Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงศรี : KSS Daily Strategy

488

 

 

"Declining Yield Play"

 

KSS Daily Strategy: คาด SET วันนี้ "สร้างฐานก่อนฟื้นตัว" ต้าน 1258/1262 จุด รับ 1240/1236 จุด คาด SET วันนี้ "สร้างฐานก่อนฟื้นตัว" ต้าน 1258/1262 จุด รับ 1240/1236 จุด ประเด็นกำหนดทิศทางตลาดวันนี้ 1.) ความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ เพิ่ม หลัง Walmart คาดว่ารายได้จะเติบโตในปีบัญชี 2026 (สิ้นสุด ม.ค. 26) จะโต 3-4% ต่ำกว่าคาด เริ่มสร้าง ผสาน เงินเฟ้อญี่ปุ่น ม.ค. 25 +4.0%y-y เร่งจาก prev. +3.2% ถ่วง Dollar Index อ่อนค่าสุดใน 2 เดือน เงินบาทแข็งค่า 33.55 +/- บาท กอปรกับ BABA กำไรดีกว่าคาด หนุนจิตวิทยาบวกตลาดหุ้น Asia 2.) ราคาน้ำมันทำจุดสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ 3.) กำไรตลาดรายงานแล้ว 179 บริษัท ออกมาต่ำกว่าคาด -9.9% แต่แรงขาย INTUCH และ GULF หลังขึ้น XD สุดท้ายก่อนรวม เราคาดนิ่งขึ้น ขณะที่เม็ดเงินที่ขายออกมาจะสลับไปลงทุนในกลุ่มอื่นที่พอมีปัจจัยหนุน โดยเฉพาะ 4.) สัปดาห์หน้าติดตามการประชุม กนง. KSS คาดมีโอกาสลดดอกเบี้ย + คาดรายงานกำไร 4Q24F เด่น โดยรวมคาดตลาดสร้างฐานเพื่อฟื้น โดยมีหุ้นนำ คือ หุ้นลุ้นภาพบวก กนง.สัปดาห์หน้า (เช่าซื้อ ค้าปลีก อสังหา High Yield) ผสาน กลุ่มหุ้น Deep Value ที่เราแนะนำลงทุนกลาง-ยาวในจุด SET อยู่ในโซน Value และหุ้นได้ประโยชน์ SET50/100 Rebalance รอบ Interim วันนี้แนะนำ ADVANC, AP, VGI

 

 

 

 

 

Daily outlook: "สร้างฐานก่อนฟื้นตัว" ต้าน 1258/1262 จุด รับ 1240/1236 จุด

What happened around the world?

(*/-) US Stocks: ตลาดหุ้นสหรัฐปรับลง หลักมาจาก Walmart บริษัทค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดในโลกผลประกอบการออกมาอ่อนแอ ดัชนี Dow jones -1.01%d-d ดัชนี Nasdaq -0.47%d-d S&P500 -0.43% โดยดัชนี S&P 500 Sector ที่ปรับขึ้นหลักๆ คือ Energy, Real estate, Health care, Utilities ฯลฯ กลุ่มที่ Underperform คือ Financial, Consumer discretionary, Consumer Staples ฯลฯ หุ้นที่เคลื่อนไหวเด่นคือ Palantir จัดหาการบริการในด้านต่าง ๆ ให้กับรัฐบาลสหรัฐฯ - 5.2% หลังจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กำลังพิจารณาการตัดงบประมาณ Walmart -6.5% Target -2.0% Alibaba +8.1%

(*) US Econ : ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ + 5 พันรายจากสัปดาห์ก่อน ที่ 2.19 แสนราย แย่กว่าตลาดคาดที่ 2.15 แสนราย แย่กว่าค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ที่ 2.15 แสนราย ตัวเลขแรงงานที่ออกมา ยังไม่อยู่ในระดับน่ากังวล และประเมินสะท้อนภาพภาคแรงงานสหรัฐฯประคองในลักษณะ Soft Landing ได้ (ความเสี่ยง Hard Landing จะเกิดขึ้นผู้ขอรับสวัสดิการครั้งแรกเฉลี่ยจะสูงกว่าระดับ 4.0 แสนตำแหน่ง)

(*/+) US Tariff : ปธน. Trump ให้สัมภาษณ์ระบุว่ามีความเป็นไปได้ที่จะทำข้อตกลงการค้าฉบับใหม่กับจีน แม้ว่าจะมีความตึงเครียดทางสงครามการค้าและเทคโนโลยีระหว่างสองประเทศยังคงดำเนินอยู่ โดยมิได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับเงื่อนไขของข้อตกลงใหม่ แต่ยังคงกดดันจีนด้วยการเพิ่มภาษี 10% สำหรับสินค้านำเข้าจากจีน หลังกระแสข่าวดังกล่าว ตลาดหุ้นจีนตอบสนองในเชิงบวกเล็กน้อย โดยรวมมองบวกต่อหุ้นกลุ่ม China Play อาทิ IVL SCGP AAV

(*/+) BABA : หุ้น Alibaba +8.1% Outperform ตลาด รับรายงานผลประกอบการดีกว่าที่คาด อาทิ รายได้ธุรกิจ Cloud และ Ecomerce โตดีกว่าคาด มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อ DR อาทิ BABA80 แนะนำ Trading

(*) Japan CPI : เงินเฟ้อญี่ปุ่น เดือน ม.ค. +4.0%y-y (สูงสุดในรอบ 2 ปี) prev. 3.6%- ทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของญี่ปุ่นมีแนวโน้มตึงตัวหรือมีโอกาสจะเห็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ย Bloomberg คาดอัตราดอกเบี้ย สิ้นปี 2025 ที่ 1.0% โดยรวมเป็นปัจจัยหนุนค่าเงินเยนดอลลาร์แข็งค่าต่อ เป็นจิตวิทยาลบต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่น โดย KSS น้ำหนักลงทุนเป็นพียง Neutral

(*) To monitor : ฝั่งสหรัฐ 21 ก.พ. ยอดขายบ้านมือ 2 ตลาดคาด 4.1 ล้านหลัง -3.3%m-m 21 ก.พ. ติดตาม Flash PMI ภาคผลิตและบริการ ก.พ. 25 ไม่มีคาด vs prev. 51.2 และ 52.9 จุด 20 ก.พ. รายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ รอบ ม.ค. 25 ฝั่งยุโรป 21 ก.พ. ติดตาม Flash PMI ภาคผลิตและบริการ ก.พ. 25 ไม่มีคาด vs prev. 46.6 และ 51.3 จุด ฝั่งญี่ปุ่น 21 ก.พ. ติดตามเงินเฟ้อ CPI ก.พ. 25 ตลาดคาด 4%y-y vs prev. 3.6%

(*) US Bond Yields & Dollar : Bond yield สหรัฐ ระยะสั้นเป็นภาพแกว่งตัวออกข้าง อายุ 2 ปีทรงตัวที่ 4.27% และอายุ 10 ปี ปรับลง -3 bps อยู่ที่ 4.5% (หากอิงสถิติ US Bond yields 10 ปี และ Thai Bond yield 10 ปี มีค่าสหสัมพันธ์สูงราว 0.6 หรือไปทางเดียวกัน) ระยะสั้นมองเป็นจิตวิทยบวกต่อหุ้น กลุ่มการเงิน MTC กลุ่มโรงไฟฟ้า GPSC กลุ้มหนี้สูง MINT CPAXT ส่วน Dollar Index อ่อนค่าลงมาทำจุดต่ำสุดตั้งแต่ 11 ธ.ค.24 ที่ 106.2 จุด มองหนุนค่าเงินสกุลเอเซียแข็งค่า เป็นจิตวิทยาบวกต่อกระแส Fund Flow ไหลเข้าวันนี้

(+)Oil : ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้น 3 วันติดต่อกันทำจุดสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ อิง น้ำมันดิบ Brent +0.82%d-d ปิดที่ USD 76.66/barrel, น้ำมันดิบ West Texas +0.53%d-d ปิดที่ USD 72.48/barrel แข้อรงหนุนจากฝั่ง Supply ข้อมูลน้ํามันเบนซินและการกลั่นลดลงในสหรัฐฯ ในขณะที่ความกังวลเกี่ยวกับการหยุดชะงักของอุปทานในรัสเซีย โดยรวมเป็นจิตวิทยาบวกหนุนต่อ PTT, PTTEP

(-) World Container Index (WCI) : WCI ปรับลงติดต่อกัน 6 สัปดาห์ ล่าสุด -10%w-w อยู่ที่ 2795 เหรียญต่อ 40 ft และปรับลงทุกเส้นทางเรือ ประเมินจิตวิทยาลบต่อหุ้นเรือ Container อาทิ RCL และบวกต่อกลุ่มให้บริการโลจิสติกส์ในลักษณะ Freight Forwarder ที่มีสัดส่วน Sea Freight สูง อาทิ SINO (90% ของรายได้), SONIC (62% ของรายได้) LEO (75% ของรายได้) และ WICE (34% ของรายได้)

 

What happened in Thailand?

(-) SET Index : SET Index ปิดตลาด -16.66 จุด -1.32% ปิดที่ระดับ 1,245.6 จุด มูลค่าการซื้อขายที่ 5.6 หมื่นล้านบาท Sector กลุ่มที่ปรับลงกดดัชนีคือ กลุ่มพลังงาน(GULF, GPSC) หลักๆ จาก GULF ที่ถูกขายหลัง XD เงินปันผลรอบสุดท้าย ก่อนเข้าสู่ช่วงรอควบรวมกับ INTUCH นอกจากนี้ ทั้ง 2 บริษัทยังมีแรงกดดันจากราคาก๊าซธรรมชาติที่เร่งขึ้น กลุ่ม ICT (INTUCH, ADVANC, TRUE ) INTUCH เหตุผลเดียวกับ GULF ส่วน ADVANC, TRUE จิตวิทยาลบกรณีตลาดกลับมาให้ Short Sales หุ้น SET100 ตามปกติ (เดิมใช้ Uptick Rule) ทำให้กลุ่มที่ Outperform ถูกลดสถานะลง โดย ADVANC ลงเร่งอีกส่วนมาจากผลกระทบหลังขึ้นเครื่องหมาย XD กลุ่มประคองดัชนี คือ กลุ่มประกันชีวิต (BLA, TLI) จิตวิทยาบวกหลัง BLA รายงานผลประกอบการออกมาในทางบวก กลุ่มธนาคาร (KTB, BAY, SCB) โมเมนตัมการจ่ายเงินปันผลสูงกว่าคาดหนุนต่อเนื่อง

(-) Flows: เงินทุนต่างชาติวันทำการล่าสุด เงินไหลเข้า ขายหุ้น -83.7 ล้านเหรียญฯ ขายพันธบัตร -28.2 ล้านเหรียญฯ TFEX Net Short -779 สัญญา เงินบาทแข็งค่าสู่ 33.5+/- บาท

(*) FTSE Rebalance: FTSE Global Equity Index จะประกาศรายชื่อหุ้นรอบ March Rebalance คืนวันที่ 21 ก.พ. และจะมีผลราคาปิดวันที่ 21 มี.ค.

(*/-) Retail Sentiment Index: ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการกลุ่มค้าปลีก ม.ค. 25 โดยปรับตัวลงจากเดือนก่อน ส่วนหนึ่งมาจากฐานที่เร่งขึ้นช่วงฤดูกาลปลายปี ทั้งนี้ หากแบ่งตามลักษณะร้านค้า พบว่า กลุ่มที่น่าสนใจ คือ ฝั่ง ร้านค้าประเภทวัสดุก่อสร้างปรับตัวดีขึ้น สวนทางร้านค้าประเภทอื่น ประเมินจิตวิทยาบวกหุ้นกลุ่มดังกล่าว อาทิ DOHOME GLOBAL HMPRO

(*/-) SET Earnings: อิงการรวบรวมข้อมูลจาก Bloomberg ล่าสุด บจ. รายงานกำไร 4Q24 แล้ว 179 บริษัท กำไรต่ำกว่าคาด -9.97% ในส่วนที่มีการคาดการณ์กำไร 60 บริษัท แบ่งเป็นกลุ่มที่ดีกว่าคาด 26 บริษัท ต่ำกว่าคาด 27 บริษัท ตามคาด 7 บริษัท ส่วนกำไรภาพรวมยังเติบโตสูง +25.7%y-y ส่วนกำไรตลาดล่าสุด BB Consensus ประเมินกำไรปี 2024 ที่ 84.6 บาท และ 95.6 บาท

(*/+) Gambling Law: กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอร่าง พ.ร.บ.การพนัน ฉบับแก้ไข เข้า ครม. 25 ก.พ. นี้ หลังเปิดรับฟังความเห็นและประชาชนเสร็จสิ้น ส่วนใหญ่เห็นด้วย พร้อมเพิ่มโทษหนักการพนันครอบคลุมทั้งบ่อนและพนันออนไลน์ เรามองหากกฎหมายดังกล่าวคืบหน้า จิตวิทยาบวกต่อเม็ดเงินจับจ่ายในประเทศ จากเม็ดเงินในประเทศที่อาจคึกคักขึ้น หนุนหุ้นค้าปลีก เน้น CPALL CPAXT

(*) To monitor: สัปดาห์นี้ปัจจัยภายในติดตามรายงานกำไร Real Sector 21 ก.พ. CBG, WHA ส่วนสัปดาห์หน้าติดตาม

1.) รายงานกำไร Real Sector หุ้นหลักๆ (* = หุ้นที่คาดรายงานกำไรออกมาดี)

24 ก.พ. : ERW*, MOSHI*, AAV*

25 ก.พ.: CENTEL*, PTG*, SPALI, CPALL*

26 ก.พ. : AWC, BDMS, SAWAD, , LH, CPF, OSP

27 ก.พ. : IVL, PLANB*, BA*, AP, BGRIM

28 ก.พ. : BCH, CHG

2.) 26 ก.พ. ประชุม กนง. ตลาดคาดคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.25% เท่า prev. อย่างไรก็ดี KSS ประเมินจาก GDP งวด 4Q24 ที่ออกมาต่ำกว่าคาด ผสาน ยอดเติบโตสินเชื่อ ธ.ค. 24 เริ่มชะลอ เราประเมินมีโอกาสที่ BOT จะลดดอกเบี้ยในการประชุมรอบนี้

3.) 21-26 ก.พ. รายงานส่งออก - นำเข้า ม.ค. 25 ยังไม่มีคาด vs prev. +8.7%y-y, +14.9%y-y

4.) 28 ก.พ. MSCI Rebalance มีผลราคาปิด คาด MSCI Thailand ถูกลดน้ำหนักจาก 1.3% เหลือ 1.28% คิดเป็น Net Outflows ราวๆ -100ล้านเหรียญฯ

ดัชนี MSCI Global Standard Index หุ้นไทยเข้า/ออก ได้แก่

หุ้นเข้า : ไม่มี

หุ้นออก : PTTGC(-60ล้านเหรียญฯ), TOP(-50ล้านเหรียญฯ)

ส่วน MSCI Global Small cap Index หุ้นไทยเข้า/ออก ได้แก่

หุ้นเข้า 4 หุ้น : GPSC, PTTGC, SCGP, TOP

หุ้นออก 11 หุ้น : BSRC, TIPH, DCC, ERW, GFPT, KAMART, PSH, PSG, SAPPE, STECON, THG

 

Daily Strategy : ADVANC, AP, VGI

ระยะสั้น วันนี้มองตลาดหุ้นไทยวันนี้ "สร้างฐานเพื่อฟื้นตัว" แม้บรรยากาศภาพรวมน่าจะเอื้อต่อการลงทุนเอเชียวันนี้ แต่ SET ยังน่าจะอยู่ในช่วงสร้างฐาน จากกำไรตลาด 4Q24 ที่ยังออกไปในทางลบ ล่าสุดที่รายงาน 179 บริษัท ต่ำกว่าคาด -9.9% ขณะที่ GULF INTUCH ระยะสั้นยังถูกชะลอลงทุน หลังขึ้น XD และเข้าสู่ช่วงรอควบรวม ทั้งนี้ เชิงกลยุทธ์ เราแนะนำกลุ่มที่คาดเม็ดเงิน GULF INTUCH จะออกไปลงทุนแทน เน้นกลุ่มที่มีปัจจัยบวกรอสัปดาห์หน้า ในส่วนการประชุม กนง. คาดลดดอกเบี้ย -25 bps หุ้นลุ้นภาพบวก กนง.สัปดาห์หน้า (เช่าซื้อ ค้าปลีก อสังหา High Yield) ผสาน กลุ่มหุ้น 7 Deep Value ที่เราแนะนำลงทุนกลาง-ยาว และหุ้นได้ประโยชน์ SET50/100 Rebalance รอบ Interim

 

หุ้นในธีมประเทศไทยกำลังเดินหน้าสู่การเป็นหนึ่งในศูนย์กลาง Infrastructure Technology ของภูมิภาค (WHA, GPSC, STPI, DELTA ADVANC, TRUE, INSET, BE8, BBIK)
หุ้นในธีม Trump 2.0 (AMATA, WHA, PTT, PTTEP, CPF, SCB, KBANK, KTB, BJC, HMPRO, ADVANC, GPSC)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มไวขึ้นของรัฐบาลใหม่ ผสาน ท่องเที่ยว การผลักดัน Entertainment Complex คาดเป็นนโยบายหลัก หนุน บริโภค ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. (BTS, VGI, BJC, ERW, BA, MBK)
กลุ่มได้ประโยชน์จีนกระตุ้นเศรษฐกิจ (IVL, AOT, AU, PTTGC, SCC, CPALL, BJC)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงต่อในปี 2025 (BA, AAV, MTC, AEONTS, TRUE, CPALL, BJC)
กลุ่ม Value ที่คาดมีโอกาสซื้อหุ้นคืน (PTT , SCB , KBANK , KTB , BBL , BCP)
7 หุ้นที่อยู่ในโซนลงทุนกลาง-ยาว (CPALL, BDMS, MINT, BH, GPSC, SCGP, HMPRO)

• FEB25 Best Picks: ADVANC, AMATA, BA, BTS, ERW, KBANK, TTB

• 2025F Stock Picks : ADVANC, AWC, BJC, BTS, CPALL, HMPRO, IVL, KBANK, KTB, TRUE Mid-Small Cap Play : INSET, JMT, MALEE, MOSHI

 

 

Tactical & Investment Idea

 

Research Highlight

 

 

 

Strategy Update :SET 50/100 interim Rebalance

การเปลี่ยนแปลง SET50/SET100 ระหว่างกาล Update สืบเนื่องจากกรณี GULF, INTUCH จะมีการควบรวมเป็นบริษัทใหม่ คือ GULF Development ซึ่งจะเข้าตลาดวันที่ 3 เม.ย. ทำให้มีการนำหุ้นเข้า SET50/SET100 ใหม่ในระหว่างกาล ดัชนีละ 1บริษัท KSS ได้ประเมินหุ้นที่มีโอกาสเข้า SET50 และ SET100 ใหม่ผลจากประเด็นนี้

SET50 : คาด 1 บริษัทเข้าใหม่ระหว่างกาล Rebalance สิ้นวันที่ 2 เมย คือ VGI (โอกาสเข้า 95%)

SET100 : คาด 1 บริษัทเข้าใหม่จะแข่งกันระหว่าง MOSHI (โอกาส 50%), THCOM (โอกาส 30%), KAMART (โอกาส 20%)

กลยุทธ์ : เราคาดหุ้นที่ถูกนำเข้า SET50/100 จะถูกเพิ่มน้ำหนักจาก Passive Fund เป็นบวกต่อราคาหุ้น โดยในส่วน SET 50 เราแนะนำเก็งกำไร VGI และ BTS บ.แม่ (ถือหุ้น 57.1%) ส่วน SET100 แนะนำเก็งกำไร MOSHI

Strategy Update : ThaiESG Plays

กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างเร่งดำเนินการจัดตั้ง กองทุน ThaiESG กองที่ 2 คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในเดือนมีนาคม 2568 โดยมีวงเงินประมาณ 1.8 แสนล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับกองทุน LTF ที่ครบอายุไปแล้ว ทั้งนี้ รูปแบบการลงทุนและสิทธิประโยชน์ยังอยู่ระหว่างการหารือ ซึ่งอาจแตกต่างจากกองทุน ThaiESG เดิม แต่ยังคงเน้นลงทุนในประเทศ โดยเราประเมินว่าการจัดตั้งกองทุนดังกล่าวเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นไทย เนื่องจากจะช่วยชะลอแรงขายจาก LTF เดิมและเสริมสภาพคล่องใหม่เข้าสู่ตลาด โดยเฉพาะในกลุ่มนักลงทุนที่ถือ LTF ระยะยาว ซึ่งมีต้นทุนเฉลี่ยที่ 1,620-1,640 จุด

เรามองปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามซึ่งอาจส่งผลบวกต่อตลาดในระยะกลางถึงยาว ได้แก่ การขยายสิทธิประโยชน์ทางภาษี หากมีการเพิ่มเพดานลดหย่อนของ ThaiESG จาก 300,000 บาท เป็น 500,000 บาท เท่ากับ LTF เดิม จะช่วยกระตุ้นการลงทุนและสร้างความเชื่อมั่นในตลาดมากขึ้น อีกทั้งยังมีการหารือเรื่อง การลงทุนในหุ้นไทย 100% และ การขยายขอบเขตของหุ้น ESG เพื่อเพิ่มโอกาสการลงทุนและกระจายความเสี่ยง KSS มองว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยถูกกดดันจากการเติบโตของเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและการขาดเงินทุนระยะยาวจาก LTF ที่หมดสิทธิประโยชน์ หากภาครัฐมีมาตรการชัดเจนเกี่ยวกับการส่งเสริมการลงทุนในประเทศ จะช่วยให้ SET ค่อย ๆ ฟื้นตัว

KSS ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อการสะสมหุ้น เนื่องจาก SET ยังอยู่ใน Deep Value Zone โดยมีค่า PER ปี 2568 อยู่ที่ 13.5 เท่า และหากไม่นับรวมหุ้น DELTA ค่า PER จะอยู่ที่เพียง 11.5 เท่า ปัจจุบันมีหุ้นที่เข้าข่ายการลงทุนระยะยาว ได้แก่ 300 บริษัทที่มี PER ต่ำกว่า 12 เท่า, 435 บริษัทที่ให้ผลตอบแทนปันผลสูงกว่า 3%, 548 บริษัทที่มี PBV ต่ำกว่า 1 เท่า และ 145 บริษัทที่มีคุณสมบัติครบทั้งสามข้อ KSS แนะนำ 7 หุ้น Deep Value ที่มีศักยภาพในการเติบโตระยะยาว ได้แก่ CPALL, BDMS, MINT, BH, GPSC, SCGP และ HMPRO พร้อมกันนี้ยังแนะนำอีก 5 บริษัท ที่เข้าเงื่อนไข PER < 12X, PBV < 1X และ Dividend Yield > 3% ในกลุ่มธนาคาร KBANK, KTB, BBL ผสาน อสังหาริมทรัพย์ ที่เริ่มมีปัจจัยหนุนเชิงบวก เช่น AP และ SIRI

Strategy Update : Summer Plays

กระแสการเก็งกำไรในหุ้นธีม "หน้าร้อน" กำลังจะเริ่มต้นอีกครั้ง ล่าสุดกรมอุตุนิยมวิทยาเผยว่าในปีนี้ จะเริ่มเข้าสู่ฤดูร้อนในไทยสัปดาห์ที่ 4 ของเดือน ก.พ. 25 - กลางเดือน พ.ค. 25 ภายใต้คาดการณ์กรมอุตุนิยมวิทยาปี 2025F คาดอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยบริเวณประเทศไทยตอนบน 35 – 36 องศาเซลเซียส แม้จะต่ำกว่าฤดูร้อนปี 2024 อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 37.5 องศาเซลเซียส แต่ยังใกล้เคียงค่าเฉลี่ยฤดูร้อนปกติที่ 35.4 องศาเซลเซียส แต่จุดที่น่าสนใจคือ ราคาหุ้นหลายตัวมี Deep Discounts จากภาวะตลาดที่ผันผวน สร้างโอกาสระยะยาวด้วยอีกทางหนึ่ง ทีมกลยุทธ์คาด KSS อากาศที่ร้อนสูงขึ้น จะหนุน

1.) การบริโภคเครื่องดื่มที่มีความคึกคักขึ้น

2.) ประชาชนจะมีความต้องการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า ทั้งพัดลม, แอร์ เพื่อบรรเทาผลกระทบอากาศร้อน

3.) การทำงานก่อสร้างจะเร่งส่งมอบได้มากกว่าช่วงหน้าฝน

4.) การท่องเที่ยวทะเลที่เป็นจุดเด่นของไทยมักคึกคัก

ภาพรวมดังกล่าวที่มักเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี มักหนุนกระแสหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์อาทิ กลุ่ม มีภาพถูกเก็งกำไรในช่วงฤดูร้อน อาทิ กลุ่มเครื่องดื่ม กลุ่มค้าปลีกที่เน้นขายเครื่องใช้ไฟฟ้าบรรเทาอากาศร้อน กลุ่มรับเหมา และกลุ่มโรงแรม อิงผลการศึกษาผลตอบแทนย้อนหลัง 9 ปี (ไม่รวมปีที่เผชิญ Covid ในปี 2020 ที่ผลตอบแทนรายกลุ่มกระทบความเสี่ยงตลาด) ช่วงเวลาที่ดีสุดในการลงทุน คือ การลงทุนในช่วงเข้าสู่ฤดูร้อน และขายทำกำไรหลังจากนั้น 1 เดือน โดยช่วงปัจจุบัน คือ ควรเริ่มสะสมหุ้นช่วงสัปดาห์สุดท้ายของ ก.พ. 25 และขายทำกำไรช่วงปลาย มี.ค. 25 - ต้น เม.ย. 25 โดยกลุ่มโรงแรม (ความน่าจะเป็นที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวก 87.5% ผลตอบแทนเฉลี่ย 3.7%) ตามด้วยกลุ่มรับเหมา (62.5%, 1.6%) กลุ่มค้าปลีก (50%, 1.2%) สูงกว่า SET (50%, 1.1%) ขณะที่ภาพรายบริษัท คือ CRC(100%, 5.3%) ICHI (87.5%, 3.7%) SAPPE (75%, 7.2%) CENTEL (75%, 4.4%) MINT (62.5%, 3.3%) GLOBAL (62.5%, 2.3%) HMPRO (50%, 4.9%) DOHOME (50%, 2.3%)

ในเชิงกลยุทธ์ Summer Plays ปี 2025F KSS แนะนำลงทุนเน้นไปที่กลุ่มที่มีหุ้นอยู่ในโซนฐาน Valuation ไม่แพง ได้แก่ CRC(TP Con-40.6) ICHI (TP25F-17) SAPPE (TP25F-70) CENTEL (TP25F-40) MINT(TP25F-38) HMPRO (TP25F-13.5) และหุ้น Turn around ที่คาดได้ประโยชน์จากหน้าร้อน คือ หุ้นเครื่องดื่ม คือ MALEE(TP25F – 17.7)

Strategy Update: ทีมกลยุทธ์ออกรายงาน SET UPDATE: เข้าสู่จุด Deep Value เชิงพื้นฐาน แนะนำ 7 หุ้นมูลค่าเพื่อการลงทุนระยะยาว แนะนำ CPALL, BDMS, MINT, BH, GPSC, SCGP, HMPRO

Key Ideas: SET ปรับตัวลงแรง -9.86%ytd และอยู่ใน "Value Zone" ดังที่เคยกล่าวในช่วงก่อนหน้า ว่า SET มี Current Equity Risk Premium อยู่ที่ 4.56% สูงกว่า AVG + 1.5 S.D. (4.53%) ที่เป็นจุดกลับตัวตลาดในรอบ 10ปีที่ผ่านมา แต่เพื่อความเด่นชัด ในมิติอื่นๆ ทีมกลยุทธ์ KSS จึงตรวจสอบค่าที่สะท้อนภาวะ "Value Market" ในมิติอื่นๆ อีก 4มิติ พบว่า ตลาดหุ้นไทย ควรค่าแก่การลงทุนระยะยาว และเป็น Deep Value Zone อย่างแท้จริง

1.) Trailing PER หลังปี 2011 ของ SET จะมีจุดกลับตัว Ex Crisis ที่ Z-Score -0.42 vs ปัจจุบัน -0.37 "สะท้อนว่าค่อนข้าง Value"

 

2.) PBV หลังปี 2011 ของ SET จะมีจุดกลับตัว Ex Crisis ที่ Z-Score -0.86 vs ปัจจุบัน -1.97 "Deep Value" มาก

 

3.) Invert Dividend Yield หลังปี 2011 ของ SET จะมีจุดกลับตัว Ex Crisis ที่ Z-Score -1.01 vs ปัจจุบัน -1.58 "Deep Value" มาก

 

4.) GDP ที่ตลาดคาดการณ์ ในปีนั้นๆ ณ จุดกลับตัวหลังปี 2011 Ex Crisis เฉลี่ย 2.36% vs ปัจจุบัน 3% สะท้อนภาพตลาดยังมองการเติบโต ขณะที่ Outlook ปัจจุบันไทย เราเริ่มเห็นแนวทางการสร้าง S Curve ใหม่ๆ

เราประเมินผลกระทบรอบนี้ เกิดจาก แรงขาย Panic Sell จากการปรับลดน้ำหนัก DELTA และแรงขายกองทุน LTF ขณะที่ระดับ SET ตั้งแต่ต่ำกว่า 1300 จุด เริ่มเห็นเม็ดเงินใหม่ที่มีโอกาสเข้ามา เรามองแนวโน้มตลาด: ช่วงสร้างฐาน (Consolidation Phase) : ระดับแนวรับเชิงพื้นฐานที่กรอบ 1270-1250จุด ขณะที่แนวรับเชิงโครงสร้างเทคนิคระยะยาวของรายเดือนจากฐานปี 2008 สู่ปัจจุบัน อยู่ใกล้เคียงกันที่ 1225 จุด ซึ่งเป็นโซนเหมาะสม สำหรับ Domestic Long Term Fund ที่จะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนหุ้นไทย หรือ นักลงทุนที่ต้องการการออมในระยะยาว

Strategy : KSS คัดเลือกหุ้นพื้นฐานดีที่มีคุณสมบัติเป็นหุ้น Value ด้วยเงื่อนไขใกล้เคียง SET และธุรกิจมีความสามารถในการแข่งขันสูงทั้งภายในภายนอก และพร้อมเติบโตในอีก 3ปีข้างหน้า ใน "Theme 7 Value Stocks" ดังนี้ CPALL, BDMS, MINT, BH, GPSC, SCGP, HMPRO

Strategy Update: MSCI Rebalance

MSCI ประกาศรายชื่อหุ้นที่ใช้ในดัชนีรอบใหม่แล้ว ซึ่งจะปรับน้ำหนักราคาปิด 28 กพ 2025 มีประเด็นสำคัญของไทยดังนี้

 

MSCI Thailand ถูกลดน้ำหนักจาก 1.3% เหลือ 1.28% คิดเป็น Net Outflows ราวๆ -100ล้านเหรียญฯ

 

โดยดัชนี MSCI Global Standard Index หุ้นไทยเข้า/ออก ได้แก่

หุ้นเข้า : ไม่มี

หุ้นออก : PTTGC(-60ล้านเหรียญฯ), TOP(-50ล้านเหรียญฯ)

 

ส่วน MSCI Global Small cap Index หุ้นไทยเข้า/ออก ได้แก่

หุ้นเข้า 4 หุ้น : GPSC, PTTGC, SCGP, TOP

หุ้นออก 11 หุ้น : BSRC, TIPH, DCC, ERW, GFPT, KAMART, PSH, PSG, SAPPE, STECON, THG

 

การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะมีผลที่ราคาปิดวันที่ 28 ก.พ. นี้

 

กลยุทธ์ : ระยะสั้นให้ระวังความผันผวนของ PTTGC, TOP ที่ถูกถอดออกจาก MSCI Global Standard Index กลยุทธ์ ระยะสั้นเลี่ยงลงทุนหุ้นที่ถูกถอดออกจากดัชนี

 

• TRUE (Buy, TP25F-15): We retain our Buy rating on TRUE with higher TP to Bt15 from Bt14.7 to reflect fine-tuned earnings in 2025 following better core earnings in 2024. Net loss in 4Q24 seems overwhelming at Bt7.5b but it was dominated with one-time loss of Bt10.9b. Excluding these, 4Q24 core profit was Bt3.45b, turning around from Bt1b loss in 4Q23 and jumping 19%qoq. For 2024, core profit was Bt9.2b, turning around from core loss of Bt6.4b. We expect earnings to grow by 27.5% driven by revenue growth and further margin expansion from further cost saving. Trading at 7.8x 2025 EV/EBITD with 10% EBITDA growth, TRUE is cheap.

• GULF (Buy, TP25F-60.25): While our view on the recent GULF analyst meeting is neutral, we expect double-digit earnings growth for the company, with a 2-year (2024-26F) CAGR of 15%, increasing to 20% after the transformation to 'Gulf Development' is completed in early April 2025. The positive medium to long-term outlook remains, driven by strong demand in the data center and cloud sectors. Given the current share price, we upgrade to Buy with an unchagned target price of Bt60.25.

• BCPG (Buy, TP25F-7.8): BCPG's 4Q24 net profit missed our expectation due to lower revenue, gross margin, and share of profit, along with higher SG&A expenses and one-time items. Looking ahead, Our 2025-26F earnings forecasts remain unchanged, incorporating US plant profits and maintenance costs, while conservatively reducing valuation by 50% due to potential COD delays for the Nabas-2 and Taiwan solar projects. Buy reiterated with an unchanged TP of Bt7.80.

• PLANB (Buy, TP25F-7.8): BCPG's 4Q24 net profit missed our expectation due to lower revenue, gross margin, and share of profit, along with higher SG&A expenses and one-time items. Looking ahead, Our 2025-26F earnings forecasts remain unchanged, incorporating US plant profits and maintenance costs, while conservatively reducing valuation by 50% due to potential COD delays for the Nabas-2 and Taiwan solar projects. Buy reiterated with an unchanged TP of Bt7.80.

 

 

 

 

2025F Equity Outlook : Resilient Domestic Escort amid Market Volatility

Stock Best Picks : ADVANC, AWC, BJC, BTS, CPALL, HMPRO, IVL, KBANK, KTB, TRUE

Mid-Small Cap Play : INSET, JMT, MALEE, MOSHI

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้