AT THE OPEN (#ATO)
SET Index อยู่ในรอบฟื้นตัว
กลยุทธ์ Selective Buy
Market Strategy
SET Index อยู่ในรอบฟื้นตัวตามกรอบ 1250-1270 จุด สภาพแวดล้อมวันนี้ไม่ได้ปัจจัยลบเข้าใหม่เข้ามากดดัน โดยประเด็นต่างประเทศการรายงาน FED Minutes เดือน ม.ค. คณะกรรมการ FED ส่งสัญญาณคงดอกเบี้ยฯเนื่องจากต้องการเห็นทิศทางเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มปรับลงและความชัดเจนนโยบายของทรัมป์ 2.0 ซึ่งไม่ได้แตกต่างจากข้อมูลหลังผลการประชุม ขณะที่ปัจจัยในประเทศให้ความสนใจไปที่ความคืบหน้าเรื่องการฟื้น LTF ใหม่ ที่ช่วยให้แรงไถ่ถอน LTF วานนี้อยู่ที่ 365 ล้านบาททำจุดต่ำสุดของปี ด้าน Fund Flow ต่างชาติมีสัญญาณไหล กลยุทธ์วันนี้เลือก BDMS
ความคืบหน้าเรื่องการโอนย้ายกอง LTF เป็น TESG และเพิ่มสิทธิประโยชน์ทางภาษี ซึ่งปลัดคลังเผยรูปแบบกอง TESG จะเป็นกองใหม่ที่ออกแบบเพื่อรองรับเม็ดเงินจาก LTF โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการหารือรูปแบบการลงทุนและสิทธิประโยชน์ คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือน มี.ค. โดยมุมมองของเราเชื่อว่านโยบายของ TESG ใหม่จะเน้นการลงทุนในหุ้นมากขึ้นเมื่อเทียบกับกองกอง TESG เดิม โดยระยะเวลาถือครองขั้นต่ำเพื่อได้ประโยชน์ทางภาษีคาดว่าจะอยู่ที่ 5 ปี ซึ่งจะเป็นปัจจัยช่วยยืดแรงขาย LTF เดิมออกไป ส่วนหุ้นที่ได้ประโยชน์จากโอกาสที่จะถูกเพิ่มน้ำหนักเมื่อเปลี่ยนจาก LTF เป็น TESG ใหม่ BDMS SCC PR9 TRUE และ INTUCH รวมถึงหุ้นที่ TESG ใหม่มีโอกาสแรงซื้อเพิ่มเนื่องจาก LTF เดิมไม่มี เช่น JMART และ NER เป็นต้น
ตลท.เห็นชอบแนวทางการปรับปรุงมาตรการเพิ่มความเชื่อมั่นและสร้างเสถียรภาพต่อตลาดหุ้น โดยประเด็นที่เราให้ความสนใจมี 3 ส่วนหลัก 1) ปรับปรุงหุ้นที่สามารถ Short Sell ได้เฉพาะหุ้นใน SET100 จากเดิมเป็นหุ้น SET100 และ Non SET100 2) การยกเลิกการใช้มาตรการ Uptick Rule กับทุกหลักทรัพย์ไปเป็นการใช้เฉพาะหุ้นที่เข้าเงื่อนไข 3) การใช้ HFT ได้เฉพาะกับหุ้นใน SET100 ซึงลำดับถัดไปทาง ตลท. จะเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้อง ก่อนเสนอคณะกรรมการ ก.ล.ต. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบซึ่งคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ช่วงปลาย 2Q68 เรามองการมาตรการข้างต้นที่ช่วยจำกัดการทำธุรกิจการ Short Sales และ HFT ที่ไม่สามารถทำได้กับหุ้น Non-SET100 เชื่อว่าจะเป็นปัจจัยช่วยลดความผันผวนของหุ้นขนาดกลางเล็กซึ่งบางบริษัทมีข้อจำกัดด้านสภาพคล่องในการซื้อขาย ขณะที่มาตรการ Uptick Rule ที่ใช้แบบมีเงื่อนไขยังคงต้องติดตามรายละเอียดต่อไป
Market Summary
SET Index ปรับขึ้น 4.8 จุดหรือ 0.4% กลุ่มที่ Outperform คือ กลุ่มที่คาดหวังต่อการผ่อนคลายนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย เช่น ไฟแนนซ์จากความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยฯของตลาดสูงขึ้นหลัง GDP4Q67 ต่ำคาด รวมถึงงบ4Q67 ของหุ้นในกลุ่มที่ดีกว่าคาด เช่น THANI +30.6% MTC +2.12% กลุ่มพัฒนาอสังหาฯ จากความหวังต่อการคลายเกณฑ์ LTV หนุน SIRI +4.3% AP +8% SPALI +3% กลุ่มธนาคารจาก SCB ที่ประกาศจ่ายปันผล 2H67 สูง 8.44 บาทต่อหุ้นคิดเป็น Dividend Yield 6.6% สร้าง Sentiment บวกต่อหุ้นในกลุ่มอื่นๆ BBL +2.9% KKP +1.9% นักลงทุนต่างชาติและสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 1 และ 1.5 พันล้านบาทตามลำดับ
DAILY Stock Pick
BDMS
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 31.00 บาท
การปรับลงของราคาหุ้น BDMS ตั้งแต่ ก.ย. 67 ถึงปัจจุบัน 24.8% ตามทิศทางกลุ่มโรงพยาบาลที่แรงกดดันมาจากงบ 4Q67 ที่ไม่สดใสคาดหดตัว -1%YoY และ -11%QoQ จากผู้ป่วยในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากฐานสูงในปีก่อน การเติบโตที่ช้าลงของบางประเทศตะวันออกกลาง
แต่สำหรับ BDMS เราคาด 4Q67 กำไรเติบโตเด่นกว่ากลุ่มโดยคาดขยายตัว 5%YoY จากรายได้ผู้ป่วยต่างชาติที่ยังเติบโตระดับ 10% นอกจากนี้ยังได้ประโยชน์จากอัตราภาษีที่ต่ำกว่า 20% ในไตรมาสนี้ ส่วน QoQ หดตัว -2% ตามปัจจัยทางฤดูกาล
ปัจจุบันซื้อขายบน PER68 22.00 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง -0.8 S.D. และอัตราปันผลที่ 3.3% สูงสุดของกลุ่ม ร.พ.จึงเชื่อว่าระดับราคาตรงนี้ Downside จำกัดมากแล้ว แถมระยะสั้นเราเห็นสัญญาณบวกจาก Flow ต่างชาติที่ซื้อสุทธิผ่าน NVDR ในเดือนนี้มากกว่า 800 ล้านบาท ขณะที่หากมีการแปลง LTF เป็น TESG เชื่อว่า BDMS จะได้ประโยชน์จากการถูกเพิ่มน้ำหนักอีกด้วย
KEY FACTOR
ปัจจัยต่างประเทศ 1) การประกาศปรับขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ เวชภัณฑ์ และ เซมิคอนดักเตอร์ ระดับ 25% ซึ่งจะเริ่มต้นเร็วที่สุดในวันที่ 2 เม.ย. 2) รายงานการประชุม FOMC 28-29 ม.ค. บ่งชี้ว่า Fed ยังไม่เร่งปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย โดยยังระมัดระวังเงินเฟ้อที่อาจกลับมาเร่งตัว จากการใช้นโยบายการคลังผ่อนคลาย และสงครามการค้า
อย่างไรก็ตามตลาดการเงินตอบรับเป็นกลาง 1) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ขยับขึ้นสู่ระดับ 4.5% - 4.6% 2) Dollar Index ฟื้นตัวจากโซนต่ำสุดของปี สู่ระดับ 107 จุด 3) มุมมองตลาดให้น้ำหนัก Fed ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายทรงตัว เฉลี่ยที่ประมาณ 1.5 ครั้ง (ต่ำกว่า Dot Plot ที่ 2 ครั้ง)
EYES ON
[ในสัปดาห์] การรายงานงบฯ 4Q67
20 ก.พ. จีนกำหนดดอกเบี้ย LPR 1ปี และ 5 ปี
21 ก.พ. S&P Global PMI ภาคการผลิตและบริการ, HCOB PMI ภาคการผลิตและบริการของ Eurozone
นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ