนัน (ฉบับที่ ...) พ.ศ.... โดยมีมีสาระสำคัญคือ การเพิ่มโทษให้รุนแรงขึ้น, การปรับนิยามการพนันให้สอดคล้องกับรูปแบบพนันในปัจจุบัน, การเพิ่มอำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่, การเพิ่มบทสันนิษฐานความผิด อิงเม็ดเงินมหาศาลในระบบพนันผิดกฎหมายปัจจุบันกว่าปีละ 5.0 แสนล้านบาท เราประเมินเป็นบวก 1.) มีโอกาสที่จะเห็นประชาชนสูญเสียเงินไปกับการพนันผิดกฎหมายลดลง หนุนการนำเงินมาใช้ในระบบเศรษฐกิจปกติเพิ่มขึ้น บวกต่อหุ้นอิง Domestic อาทิ ค้าปลีก CPALL, CPAXT เช่าซื้อ MTC, JMT, THANI และ 2.) หากการพัฒนาระบบพนันถูกกฎหมายเกิดขึ้นในอนาคต และมีแนวทางกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพ คาดช่วยเพิ่มภาษีเข้าประเทศอีกด้าน
(*/+) Summer: กรมอุตุนิยมวิทยาเผยว่าในปีนี้ จะเริ่มเข้าสู่ฤดูร้อนในไทยสัปดาห์ที่ 4 ของเดือน ก.พ. 25 - กลางเดือน พ.ค. 25 ภายใต้คาดการณ์กรมอุตุนิยมวิทยาปี 2025F คาดอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยบริเวณประเทศไทยตอนบน 35 – 36 องศาเซลเซียส แม้จะต่ำกว่าฤดูร้อนปี 2024 อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 37.5 องศาเซลเซียส แต่ยังใกล้เคียงค่าเฉลี่ยฤดูร้อนปกติที่ 35.4 องศาเซลเซียส แต่จุดที่น่าสนใจคือ ราคาหุ้นหลายตัวมี Deep Discounts จากภาวะตลาดที่ผันผวน สร้างโอกาสระยะยาวด้วยอีกทางหนึ่ง ทีมกลยุทธ์คาด KSS อากาศที่ร้อนสูงขึ้น จะหนุน
1.) การบริโภคเครื่องดื่มที่มีความคึกคักขึ้น
2.) ประชาชนจะมีความต้องการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า ทั้งพัดลม, แอร์ เพื่อบรรเทาผลกระทบอากาศร้อน
3.) การทำงานก่อสร้างจะเร่งส่งมอบได้มากกว่าช่วงหน้าฝน
4.) การท่องเที่ยวทะเลที่เป็นจุดเด่นของไทยมักคึกคัก
ภาพรวมดังกล่าวที่มักเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี มักหนุนกระแสหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์อาทิ กลุ่ม มีภาพถูกเก็งกำไรในช่วงฤดูร้อน อาทิ กลุ่มเครื่องดื่ม กลุ่มค้าปลีกที่เน้นขายเครื่องใช้ไฟฟ้าบรรเทาอากาศร้อน กลุ่มรับเหมา และกลุ่มโรงแรม อิงผลการศึกษาผลตอบแทนย้อนหลัง 9 ปี (ไม่รวมปีที่เผชิญ Covid ในปี 2020 ที่ผลตอบแทนรายกลุ่มกระทบความเสี่ยงตลาด) ช่วงเวลาที่ดีสุดในการลงทุน คือ การลงทุนในช่วงเข้าสู่ฤดูร้อน และขายทำกำไรหลังจากนั้น 1 เดือน โดยช่วงปัจจุบัน คือ ควรเริ่มสะสมหุ้นช่วงสัปดาห์สุดท้ายของ ก.พ. 25 และขายทำกำไรช่วงปลาย มี.ค. 25 - ต้น เม.ย. 25 โดยกลุ่มโรงแรม (ความน่าจะเป็นที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวก 87.5% ผลตอบแทนเฉลี่ย 3.7%) ตามด้วยกลุ่มรับเหมา (62.5%, 1.6%) กลุ่มค้าปลีก (50%, 1.2%) สูงกว่า SET (50%, 1.1%) ขณะที่ภาพรายบริษัท คือ CRC(100%, 5.3%) ICHI (87.5%, 3.7%) SAPPE (75%, 7.2%) CENTEL (75%, 4.4%) MINT (62.5%, 3.3%) GLOBAL (62.5%, 2.3%) HMPRO (50%, 4.9%) DOHOME (50%, 2.3%)
กลยุทธ์ Summer Plays ปี 2025F KSS แนะนำลงทุนเน้นไปที่กลุ่มที่มีหุ้นอยู่ในโซนฐาน Valuation ไม่แพง ได้แก่ CRC(TP Con-40.6) ICHI (TP25F-17) SAPPE (TP25F-70) CENTEL (TP25F-40) MINT(TP25F-38) HMPRO (TP25F-13.5) และหุ้น Turn around ที่คาดได้ประโยชน์จากหน้าร้อน คือ หุ้นเครื่องดื่ม คือ MALEE(TP25F – 17.7)
(*) To monitor: สัปดาห์นี้ปัจจัยภายในติดตาม
1.) รายงานกำไร Real Sector หุ้นหลักๆ (* = หุ้นที่คาดรายงานกำไรออกมาดี)
24 ก.พ. : ERW*, MOSHI*, AAV*
25 ก.พ.: CENTEL*, PTG*, SPALI, CPALL*
26 ก.พ. : AWC, BDMS, SAWAD, , LH, CPF, OSP
27 ก.พ. : BH, IVL, PLANB*, BA*, AP, BGRIM
28 ก.พ. : BCH, CHG
2.) 26 ก.พ. ประชุม กนง. ตลาดคาดคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.25% เท่า prev. อย่างไรก็ดี KSS ประเมินจาก GDP งวด 4Q24 ที่ออกมาต่ำกว่าคาด ผสาน ยอดเติบโตสินเชื่อ ธ.ค. 24 เริ่มชะลอ เราประเมินมีโอกาสที่ BOT จะลดดอกเบี้ยในการประชุมรอบนี้
3.) 25 ก.พ. รายงานส่งออก - นำเข้า ม.ค. 25 ตลาดคาด +7.7%y-y, +2.9%y-y vs prev. +8.7%y-y, +14.9%y-y
4.) 28 ก.พ. MSCI Rebalance มีผลราคาปิด คาด MSCI Thailand ถูกลดน้ำหนักจาก 1.3% เหลือ 1.28% คิดเป็น Net Outflows ราวๆ -100ล้านเหรียญฯ
ดัชนี MSCI Global Standard Index หุ้นไทยเข้า/ออก ได้แก่
หุ้นเข้า : ไม่มี
หุ้นออก : PTTGC(-60ล้านเหรียญฯ), TOP(-50ล้านเหรียญฯ)
ส่วน MSCI Global Small cap Index หุ้นไทยเข้า/ออก ได้แก่
หุ้นเข้า 4 หุ้น : GPSC, PTTGC, SCGP, TOP
หุ้นออก 11 หุ้น : BSRC, TIPH, DCC, ERW, GFPT, KAMART, PSH, PSG, SAPPE, STECON, THG
Daily Strategy : AMATA, CPALL, MTC
ระยะสั้น วันนี้มองตลาดหุ้นไทยวันนี้ "แกว่งในกรอบ" ประเมินปัจจัยภายในยังไม่เอื้อต่อการปรับตัวขึ้นของ SET อาทิ ราคาน้ำมันวันศุกร์ปรับลงเฉลี่ย -2.8%, กำไรตลาดที่รายงานแล้วราว 1 ใน 3 ของทั้งหมดยังต่ำกว่าคาดที่ -9.2% อย่างไรก็ดี SET อยู่ในกลุ่มตลาดหุ้นที่ Underperform ของโลกมาแล้ว และมีความคาดหวังเชิงบวกเรื่องการพิจารณาดอกเบี้ยนโยบาย กนง. สัปดาห์นี้ที่รออยู่ ผสาน สัญญาณเศรษฐกิจสหรัฐฯเริ่มอ่อนลงฝั่งภาคบริการ คาดมีโอกาสเห็นเม็ดเงินเริ่มสลับมายังเอเชียช่วยประคอง วันนี้มองหุ้นเด่น หุ้นกลุ่ม Anti-Commodities หุ้นดอกเบี้ยขาลงหนุน (โรงไฟฟ้า เช่าซื้อ High Yield หนี้สูง) และ 7 หุ้น Deep Value ที่ KSS แนะนำลงทุนระยะกลาง-ยาว และ หุ้นได้จิตวิทยาบวกจีนรายงานพบเชื้อไวรัสโคโรนาใหม่
หุ้นในธีมประเทศไทยกำลังเดินหน้าสู่การเป็นหนึ่งในศูนย์กลาง Infrastructure Technology ของภูมิภาค (WHA, GULF, GPSC, STPI, DELTA ADVANC, TRUE, INSET, BE8, BBIK)
หุ้นในธีม Trump 2.0 (AMATA, WHA, PTT, PTTEP, CPF, SCB, KBANK, KTB, BJC, HMPRO, ADVANC, GPSC)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มไวขึ้นของรัฐบาลใหม่ ผสาน ท่องเที่ยว การผลักดัน Entertainment Complex คาดเป็นนโยบายหลัก หนุน บริโภค ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. (BTS, VGI, BJC, ERW, BA, MBK)
กลุ่มได้ประโยชน์จีนกระตุ้นเศรษฐกิจ (IVL, AOT, AU, PTTGC, SCC, CPALL, BJC)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงต่อในปี 2025 (BA, AAV, GULF, MTC, AEONTS, TRUE, CPALL, BJC)
กลุ่ม Value ที่คาดมีโอกาสซื้อหุ้นคืน (PTT , SCB , KBANK , KTB , BBL , BCP)
7 หุ้นที่อยู่ในโซนลงทุนกลาง-ยาว (CPALL, BDMS, MINT, BH, GPSC, SCGP, HMPRO)
• FEB25 Best Picks: ADVANC, AMATA, BA, BTS, ERW, KBANK, TTB
• 2025F Stock Picks : ADVANC, AWC, BJC, BTS, CPALL, HMPRO, IVL, KBANK, KTB, TRUE Mid-Small Cap Play : INSET, JMT, MALEE, MOSHI