AT THE OPEN (#ATO)

SET Index แกว่งตามกรอบ
กลยุทธ์ Selective Buy หุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัว
Market Strategy
SET Index คาดแกว่งตามกรอบ 1235-1255 จุด สภาพแวดล้อมวันนี้ประเด็นต่างประเทศตลาดหุ้นสหรัฐฯพักตัวตามผลประกอบการของหุ้นรายตัวและรายงานเศรษฐกิจที่เริ่มอ่อน ด้านปัจจัยในประเทศเป็นติดตามเรื่องการรายงานงบ 4Q67 และมาตรการกระตุ้นตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ Top Pick วันนี้เลือก TIDLOR

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้แกว่งพักตัว -0.4% ถึง -1% จากการปัจจัยลบของ Walmart ที่ส่งสัญญาณการเติบโตกำไรชะลอลง และมีความไม่แน่นอนจากกำแพงภาษีสหรัฐฯ รวมถึงการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอหลังวานนี้ Initial Jobless Claim ที่เพิ่มขึ้น 2.19 แสนตำแหน่งมากกว่าตลาดคาด 2.15 แสนตำแหน่ง ส่วนวันนี้ติดตามรายงาน PMI ภาคการผลิตและบริการเดือน ก.พ. ซึ่ง Consensusคาดที่ 51.4/53 ดีกว่าเดือนก่อนที่ 51.2/52.9

ประเด็นในประเทศความสนใจอยู่ที่มาตการกระตุ้นตลาดหุ้นระยะสั้น หลัง FETCO เตรียมหารือคลังเพื่อเสนอ 1) สิทธิประโยชน์กองทุน LTF ทั้งการโยกกองเดิมหรือเพิ่มกองใหม่ 2) การเสนอปรับเงื่อนไข TESG เป็นเน้นลงทุนในหุ้น 50-60% 3) เสนอต่ออายุ SSF โดยเรามองประเด็นใหม่ที่เพิ่มเติม คือ การเสนอปรับเงื่อน TESG ให้ลงทุนในหุ้นไทย 50-60% ซึ่งหากเทียบกับสถานะกอง TESG ปัจจุบัน NAV 3.23 หมื่นล้านบาท พบว่าลงทุนในหุ้นไทย 39% ดังนั้นถ้ามีการบังคับใช้มีโอกาสเป็นบวกต่อเม็ดเงินใหม่ที่มีโอกาสเข้ามาเพิ่มเติมในตลาดมากขึ้น

นอกจากนี้ยังติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่คาดสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อขับเคลื่อน GDP 68 ให้ขยายตัวมากกว่า 3% โดยกระทรวงการคลังเตรียมเสนอ 5 แผนงาน 1) การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 68 2) ติดตามความคืบหน้า Digital Wallet เฟส 3 3) เร่งรัดบ้านเพื่อคนไทยให้เกิดการลงทุนในปีนี้ 4) กระตุ้นภาคการท่องเที่ยว 5) การเร่งลงทุนภาคเอกชน ระยะสั้นอาจเห็นแรงเก็งกำไรกับหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวข้อง เช่น กลุ่มรับเหมาฯ วัสดุก่อสร้าง CK TASCO กลุ่มนิคม AMATA WHA กลุ่มค้าปลีก CPALL CPAXT กลุ่มท่องเที่ยว BA CENTEL AW เป็นต้น

Market Summary
SET Index ปรับลง 17 จุด แรงกดดันหลักมาจากกลุ่ม GULF ที่การปรับลงรวมกันมีผลต่อดัชนีกว่า 10 จุด นำโดย GULF -9.3% INTUCH -10.3% จากแรงขายหลังผ่าน XD และ ADVANC ที่ปรับลงตาม -4% กลุ่มบรรจุภัณฑ์ SCGP -3.8% กลุ่มอสังหาฯ AP -5.8% SIRI -2.4% ถูกแรงขายกำไรหลังปรับขึ้นแรงบนความคาดหวังต่อการคลาย LTV กลุ่มที่ Outperform คือ กลุ่มธนาคารจากการจ่ายปันผลดีกว่าคาดทั้ง SCB +0.4% KKP +3.74% กลุ่มประกัน TLI +6% BLA +7.5% จาก Fed ส่งสัญญาณไม่เร่งลดดอกเบี้ยฯ

DAILY Stock Pick

TIDLOR
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 22.00 บาท
แรงหนุนระยะสั้นมาจากแรงเก็งกำไรประเด็น Index Play เนื่องจากมีโอกาสสูงสุดที่จะกลับเข้าสู่ SET50 ในเดือน เม.ย. ภายหลังจาก GULF และ INTUCH เตรียมรวมเป็น Newco นอกจากนี้สัปดาห์หน้าการประชุม กนง. วันที่ 26 ก.พ. ยังได้ลุ้นการส่งสัญญาณนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายของ กนง. หลัง GDP 4Q67 ของไทยออกมาต่ำกว่าคาด

มุมมองในเชิงพื้นฐานปี 68 คาดสินเชื่อจะกลับมาเติบโตที่ 12% หลังจากบริษัทปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานเพื่อป้องกันการทุจริตจากผู้กู้ นอกจากนี้ Credit cost ที่ลดลงและรายได้ค่าธรรมเนียมที่เติบโตจะช่วยหนุนการเติบโตของกำไรปี 68 ที่เราคาด +11%YoY ด้านคุณภาพสินเชื่อรถบรรทุกจะค่อยๆ ดีขึ้นจากการกลับมาของการใช้จ่ายภาครัฐ

KEY FACTOR
แม้ว่าสงครามการค้ายังถือเป็นปัจจัยกดดันต่อเนื่องในระยะสั้น แต่มีสัญญาณการเริ่มเจรจากัน ในช่วงก่อนที่จะถึงกำหนดการปรับขึ้นภาษีครั้งใหญ่ ในเดือน เม.ย. ซึ่งมีกระแสข่าว ปธน. จีน เตรียมเยือนสหรัฐฯเพื่อหารือ (แต่ยังไม่มีกำหนดวันที่ชัดเจน) เช่นเดียวกับประเทศในเอเชียอื่นๆ (เช่น เกาหลีฯ ที่เริ่มเดินหน้าเจรจากับสหรัฐฯ ไปแล้วก่อนหน้านี้)

ส่วนปัจจัยสำคัญในสัปดาห์หน้า 1) ตัวเลขส่งออกของไทย เดือน ม.ค. Consensus ยังคงประเมินว่าจะขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง +7.7% YoY 2) การประชุม กนง. (วันที่ 26 ก.พ.) ซึ่งConsensus คาดว่าน่าจะยังคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2.25% แต่อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะเริ่มมีความคาดหวังและกระแสกดดันการลดดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป ซึ่งมีโอกาสพลิกกลับมาหนุน sentiment ในระยะสั้นต่อตลาดหุ้นไทย

EYES ON
[ในสัปดาห์] การรายงานงบฯ 4Q67
21 ก.พ. S&P Global PMI ภาคการผลิตและบริการ, HCOB PMI ภาคการผลิตและบริการของ Eurozone