Market Wrap-Up
- SET วันที่ 21 ก.พ.68 ปิด +0.60 จุด อยู่ที่ 1,246.21 จุด มูลค่าการซื้อขาย 48,456 ลบ. รายย่อยซื้อ 1,312 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 129 ลบ. สถาบันขาย 493 ลบ. และต่างชาติขาย 689 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 803 ลบ. โดยมียอดซื้อในหุ้น KTB,CPALL,PTTGC,MINT,ADVANC และยอดขายหุ้น BBL,TRUE,DELTA,BH,AOT มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,112 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ BEC,QH,BEM โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 20,015 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 1,426 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 3,299 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -1.69%, S&P500 -1.71%, Nasdaq -2.2% โดยกลุ่มเทคโนโลยี, สินค้าฟุ่มเฟือย, ขนส่ง, หุ้นขนาดเล็ก, อสังหาฯ ปรับลดลง หลัง US PMI รวมภาคผลิต & บริการ เบื้องต้น ก.พ. ลดลงต่ำสุดในรอบ 17 เดือน และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ ก.พ. ลดลง ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx +0.52% โดยกลุ่มธนาคาร +1% หลัง ธ.สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด +3.7% ประกาศซื้อคืนหุ้นมูลค่า $1.5 พัน ล. และกลุ่มอาหาร & เครื่องดื่ม +2.2%
Market View
- DJIA -2.51%, S&P500 -1.66%, Nasdaq -2.51% WoW โดยกลุ่มเทคโนโลยี, สินค้าฟุ่มเฟือย และกลุ่มวัฏจักรเศรษฐกิจ หลังข้อมูล US PMI รวมภาคผลิต & บริการ ก.พ. ลดลงต่ำสุดในรอบ 17 เดือน อยู่ที่ 4 & ม.ค. 52.7 สาเหตุมาจาก PMI ภาคบริการ ก.พ. ลดลงอยู่ที่ 49.7 ต่ำสุดในรอบ 25 ปี ส่วน ม.มิชิแกนเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ ก.พ. ลดลงอยู่ที่ 64.7 & คาด 67.8 และผลสำรวจเงินเฟ้อสหรัฐ 1 ปีข้างหน้าปรับขึ้นอยู่ที่ 4.3% & ม.ค. อยู่ที่ 3.3% บ่งชี้เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัว และเงินเฟ้อสหรัฐยังอยู่ระดับสูง สัปดาห์นี้วันพุธติดตาม US GDP Q4/67 และวันศุกร์ US PCE ม.ค. 2.5% & ธ.ค. 2.6% YoY
- Stoxx 600 +0.2% WoW ปรับขึ้นสูงสุดในรอบเกือบ 1 ปี นำโดยกลุ่มธนาคาร, บริการสุขภาพ และสื่อสาร หลัง LSEG เผย 170 บจ.ใน Stoxx600 จำนวน 4% รายงานกำไร Q4/67 ดีกว่าคาด ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ 54% แต่ตลาดหุ้นยุโรปถูกกดดันจาก ม.ปรับขึ้นภาษีศุลกากรของสหรัฐ, การเจรจายุติสงครามรัสเซีย - ยูเครน อาจส่งผลให้ยุโรปต้องเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหม และผลการเลือกตั้งเยอรมัน โดยผล Exit Poll ชี้พรรคสหภาพประชาธิปไตยคริสเตียน (CDU) และพรรคสหภาพสังคมคริสเตียน (CSU) ซึ่งเป็นพรรคอนุรักษ์นิยมจะชนะการเลือกตั้งสภาผู้แทน ฯ ด้วยคะแนนเสียง 28.5% เหนือพรรคทางเลือกเพื่อเยอรมัน (AFD) คาดจะได้เสียง 20.6%
- MSCI Asia Pacific X Japan +2.45% WoW นำโดยดัชนีฮั่งเส็ง +3.79% ,ดัชนีเซี่ยงไฮ้ +0.97% WoW ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี AI นำโดย Alibaba +15.2% WoW หลังรายงานกำไรออกมาดีกว่าคาด ได้แรงหนุนจากรายได้คลาวด์ AI และอีคอมเมิรซ์ที่ดีกว่าคาด กอปร Alibaba ได้ร่วมกับ Apple ในการพัฒนาระบบ AI เพื่อรองรับการใช้งาน Iphone ในจีน ขณะที่ดัชนีนิเกอิ -0.93% WoW หลังสหรัฐเตรียมปรับขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ ซึ่งเป็นผลต่อกลุ่มส่งออกรถยนต์ของญี่ปุ่น และข้อมูล CPI ญี่ปุ่น ม.ค.ปรับขึ้นอยู่ที่ 0% & ธ.ค. 3.6% YoY สูงสุดในรอบ 2 ปี ส่งผลให้ตลาดคาด BOJ ยังจำเป็นต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อ
- SET -2.04% WoW ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย/วัน 21 หมื่น ลบ. +12.6 WoW รายย่อยขาย 2,141 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 675 ลบ. สถาบันซื้อ 683 ลบ. และต่างชาติซื้อ 2,178 ลบ. WoW กลุ่มที่ปรับลดลง คือ อิเล็ก ฯ -30.9% WoW หลัง DELTA รายงานกำไร Q4/67 ต่ำกว่าคาด สาเหตุมาจากรายการพิเศษและค่าใช้จ่าย R&D ที่สูงขึ้น กอปรกำลังจะถูกจำกัดด้วยเกณฑ์ Cap.Weight ไม่เกิน 10 % ใน SET50/100 ส่วนกลุ่ม ICT & โรงไฟฟ้าก็ถูกแรงขายทำกำไรของ GULF,INTUCH,ADVANC หลังสถาบัน & ต่างชาติขายปรับพอร์ต ก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนการตั้งบริษัท New Co. ที่จะอยู่ในหมวดพลังงาน ขณะที่กลุ่มที่ช่วยหนุนดัชนี คือ เกษตร, ประกัน, ท่องเที่ยว, ค้าปลีก แล รพ. ซึ่งเป็นกลุ่ม Domestic Play ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจไทย สภาพัฒน์รายงาน GDP ไทย Q4/67 +3.2% YoY ต่ำกว่าคาดที่ 3.7 – 4.0% ส่งผลให้ GDP ไทยปี 67 ขยายตัวที่ 2.5% ต่ำกว่าคาดที่ 2.6% YoY และปี 68 คาดจะขยายตัวราว 2.8% YoY คาดได้แรงหนุนจากการบริโภค & การลงทุนภาคเอกชน สัปดาห์นี้วันพุธติดตาม ผลการประชุม กนง.ว่าจะตัดสินใจลดดอกเบี้ยหรือไม่ และวันศุกร์ MSCI รีบาลานท์จะปรับ TOP, PTTGC ออกจาก Global Standard Index รวมถึงรายงานกำไร บจ.Q4/67 โดย 221 บริษัทที่ส่งงบแล้วมีกำไรต่ำกว่า BB.คาดที่ -9.1%
Daily Strategy
- ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,230 – 1,240 แนวต้าน 1,260 คาดดัชนีมีโอกาสปรับลดลงตามตลาดหุ้นสหรัฐ กอปรมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายปรับภาษีศุลกากรของสหรัฐ และรายงานกำไร บจ.Q4/67 ที่ยังต่ำกว่าคาด แนะนำทยอยซื้อกลุ่ม Domestic Play เช่น BJC,SNNP,ADVICE,TIDLOR และกลุ่มปันผลสูง SIRI,KKP
- MINT* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 38.00 บาท) บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 4Q67 ที่ 6 พันล้านบาท +2,338%QoQ, +269%YoY ขณะที่กำไรปกติเติบโตแข็งแกร่งอยู่ที่ 2.9 พันล้านบาท +9%QoQ, +15%YoY หนุนจากการเติบโตของธุรกิจโรงแรมทั้งในไทย และมัลดีฟส์ ประกอบกับดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงจากการชำระหนี้ ส่งผลให้งวดปี 67 บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 7.8 พันล้านบาท +43%YoY และกำไรปกติที่ 8.4 พันล้านบาท +18%YoY ส่วนแนวโน้มปี 68 ยังมีทิศทางบวกโดยตลาดคาดกำไรปกติราว 9.3 พันล้านบาท +11%YoY รายได้รวมที่จะโตได้ราว 6-8% จากการปรับ brand ขยายจำนวนห้องพักและปรับราคาห้องพักรายวันเฉลี่ย (ADR) รวมทั้งมีรายได้ค่าธรรมเนียมรับจ้างบริหารโรงแรมตามกลยุทธ์การขยายตัวแบบ asset light นอกจากนี้ยังได้รับประโยชน์จากดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง และ tax loss carry forward ระยะสั้นแนวโน้ม 1Q68 ยังขยายตัว YoY และเป็นบวกได้ (QoQ ลดลงเพราะ low season ในยุโรป) จากฤดูท่องเที่ยวของไทยและมัลดีฟส์ โดยเฉพาะในไทยเห็นสัญญาณบวกผลของ The White Lotus Series ที่ลิซ่าร่วมแสดงมีการถ่ายทำที่โรงแรมของ MINT จำนวน 4 แห่ง ที่สมุยและภูเก็ต ปัจจุบัน ADR ปรับขึ้นกว่า 40%
- BJC (ซื้อสะสม / ราคาเป้าหมาย25 บาท) กำไรสุทธิ 4Q67 อยู่ที่ 1,645 ลบ. (+0.4%YoY, +134% QoQ) บวก QoQ ดีตามฤดูกาล ขณะที่ YoY มีแรงหนุนเสริมจาก Fx gain 164 ลบ. แต่เป็นบวกไม่มากจากฐานสูงในปีก่อนที่ได้อานิสงค์จาก Tax Credit ภาพรวมกำไรบวกได้ดีจาก Big C มี SSSG +2.2% หนุนด้วยยอดขายอาหารสดและอาหารแห้ง พัฒนาการดีขึ้นจาก SSSG +0.02%ใน 3Q67 และ SSSGติดลบใน 2Q67 ส่วนช่วงถัดไป 1Q68 เราคาดว่ากำไรสุทธิมีโอกาสอ่อนตัว QoQ ตามฤดูกาล แต่ภาพ YoY จะสามารถเป็นบวกได้เด่นจากม.กำลังซื้อผู้บริโภคของภาครัฐฯและนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้าประเทศไทยสูงขึ้น นอกจากนี้ ในช่วง 1Q67 ฐานกำไรของ BJC ยังค่อนข้างต่ำจาก รายการพิเศษลบ(การปรับปรุงภาษีเงินได้ของรอบระยะเวลาก่อน)
Daily Key Factors
Oil Update(-) WTI เม.ย. -$2.08 อยู่ที่ $70.40 / บาร์เรล, Brent เม.ย. -$2.05 อยู่ที่ $74.49/บาร์เรล สัปดาห์ที่ผ่านมา WTI -0.5%, Brent -0.4% WoW หลังการหยุดยิงในฉนวนกาซา , ปธน.ทรัมป์ & ปูตินเจรจายุติสงครามในยูเครน แต่ยังต้องติดตามสถานการณ์การโจมตีด้วยโดรนต่อท่อส่งน้ำมันแคสเปียน
Gold Update(-) Comex Gold เม.ย.-$2.90 อยู่ที่ $2,953.20 /ออนซ์ สัญญาทองคำ +1.79% WoW เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย หลังมีความไม่แน่นอนต่อ ม.ปรับขึ้นภาษีศุลกากรของสหรัฐ แต่ราคาทองคำถูกแรงขายทำกำไรหลังปรับขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ 2 ครั้งในสัปดาห์นี้
Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP สัปดาห์ที่ผ่านมา ขายสุทธิ -71.14 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -20.55 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -43.28 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -7.31 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีทรงตัวอยู่ที่ 34.51 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 4.435 %
(+) ดัชนี BDI วานนี้ +40 จุด อยู่ที่ 981
(-) BitCoinเช้านี้ -0.30% อยู่ที่ 96,368 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
24 ก.พ. ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วน
ยานยนต์
26 ก.พ. สศช. รายงานภาวะสังคมไทยไตรมาส 4/67 และภาพรวม ปี 2567
ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 1/2568
28 ก.พ. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย
สัปดาห์ที4 กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ
สศอ. แถลงดัชนีอุตสาหกรรม
สศค.รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค,ดัชนี
ความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค
ต่างประเทศ
24 ก.พ. EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) (ม.ค.)
25 ก.พ. US รายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากซีบี (ก.พ.)
26 ก.พ. US ยอดขายบ้านใหม่ (ม.ค.)
27 ก.พ. US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
28 ก.พ. US ดัชนีราคาด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE Price Index) (ม.ค.)
01 มี.ค. CN ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีน (ก.พ.)
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่น 1H68 เน้น หุ้นในธุรกิจใหม่ที่เป็น Trend ในอนาคต อย่าง Data Center รวมถึงหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรปกติ 4Q67-1Q68 คาดออกมาดี และ หุ้นที่รับความผันผวนได้ดีจากความเสี่ยง Trade War/ธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มธนาคารที่มี Sentiment บวกจากธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย/มี Yield สูง BBL, KTB, KBANK, TISCO*, TTB*
(2) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CRC, NSL*, TNP*, OSP*
(3) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, SKR
(4) กลุ่มมีโอกาสเกี่ยวข้องกับการลงทุน Data Center/ธุรกิจ Trend อนาคต ADVANC,INTUCH*,TRUE,GULF*,WHA,AMATA
(5) กลุ่มสินค้า IT ที่ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี(เช่น AI function/ 4G to 5G) SYNEX*, ADVICE*, SIS*
(6) กลุ่มที่มี Sentiment บวกจาก Entertainment Complex BTS*, VGI*, MBK*, BA
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio January 2025: CPALL, SYNEX*, CRC, WHA, SHR*
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th