Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เมย์แบงก์ : AT THE OPEN

373

 


AT THE OPEN (#ATO)
SET Index ผันผวนแต่ Downside จำกัด
กลยุทธ์ Selective Buy หุ้นที่กำไรเติบโตดี

Market Strategy
SET Index คาดแกว่งตามกรอบ 1250-1265 จุด ระยะสั้นมีแรงกดดันจากกำแพงภาษีสหรัฐฯ ที่กดดันต่อกลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ แต่อย่างไรก็ตามแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ฟื้นตัวจากตามราคาน้ำมันดิบรวมถึง ความคาดหวังต่อการมาตรการผ่อนคลายเกณฑ์ของ ธปท. จะเป็นตัวช่วยหนุนหุ้นในกลุ่มอิงการฟื้นตัวเศรษฐกิจในประเทศ วันนี้ Top Pick เลือก MTC ที่รายงานงบ 4Q67 แข็งแกร่ง และยังคงชอบ BA ที่ได้กระแสบวกจาก White Lotus หนุนการท่องเที่ยวเกาะสมุย

ประเด็นเรื่องกำแพงภาษีกลับมากดดันหลังวานนี้คุณทรัมป์เผยเตรียมขึ้นภาษันำเข้ารถยนต์อัตรา 25% เซมิคอนดักเตอร์และยาอัตราภาษี 25% หรือมากกว่า มีผลเร็วสุดในวันที่ 2 เม.ย. 68 เพื่อต้องการให้ผู้ประกอบการย้ายฐานการผลิตกลับสหรัฐฯ ซึ่งยังคงต้องติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมต่อไป แต่ประเมินผลกระทบต่อบ้านเราเบื้องต้นเป็นความเสี่ยงต่อการส่งออกเซมิคอนดักเตอร์และภาคส่งออกรถยนต์ อุปกรณ์/ส่วนประกอบไปยังสหรัฐฯ ซึ่งปี 2567 มูลค่าการส่งออกคิดเป็นสัดส่วน 5% และ 3% ของมูลค่าการส่งออกไปสหรัฐฯ ตามลำดับ สำหรับผลต่อตลาดหุ้นเรามองเป็นลบต่อกลุ่มอิเล็คทรอนิกส์อย่าง KCE และ HANA

ราคาน้ำมันดิบ Brent วานนี้ปรับขึ้น 0.7% หนุนจาก Bloomberg รายงาน OPEC+ กำลังพิจารณาเลื่อนเพิ่มกำลังการผลิตที่เดิมจะมีผลในเดือน เม.ย. 68 เนื่องจากความเปราะบางของสถานการณ์ในตลาดน้ำมัน เรามองเป็นปัจจัยที่ช่วยจำกัด Downside ของราคาน้ำมันในระยะสั้น ซึ่งเป็นบวกต่อราคาหุ้น PTTEP รวมถึงกลุ่มโรงกลั่น BCP SPRC ที่ความเสี่ยงต่อขาดทุน Stock Loss ลดลง แต่อย่างไรก็ตามทิศทางของราคาน้ำมันดิบยังถูกจำกัดจากปัจจัยด้าน อุปสงค์ ที่มีความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้าสหรัฐฯ เราจึงชอบหุ้นในกลุ่มโรงกลั่นมากกว่า

สำหรับปัจจัยในประเทศผู้ประกอบการอสังหาฯ เข้าหารือกับ ธปท. ต่อการพิจารณาคลายเกณฑ์ LTV เพื่อช่วยฟื้นอุตสาหกรรม ซึ่ง ธปท. ได้มีการรับเรื่องไว้พิจารณา โดยหากเกิดขึ้นช่วยกระตุ้นต่อกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อบ้านหลังที่ 2-3 ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นกลุ่มลูกค้ากลางบนที่มีโอกาสที่ธนาคารจะปล่อยกู้ได้ง่ายกว่า ระยะสั้นมองเป็น Sentiment บวกต่อผู้ประกอบการที่จับกลุ่มลูกค้าดังกล่าว ชอบ SIRI AP และ SPALI

 

Market Summary
SET Index แกว่งขึ้น 1 จุดหรือ 0.08% แต่ภาพรวมยังเป็นการบวกที่กระจายตัวสะท้อนจากหุ้นใน SET100 ที่มีการปรับขึ้น 64 บริษัท เทียบกับปรับลง 26 บริษัท กลุ่มที่ Outperform คือ กลุ่มค้าปลีก แรงหนุนหลักมาจากหุ้นที่เคยลงลึก CPAXT +3.8% CPALL +3% กลุ่มท่องเที่ยวและสายการบินรับกระแส White Lotus 3 ที่คาดช่วยหนุนต่อภาคการท่องเที่ยว หนุน ฺBA +6.5% AAV 6.7% CENTEL +6% กลุ่มธนาคารยังบวกต่อ นำโดย KTB +3% KBANK +3% ส่วนกลุ่มที่ Underperform ยังเป็นอิเล็คฯจาก DELTA -9.2% กลุ่มปิโตรฯ PTTGC -1.5% จากผลประกอบการขาดทุน สถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 1.4 พันล้านบาท ส่วนต่างชาติขายเบาๆ 3 ล้านบาท


DAILY Stock Pick
MTC
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 60.00 บาท
รายงานกำไรสุทธิ 4Q67 ที่ 1.54 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 14%YoY และ 3%QoQ ปัจจัยหนุนเนื่องจากต้นทุนเครดิตลดลง ซึ่งกำไรที่ออกมาถือว่าดีกว่าทั้งเราและตลาดคาดประมาณ 3-5% หนุนผลประกอบการทั้งปี 67 ขยายตัว 20% YoY มาอยู่ที่ 5.9 พันล้านบาท
ด้านคุณภาพสินทรัพย์มีพัฒนาการเชิงบวกจากสัดส่วน NPL ใน 4Q67 ลดลง 6 bps QoQ มาอยู่ที่ 2.79% ในขณะที่อัตราส่วน NPL coverage เพิ่มขึ้น 5% QoQ มาอยู่ที่ 135% และสัดส่วนต้นทุนด้านเครดิตอยู่ที่ 2.85% ลดลงจาก 4Q66 ที่อยู่ระดับ 3.67% ทำให้ต้นทุนเครดิตทั้งปี 2567 ลดลง 66 จุดฐาน (bps) YoY มาอยู่ที่ 3.06%
นอกจากนี้ เราเชื่อว่าระยะสั้น Sentiment บวกจากความหวังต่อการใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้นของ กนง ภายหลัง GDP ทั้งปี 67 ของบ้านเราขยายตัว 2.5%YoY ต่ำกว่าตลาดและธปท. คาด 2.7%YoY

 

KEY FACTOR
ราคาน้ำมันดิบฟื้น Brent และ WTI ปรับตัวขึ้นเป็นวันที่สองติดต่อกันรวม +1.47% และ +1.57% WTD ตัวขึ้นในระยะสั้น หลังผ่านพ้นการเจรจาระหว่างรัสเซียกับสหรัฐฯ เพื่อยุติความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งยังต้องรอความชัดเจนเพิ่มเติมในช่วงถัดไป ล่าสุดยังไม่มีกำหนดการประชุมกันโดยตรงระหว่าง ปธน. วลาดิเมียร์ ปูตินและประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ นอกจากนี้จุดยืนรัสเซียยังแข็งกร้าว ปฏิเสธไม่ให้ยูเครนเข้าร่วม NATO ยังไม่เพียงพอ โดยนาโตจะต้องยกเลิกสัญญาบูคาเรสต์ปี 2008 (เป็นสัญญาที่ประกาศว่ายูเครนและจอร์เจียจะเข้าร่วม NATO ในอนาคต)

วันนี้ติดตามการเปิดเผยรายงานการประชุม FOMC เมื่อ 28-29 ม.ค. ที่ผ่านมา (ซึ่ง Fed คงดอกเบี้ย 4.25% - 4.50%) โดยน่าจะส่งสัญญาณบ่งชี้ความระมัดระวังในการกำหนดดอกเบี้ยนโยบายในระยะยาว ให้น้ำหนักกับ 1) เงินเฟ้อที่อาจกลับมาเร่งตัว 2) ภาคแรงงานอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งขึ้น และ 3) ความไม่แน่นอนนโยบายการค้า และการคลังของ Donald Trump ซึ่งคาดว่าจะมีผลต่อตลาดหุ้นไทยไม่มากนัก เนื่องจากจะไม่ทำให้มุมมองตลาดเปลี่ยนไปจากปัจจุบัน ที่ให้น้ำหนักการลดดอกเบี้ยปีนี้เฉลี่ย ประมาณ 1.5 ครั้ง

 

EYES ON
[ในสัปดาห์] การรายงานงบฯ 4Q67
19 ก.พ. รายงานการประชุม Fed
20 ก.พ. จีนกำหนดดอกเบี้ย LPR 1ปี และ 5 ปี
21 ก.พ. S&P Global PMI ภาคการผลิตและบริการ, HCOB PMI ภาคการผลิตและบริการของ Eurozone

 

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

หนุน SET By : เจ๊มดแดง

เจ๊มดแดง ไต่กิ่งมะม่วง เห็นตัวแปรเชิงลบ ทั้งในและนอกประเทศ พุ่งใส่ตลาดหุ้นไทย แต่บนความโชคร้าย ก็มีโชคดี ที่หุ้น....

มัลติมีเดีย

รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68

รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้