Today’s NEWS FEED

News Feed

NER เผยปี 67 คว้ากำไรสุทธิ 1,652.47 ล้านบาท โต 6.91% จากปีก่อน รับราคาขายสินค้ายางเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 24.04%

266

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 20 กุมภาพันธ์ 2568)---- บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) NER เปิดเผยว่า สําหรับปี 2567 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านการตรวจสอบของผู้สอบบัญชี และเรียนชี้แจงผลการดําเนินงานสําหรับปีสิ้นสุด 31ธันวาคม 2567 ซึ่งมีผลดําเนินงานดังนี้

ผลการดําเนินงานปี 2567 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2567 เทียบกับปี 2566 มีปริมาณขาย 439,179 ตัน ลดลง57,874 ตัน หรือลดลงร้อยละ11.64 คิดเป็นรายได้จากการขายรวม 27,448.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,403.16 ล้านบาทหรือร้อยละ 9.60 แบ่งเป็นรายได้จากการขายในประเทศ 20,485.06 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 74.63 ของยอดขายรวม เพิ่มขึ้น 4,225.57 ล้านบาทหรือร้อยละ 25.99 รายได้จากการขายต่างประเทศ 6,963.28 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 25.37 ของยอดขายรวม ลดลง 1,822.41 ล้านบาทหรือลดลงร้อยละ 20.74


รายได้จากการขายปี 2567 ที่เพิ่มขึ้นเกิดจากสถานการณ์ราคายางที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับปี 2566 ราคาขายสินค้ายางเฉลี่ยในปี 2567 เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.04 โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้น แบ่งเป็นผลต่างด้านราคาที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 5,320 ล่านบาท และแบ่งเป็นผลต่างด้านปริมาณลดลงอยู่ที่ 2,915.58 ล้านบาท

ในปี 2567 บริษัทฯ มีต้นทุนขาย 24,668.52 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 89.87 ของรายไดจ้ากการขาย โดยแบ่งเป็นต้นทุนวัตถุดิบและวัสดุสิ้นเปลืองใช้ไป 23,961.45 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 87.30 ของรายไดจ้ากการขาย เมื่อเทียบกับปี 2566 ต้นทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.81 โดยต้นทุนวัตถุดิบของบริษัทเพิ่มขึ้นมาจากความผันผวนของราคายางในปี2567 ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสัดส่วนต้นทุนวัตถุดิบยางเมื่อเทียบกับรายได้มีต้นทุนที่สูงขึ้น โดยพิจารณาจากข้อมูลการซื้อยางและราคาขายยางเฉลี่ยของบริษัทฯ ดังนี้


สําหรับต้นทุนค่าแรงงานปี 2567เท่ากับ 147.18ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.54 เมื่อเทียบกับปี2566 มีต้นทุนลดลง 30.58ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 0.17 ของรายได้จากการขาย เกิดจากการจ่ายค่าแรงตามปริมาณผลิตทลดลง


สําหรับค่าใช้จ่ายผลิต 347.88 ล้านบาท คดิเป็นร้อยละ 1.27 ของรายไดจ้ากการขาย เมื่อเทียบกับปี2566 มีต้นทุนผลิตลดลง 112.71ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 0.57 เกิดจากราคาพลังงานที่ปรับตัวลดลงส่งผลต่อต้นทุนผลิตในค่าก๊าซLPG. ค่านํ้ามันเชื้อเพลิงและค่าไฟฟ้า เป็นการลดลงของต้นทุนที่สัมพันธ์กับปริมาณการผลิตที่ลดลง

เมื่อเปรียบเทียบต้นทุนขายสําหรับปี 2567กับปี 2566 บริษัทฯมีสัดส่วนต้นทุนขายในปี 2567เพิ่มขึ้นจากร้อยละ88.77 เป็นร้อยละ 89.87 หรือเพิ่มขึ้นอัตราร้อยละ 1.11 ของรายได้จากการขาย ส่งผลให้บริษัทฯมีกําไรขั้นต้นลดลง33.43 ล้านบาท หรือมีกําไรขั้นต้นลดลงร้อยละ 1.11 ซึ่งคิดเป็นอัตรากําไรขั้นต้นลดลงจากร้อยละ 11.23 ในปี 2566 เป็นร็อยละ 10.13 ในปี 2567


ต้นทุนในการจัดจําหน่ายเท่ากับ 368.37 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 1.34 ของยอดขายรวม เมื่อเทียบกับปี2566 ต้นทุนในการจัดจําหน่ายลดลง 198.01 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 34.96 โดยแบ่งเป็นค่ากองทุนสงเคราะห์ การทําสวนยางลดลง 128.23ล้านบาท ค่าขนส่งสินค่าลดลง 42.91ล้านบาท และค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวกับการขายลดลง 26.87ล้านบาท โดยต้นทุนในการจัดจําหน่ายที่ลดลงสัมพันธ์กับปริมาณขายต่างประเทศที่ลดลง ค่าใช้จ่ายในการบริหารเท่ากับ 232.85 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 0.85 ของยอดขายรวม โดยเมื่อเทียบกับปี 2566ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 80.70ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 53.03 ซึ่งเกิดจากค่าใช้จ่ายกิจกรรม CSR เพิ่มขึ้น 17.92 ล้านบาท ค่าอบรมสัมนาเพิ่มขึ้น 2.77 ล่านบาท ค่าธรรมเนียมธนาคารเพิ่มขึ้น 1.50 ล้านบาท ค่าวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น 2.16 ล้านบาท ค้าใช้จ่ายเงินเดือนและสวัสดิการเพิ่มขึ้น 11.47 ล้านบาท เงินสํารองเกษียณอายุพนักงานเพิ่มขึ้น7.36 ล้านบาท และบริษัทบันทึกรับรู้มูลค่าผลขาดทุนจากภาระผูกพันตามสัญญาซื้อตามมาตรฐานบัญชีฉบับที่ 37 เท่ากับ5.34 ล้านบาทในปี 2567

กําไรจากอัตราแลกเปลี่ยนปี 2567 เท่ากับ 28.60 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 0.10 ของรายได้จากการขายรวมเมื่อเทียบปี 2566 เพิ่มขึ้นจํานวน 74.02 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 162.98 สัดส่วนที่เพิ่มขึ้นนี้เกิดขึ้นจากการรับชําระหนี้จากลูกหนี้การค้าต่างประเทศ ด้วยอัตราแลกเปลี่ยนตามสัญญาขายเงินตราตางประเทศลวงหนากับสถาบันการเงินเพื่อการบริหารความเสี่ยงดานอัตราแลกเปลี่ยนได้ดีขึ้น โดยสถานการณ์ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน เป็นดังนี้


ต้นทุนทางการเงินเท่ากับ 469.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.29 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.66 จากดอกเบี้ยจ่ายหุ้นกู้ที่บริษัทฯออกเพิ่มเติมในเดือนธันวาคมปี 2567 เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยมูลค่าหุ้นกู้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567บริษัทฯมีมูลค่า หุ้นกู้คงค้างรวมทั้งสิ้น 6,314.30 ล้านบาท

รายได้อื่นเท่ากับ 19.22 ล้านบาท มาจากรายได้โครงการสนับสนุนการใช้พลังงานทดแทน 1.59 ล้านบาท โครงการสนับสนุนการชดเชยดอกเบี้ย 7.54 ล้านบาท รายได้การขายเศษซาก 1.58 ล้านบาท, รายได้จากโครงการพืชพลังงาน 2.89ล้านบาท, รายได้ดอกเบี้ยรับจากเงินฝากประจํา 4.02 ล้านบาท


ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคลปี2567 อยู่ที่ 55.30 ล้านบาทหรือร้อยละ 0.20 ของรายได้จากการขาย โดยลดลงจากปี 2566 เท่ากับ 29.09 ล้านบาท โดยบริษัทได้รับสิทธิประโยชน์ของบัตรส่งเสริมการลงทุน

กําไรสุทธิสําหรับปี 2567 เท่ากับ 1,652.47 ล้านบาทหรือคิดเป็นอัตรากําไรสุทธิร้อยละ 6.02 ของรายได้จากการขายรวม โดยเมื่อเทียบกับปี 2566 บริษัทมีอัตรากําไรสุทธิเพิ่มขึ้น 106.87 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.91

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้