Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงศรี : KSS Daily Strategy

356

 

 

"Domestic Play"

 

KSS Daily Strategy: คาด SET วันนี้ "Rebound" ต้าน 1270/1280 จุด รับ 1245/1236 จุด ประเด็นกำหนดทิศทางตลาดวันนี้เป็นบวกอ่อนๆ 1.) ต่างชาติกลับมาซื้อหุ้น 4,634 ล้านบาท อาเซียนเป็นการซื้อเฉพาะไทยและอินโดฯ ไทยซื้อสูงสุดนับจาก 6 ก.ย. 24 บ่งชี้ SET อยู่ในโซน Value ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2020 การซื้อระดับดังกล่าว/มากกว่าเกิดขึ้น 31 ครั้งและ SET วันทำการถัดมาปรับขึ้นได้เฉลี่ย 0.17% ผสาน เช้าวันนี้เงินบาทยังอยู่โซนแข็งค่า 33.7 +/- บาท SET วานนี้มีภาพการฟื้นตัวระหว่างวันที่กระจายตัว หุ้นปรับขึ้น 297 บริษัท ปรับลง 195 บริษัท คาดหนุนโมเมนตัมต่อ 2.) GDP ไทย 4Q24 ต่ำกว่าคาด +3.2%y-y ขณะที่สภาพัฒน์คาด GDP ปี 2025F กรอบเดิม 2.3-3.3% มองภาคเอกชนเด่นขึ้น บ่งชี้มุมมองบวกต่อหุ้น Domestic ผสาน ครม. วันนี้เตรียมหาแนวทางเจรจาสหรัฐนำเข้าสินค้า ลดความเสี่ยง Trade War คาดบรรเทาจิตวิทยาลบกลุ่มอิงภายนอก ประเมิน SET วันนี้ Rebound หุ้นเด่น คือ หุ้น Domestic (ธนาคาร ค้าปลีก ท่องเที่ยว (กระแส The White Lotus + โอกาส Entertainment Complex เดินหน้า)) และหุ้นในธีม 7 Value ที่เราแนะนำสะสมลงทุนกลาง-ยาว (CPALL, BDMS, MINT, BH, GPSC, SCGP, HMPRO)วันนี้แนะนำ CPALL, GPSC, BA

 

 

Daily outlook: "Rebound" ต้าน 1270/1280 จุด รับ 1245/1236 จุด

What happened around the world?

(*) US Stocks: ตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการเนื่องจากวันประธานาธิบดี Washington 's Birthday ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐล่วงหน้า(Futures) เช้านี้ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเฉลี่ย 0.15%

(*) EU Stocks : ตลาดหุ้นยุโรปปรับขึ้นทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ STOXX 600 +0.54% แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ เนื่องจากนักลงทุนคาดว่า มีแนวโน้มที่การใช้จ่ายด้านการทหารอาจเพิ่มขึ้นในยุโรป หลังถูกกดดันจากสหรัฐฯ อาทิ Leonardo ของอิตาลี +8.1%, หุ้น Saab AB ของสวีเดน +16.2% Rheinmetall ผู้ผลิตอาวุธของเยอรมนี +14% ฯลฯ

(*)Fed Speaks : ความเห็นของประธาน Fed หลายสาขาออกมาผสมผสาน คือ 1.)คุณ Patrick Harker ประธาน Fed สาขา Philadelphia ให้ความเห็น โทน Sligythly Hawkish "ไม่มีเหตุผลในการปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ย โดยสนับสนุนการคงอัตราดอกเบี้ย"นโยบาย 2.)Michelle Bowman ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ ให้ความเห็น โทน Neutral คือ "ต้องการเห็นข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ เพือสะท้อนถึงความคืบหน้าด้านเงินเฟ้อมากขึ้น ก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม 3.) Christopher Waller คณะกรรมการผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ ให้ความเห็น โทน Sligythly Dovish คาดว่าภาวะเงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลง และการลดอัตราดอกเบี้ยจะกลับมาเกิดขึ้นอีกครั้งในปีนี้

(*/-) S.Korea Export : ยอดส่งออกเกาหลีใต้ เดือน ก.พ. พลิกเป็นหดตัว 10.2%y-y จากขยายตัว 6.6%y-y ในเดือน ม.ค. นับเป็นยอดส่งออกที่พลิกเป็นหดตัวครั้งแรกในรอบ 1 ปี 4 เดือน (KSS ประเมินเป็นจิตวิทยาลบต่อภาคการส่งออกของไทยโดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์

(*/+) China : ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน เป็นประธานการประชุมร่วมกับบรรดาผู้นำ หลักคือ Jack Ma ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Alibaba โดยมีเป้าหมายที่จะสนับสนุนการเติบโตของภาคเอกชน โดยรวมเป็นปัจจัยหนุนหุ้น Tech จีน กลุ่ม AI พุ่งขึ้น อาทิ China United Network +8%, หุ้น Digital China Group +3.7%, Alibaba +4.34% โดยรวมเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้น Chiba play และ DR, DRx ที่อิงหุ้นจีน อาทิ BABA80 , XIAOMI80

(*) US Bond Yields & Dollar : Bond yield สหรัฐ ไม่มีการเคลื่อนไหวเนื่องจากวัน Washington 's Birthday ส่วน Dollar Index แกว่งตัวอ่อนค่าบริเวณที่ 106.5 จุด

(*) To monitor : ฝั่งสหรัฐ 19 ก.พ. ยอดบ้านเริ่มสร้าง ม.ค. 25 ตลาดคาด 1.39 ล้านหลัง -7.0%m-m 21 ก.พ. ยอดขายบ้านมือ 2 ตลาดคาด 4.1 ล้านหลัง -3.3%m-m 21 ก.พ. ติดตาม Flash PMI ภาคผลิตและบริการ ก.พ. 25 ไม่มีคาด vs prev. 51.2 และ 52.9 จุด 20 ก.พ. รายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ รอบ ม.ค. 25 ฝั่งยุโรป 21 ก.พ. ติดตาม Flash PMI ภาคผลิตและบริการ ก.พ. 25 ไม่มีคาด vs prev. 46.6 และ 51.3 จุด ฝั่งญี่ปุ่น 21 ก.พ. ติดตามเงินเฟ้อ CPI ก.พ. 25 ตลาดคาด 4%y-y vs prev. 3.6%

(*/+)Oil : น้ำมันดิบปรับขึ้นเล้กน้อย Brent +0.71%d-d ปิดที่ USD 75.27/barrel น้ำมันดิบ West Texas +0.92%d-d ปิดที่ USD 71.39/barrel โดยรวมระยะสั้นเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นพลังงานต้นน้ำ อาทิ PTT, PTTEP

(-) Coal Price : ราคาถ่านหินล่วงหน้า Newcastle -1.25%d-d, -17.8%ytd ปิดที่ USD 106.75/ตัน ระดับต่ําสุดในรอบเกือบ 4 ปีเนื่องจากปัญหา Over supply ล่าสุด จีนประกาศว่าผลผลิตถ่านหินจะขยายตัว 1.5% เป็น 4.82 พันล้านตันในปี 2025 มองเป็นจิตวิทยาลบต่อหุ้นถ่านหิน อาทิ BANPU, LANNA ยังแนะนำชะลอลงทุน

 

 

What happened in Thailand?

(*/+) SET Index : SET Index เปิดโดดลง ก่อนฟื้นตัวปิดตลาด -15.6จุด -1.23% ปิดที่ระดับ 1,256.4 จุด มูลค่าการซื้อขายที่ 5.63 หมื่นล้านบาท แรงกดดันมาจาก DELTA AOT และ สภาพัฒน์รายงาน GDP Growth ไทย 4Q24 ต่ำคาด ฯลฯ กลุ่มที่หนุนดัชนี คือ กลุ่มธนาคาร (KBANK, SCB) ประเมินเป็นการย้ายเม็ดเงินออกจากหุ้น Big Cap รายบริษัทที่เผชิญปัจจัยลบเฉพาะตัว กลุ่มค้าปลีก (CPAXT) เป็นหุ้นค้าปลีกที่อยู่ในโซนลงทุน ขณะที่ Overhang กรณีอาจต้องไปมีส่วนร่วมกับดีล Seven & I Holdings ชัดเจน หลังบริษัทประกาศว่าจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง กลุ่มที่ปรับลงกดดัชนีคือ กลุ่มชิ้นส่วน (DELTA, CCET) ปัจจัยลบ DELTA รายงานผลประกอบการ 4Q24 น่าผิดหวัง ขณะที่เดิมหุ้นอยู่ในจุดที่มี Valuation แพงความคาดหวังสูง ทำให้ปรับฐานรุนแรง กลุ่มขนส่ง (AOT) แรงกดดันต่อเนื่องจากการปรับลดมูลค่าหุ้นและคำแนะนำของ Consensus บางส่วนจากกรณีหุ้นปรับลงผิดหวังงบ 1Q25 ต่ำคาด และงาน Analyst meeting โทนเป็นลบ รายได้จากส่วนแบ่งผลประโยชน์มี downside เนื่องลูกค้าบางรายเริ่มมีปัญหาสภาพคล่อง

(+) Flows: เงินทุนต่างชาติวันทำการล่าสุด เงินไหลออก ซื้อหุ้น +137.5 ล้านเหรียญฯ ซื้อพันธบัตร+43.6 ล้านเหรียญฯ TFEX Net Short -23,395 สัญญา เงินบาทแข็งค่าทรงตัวที่ราว 33.7+/- บาท

(*/-) TH 4Q24 GDP: GDP Growth ไทย งวด 4Q24 +3.2%y-y ต่ำกว่าตลาดคาดที่ +3.8%y-y แต่เร่งขึ้นจาก 3Q24 ที่ +3.0%y-y โดยรวมทำให้ GDP Growth ไทยทั้งปี 2024 +2.5%y-y เร่งขึ้นจาก 1.9% ในปี 2023 แต่ต่ำกว่าที่ Krungsri Research คาดที่ 2.7% ทั้งนี้ องค์ประกอบหลักๆ ที่กดดันมาจากการลงทุนภาคเอกชนที่ยังติดลบ -2.1%y-y vs prev. -2.5% การใช้จ่ายภาครัฐฯที่ชะลอลงเหลือ +5.4%y-y vs prev. +6.1%y-y อย่างไรก็ดี จุดที่ยังขยายตัวได้ดี คือ การบริโภคภาคเอกชน +3.4%y-y เพิ่มจาก prev. +3.3% การส่งออกภาคบริการ (ท่องเที่ยว) +22.9%y-y vs prev. +22.3%y-y

ส่วนปี 2025F สภาพัฒน์ฯ คงคาดการณ์ GDP 2025 ที่ 2.3-3.3% โดยปรับเพิ่มคาดการบริโภค+ลงทุนภาคเอกชน ทั้งนี้ แม้ยังมองภาคบริโภคเอกชนขยายตัวช้าลง แต่ยังมีความต่อเนื่อง, การลงทุนเอกชนจะเร่งขึ้นจากปี 2024 ส่วนจุดที่ปรับลดคาดการณ์การใช้จ่าย+ลงทุนภาครัฐฯ ลงจากเดิม โดยมองภาพเติบโต y-y ช้าลง ทั้งนี้ คาดการณ์ดังกล่าวอยู่บนสมมติฐานว่าไทยจะไม่โดนเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติมจากสหรัฐฯ แปลว่าการคาดการณ์อาจมี Downside Risk ต่อภาคส่งออก หากสหรัฐฯใช้มาตรการภาษีกำลังพิจารณาในส่วนภาษีเท่าเทียมกับไทย ในขณะที่เงินเฟ้อยังอยู่ใกล้เคียงขอบล่างของเป้าหมาย 1-3% ของ ธปท. ภาพเช่นนี้น่าจะเปิดโอกาสให้คณะกรรมการนโยบายการเงินลดดอกเบี้ยนโยบายลง 25 bp สู่ระดับ 2% ในการประชุม 26 ก.พ. ตามที่ Krungsri Research คาด

KSS ประเมินจุดที่ยังเด่นและขับเคลื่อน GDP ไทยปี 2024 และปี 2025F อยู่ที่การบริโภคเอกชน + ท่องเที่ยว ผสาน การลงทุนภาคเอกชน เชิงกลยุทธ์บวกต่อหุ้นอิงภาคส่วนดังกล่าว ธนาคาร เน้น KBANK, SCB ค้าปลีก เน้น CPAXT, CPALL ท่องเที่ยว เน้น MINT, ERW ส่วน Downside การปรับลดดอกเบี้ย BOT ที่มีโอกาสเกิดสูงขึ้น บวกต่อหุ้นได้ประโยชน์ Yield ลง อาทิ โรงไฟฟ้า เน้น GULF GPSC เช่าซื้อ เน้น MTC JMT High Yield เน้น ADVANC หนี้สูง เน้น TRUE

(*/+) Entertainment Complex: เว็บไซต์ ระบบกลางทางกฎหมาย ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นร่าง พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... หรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพลกซ์ (Entertainment Complex) ซึ่งผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา วาระที่ 1 เพื่อรับฟังความเห็นประชาชน 15 ก.พ. – 1 มี.ค. 25 จุดน่าสนใจ มี 2 ส่วน คือ 1.) กำหนดพื้นที่คาสิโน่ในสถานบันเทิงครบวงจรไม่เกินกว่า 10% ของทั้งหมด 2.) ผู้มีสัญชาติไทย ซึ่งจะเข้าไปในกาสิโน ต้องมีมีเงินฝากในบัญชีเงินฝากประจำไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาทต่อเนื่องกันไม่น้อยกว่า 6 เดือน เราเชื่อว่ากรอบการกำกับดูแลคนไทยน่าจะช่วยลดทอนกระแสต่อต้าน และมีโอกาสเพิ่มขึ้นที่โครงการดังกล่าวจะเดินหน้าได้ บวกต่อหุ้นในธีม Entertainment Complex อาทิ BA, BTS, VGI, MBK

(*) TH Tourism: อิงรายงานสำนักตรวจคนเข้าเมืองล่าสุด 16 ก.พ. พบว่า นักท่องเที่ยวอยู่ที่ราว 1.05 แสนคน ทำให้ YTD ถึง 16 ก.พ. นักท่องเที่ยวอยู่ที่ 5.58 ล้านคน หากตัดนักท่องเที่ยว ม.ค. 25 ออก พบว่านักท่องเที่ยว 1-16 ก.พ. อยู่ที่ 1.88 ล้านคน หรือราว 1.17 แสนคนต่อวัน ชะลอลงช่วงต้นเดือน ก..พ. ทำให้ต่ำกว่ายอดนักท่องเที่ยวต่อวัน Pre-COVID ก.พ. 19 ราว -8.6% ขณะที่เติบโตเพียง +1.6%y-y ระยะสั้นจิตวิทยาลบต่อหุ้นท่องเที่ยว กลยุทธ์ รอตั้งรับ เน้น MINT BA ที่มีกระแสบวกการท่องเที่ยวเฉพาะจุดเกาะสมุยเด่นจากกระแสซีรี่ส์ "The White Lotus" ที่หนุนยอดจองโรงแรม+เดินทางมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

(*) To monitor: สัปดาห์นี้ปัจจัยภายในติดตาม

1.) วันนี้ (18 ก.พ.) ติดตามการประชุม ครม. จับตากระแส ครม. เตรียมพิจารณามาตรการที่ช่วยลดผลกระทบสงครามการค้าสหรัฐฯ เช่น การนำเข้าสินค้าสหรัฐฯเพิ่มชดเชย และรายงานนักท่องเที่ยวรายสัปดาห์

1.) รายงานกำไร Real Sector 17 ก.พ. TU, STA 18 ก.พ. MTC* 19 ก.พ. SPRC, BBIK* 20 ก.พ. BCP, PTT, BCPG* 21 ก.พ. WHA (* = หุ้นที่คาดรายงานกำไรออกมาดี)

2.) 21-26 ก.พ. รายงานส่งออก - นำเข้า ม.ค. 25 ยังไม่มีคาด vs prev. +8.7%y-y, +14.9%y-y

 

Daily Strategy : CPALL, GPSC, BA

ระยะสั้น วันนี้มองตลาดหุ้นไทยวันนี้ "Rebound" การฟื้นตัวตลาดระหว่างวันวานนี้ที่มีความกระจายตัวของหุ้นเพิ่มขึ้น ผสาน การซื้อหุ้นต่างชาติมากสุดตั้งแต่ 6 ก.ย. 24 คาดว่าจะหนุนโมเมนตัมการฟื้นตัวของตลาดวันนี้ได้ต่อ โดยมองหุ้นเด่น 1.) ฝั่ง 7 Value (CPALL, BDMS, MINT, BH, GPSC, SCGP, HMPRO) ที่ส่วนใหญ่อยู่ในโซนฐาน ผสาน 2.) หุ้น Domestic ที่เกาะภาพสภาพัฒน์คงคาด GDP ปี 2025 ที่ 2.3-3.3% ประเมินแรงขับเคลื่อนภาคเอกชนในปี 2025F ดีขึ้นกว่าเดิม ช่วยชดเชยผลกระทบ GDP งวด 4Q24 ต่ำคาด ในกลุ่มธนาคาร ค้าปลีก ท่องเที่ยว (กระแส The White Lotus + โอกาส Entertainment Complex เดินหน้า)

 

หุ้นในธีมประเทศไทยกำลังเดินหน้าสู่การเป็นหนึ่งในศูนย์กลาง Infrastructure Technology ของภูมิภาค (WHA, GULF, GPSC, STPI, DELTA ADVANC, TRUE, INSET, BE8, BBIK)
หุ้นในธีม Trump 2.0 (AMATA, WHA, PTT, PTTEP, CPF, SCB, KBANK, KTB, BJC, HMPRO, ADVANC, GULF, GPSC)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มไวขึ้นของรัฐบาลใหม่ ผสาน ท่องเที่ยว การผลักดัน Entertainment Complex คาดเป็นนโยบายหลัก หนุน บริโภค ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. (BTS, VGI, BJC, ERW, BA, MBK)
กลุ่มได้ประโยชน์จีนกระตุ้นเศรษฐกิจ (IVL, AOT, AU, PTTGC, SCC, CPALL, BJC)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงต่อในปี 2025 (GULF, BA, AAV, MTC, AEONTS, TRUE, CPALL, BJC)
กลุ่ม Value ที่คาดมีโอกาสซื้อหุ้นคืน (PTT , SCB , KBANK , KTB , BBL , BCP)
7 หุ้นที่อยู่ในโซนลงทุนกลาง-ยาว (CPALL, BDMS, MINT, BH, GPSC, SCGP, HMPRO)

• FEB25 Best Picks: ADVANC, AMATA, BA, BTS, ERW, KBANK, TTB

• 2025F Stock Picks : ADVANC, AWC, BJC, BTS, CPALL, HMPRO, IVL, KBANK, KTB, TRUE Mid-Small Cap Play : INSET, JMT, MALEE, MOSHI

 


Tactical & Investment Idea

 

Research Highlight

 


Strategy Update: ทีมกลยุทธ์ออกรายงาน SET UPDATE: เข้าสู่จุด Deep Value เชิงพื้นฐาน แนะนำ 7 หุ้นมูลค่าเพื่อการลงทุนระยะยาว แนะนำ CPALL, BDMS, MINT, BH, GPSC, SCGP, HMPRO

Key Ideas: SET ปรับตัวลงแรง -9.86%ytd และอยู่ใน "Value Zone" ดังที่เคยกล่าวในช่วงก่อนหน้า ว่า SET มี Current Equity Risk Premium อยู่ที่ 4.56% สูงกว่า AVG + 1.5 S.D. (4.53%) ที่เป็นจุดกลับตัวตลาดในรอบ 10ปีที่ผ่านมา แต่เพื่อความเด่นชัด ในมิติอื่นๆ ทีมกลยุทธ์ KSS จึงตรวจสอบค่าที่สะท้อนภาวะ "Value Market" ในมิติอื่นๆ อีก 4มิติ พบว่า ตลาดหุ้นไทย ควรค่าแก่การลงทุนระยะยาว และเป็น Deep Value Zone อย่างแท้จริง

1.) Trailing PER หลังปี 2011 ของ SET จะมีจุดกลับตัว Ex Crisis ที่ Z-Score -0.42 vs ปัจจุบัน -0.37 "สะท้อนว่าค่อนข้าง Value"

 

2.) PBV หลังปี 2011 ของ SET จะมีจุดกลับตัว Ex Crisis ที่ Z-Score -0.86 vs ปัจจุบัน -1.97 "Deep Value" มาก

 

3.) Invert Dividend Yield หลังปี 2011 ของ SET จะมีจุดกลับตัว Ex Crisis ที่ Z-Score -1.01 vs ปัจจุบัน -1.58 "Deep Value" มาก

 

4.) GDP ที่ตลาดคาดการณ์ ในปีนั้นๆ ณ จุดกลับตัวหลังปี 2011 Ex Crisis เฉลี่ย 2.36% vs ปัจจุบัน 3% สะท้อนภาพตลาดยังมองการเติบโต ขณะที่ Outlook ปัจจุบันไทย เราเริ่มเห็นแนวทางการสร้าง S Curve ใหม่ๆ

เราประเมินผลกระทบรอบนี้ เกิดจาก แรงขาย Panic Sell จากการปรับลดน้ำหนัก DELTA และแรงขายกองทุน LTF ขณะที่ระดับ SET ตั้งแต่ต่ำกว่า 1300 จุด เริ่มเห็นเม็ดเงินใหม่ที่มีโอกาสเข้ามา เรามองแนวโน้มตลาด: ช่วงสร้างฐาน (Consolidation Phase) : ระดับแนวรับเชิงพื้นฐานที่กรอบ 1270-1250จุด ขณะที่แนวรับเชิงโครงสร้างเทคนิคระยะยาวของรายเดือนจากฐานปี 2008 สู่ปัจจุบัน อยู่ใกล้เคียงกันที่ 1225 จุด ซึ่งเป็นโซนเหมาะสม สำหรับ Domestic Long Term Fund ที่จะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนหุ้นไทย หรือ นักลงทุนที่ต้องการการออมในระยะยาว

Strategy : KSS คัดเลือกหุ้นพื้นฐานดีที่มีคุณสมบัติเป็นหุ้น Value ด้วยเงื่อนไขใกล้เคียง SET และธุรกิจมีความสามารถในการแข่งขันสูงทั้งภายในภายนอก และพร้อมเติบโตในอีก 3ปีข้างหน้า ใน "Theme 7 Value Stocks" ดังนี้ CPALL, BDMS, MINT, BH, GPSC, SCGP, HMPRO

Strategist Comment: Deepseek

กระแสข่าว AI Application จากประเทศจีน "Deepseek" ที่ทำงานได้ใกล้เคียงผู้นำตลาด โดยไม่จำเป็นต้องใช้ชิปประมวลผลสูง ทำให้ต้นทุนพัฒนาต่ำกว่า

โดยรวมประเมินนำมาสู่โอกาสเห็นภาพ AI Adoption ทั่วโลกเร่งขึ้น แต่สร้างความเสี่ยงหุ้น Semiconductor โลกที่จำหน่ายชิปประมวลผลระดับสูงที่อาจมีผลกระทบต่อยอดขาย จึงน่าจะเป็นจิตวิทยาลบต่อหุ้นใน 1.) กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ไทย ให้เกิดภาพชะลอลงทุนระยะสั้น อย่างไรก็ตาม KSS ประเมินผลกระทบจำกัด เพราะบริษัทชิ้นส่วนไทยไม่ได้มีสินค้าหรือรายได้ชิปประมวลผลสูง อาทิ กรณี DELTA เน้นจำหน่าย Power Supply ส่วนอีกกลุ่มที่อาจจะเห็นการชะลอลงทุน คือ 2.) กลุ่มโรงไฟฟ้า อาจจะมีความกังวลการใช้ไฟฟ้าต่ำลงตามรูปแบบชิปประมวลผลสูงลดลง อย่างไรก็ตาม ภาพบวกที่ AI Adoption จะเพิ่มขึ้นหนุนความต้องการโรงไฟฟ้ารวมถึงอุปกรณ์ Power Supply ในท้ายที่สุดอยู่ดี กลยุทธ์รอตั้งรับเมื่อหุ้นอ่อนตัวรับความกังวล

ขณะที่กลุ่มคาดได้ประโยชน์จากกรณีดังกล่าว คือ กลุ่มที่ผู้ใช้งาน AI ที่มีทางเลือกมากขึ้น ต้นทุนลดลง คาดนำมาสู่ปริมาณการใช้ข้อมูลในโครงข่ายโทรคมนาคมเพิ่มขึ้นก้าวกระโดด ในส่วนกลุ่มสื่อสาร เน้น ADVANC และกลุ่ม Digital Tech Consult ที่ปริมาณงานที่ปรึกษาดิจิตอลจะเพิ่มขึ้นตาม AI Adoption เน้น BE8, BBIK

Strategy Update: MSCI Rebalance

MSCI ประกาศรายชื่อหุ้นที่ใช้ในดัชนีรอบใหม่แล้ว ซึ่งจะปรับน้ำหนักราคาปิด 28 กพ 2025 มีประเด็นสำคัญของไทยดังนี้

 

MSCI Thailand ถูกลดน้ำหนักจาก 1.3% เหลือ 1.28% คิดเป็น Net Outflows ราวๆ -100ล้านเหรียญฯ

 

โดยดัชนี MSCI Global Standard Index หุ้นไทยเข้า/ออก ได้แก่

หุ้นเข้า : ไม่มี

หุ้นออก : PTTGC(-60ล้านเหรียญฯ), TOP(-50ล้านเหรียญฯ)

 

ส่วน MSCI Global Small cap Index หุ้นไทยเข้า/ออก ได้แก่

หุ้นเข้า 4 หุ้น : GPSC, PTTGC, SCGP, TOP

หุ้นออก 11 หุ้น : BSRC, TIPH, DCC, ERW, GFPT, KAMART, PSH, PSG, SAPPE, STECON, THG

 

การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะมีผลที่ราคาปิดวันที่ 28 ก.พ. นี้

 

กลยุทธ์ : ระยะสั้นให้ระวังความผันผวนของ PTTGC, TOP ที่ถูกถอดออกจาก MSCI Global Standard Index กลยุทธ์ ระยะสั้นเลี่ยงลงทุนหุ้นที่ถูกถอดออกจากดัชนี

Strategy Update : Dividend Plays 2H24

ช่วงปลายเดือน ก.พ. - พ.ค. 2025 จะเข้าสู่เทศกาลจ่ายปันผลประจำปี 2024 ของบริษัทจดทะเบียน ทีมกลยุทธ์ KSS จึงได้รวบรวมหุ้นที่คาดจะจ่ายปันผลช่วง 2024F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลครั้งเดียว) หรือ 2H24F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้ง) จากคาดการณ์ของ KSS และ Consensus เพื่อนำมาคัดสรรหุ้นปันผลสูง (High Dividend) คือ Dividend Yield มากกว่า 3.5% สำหรับกลยุทธ์การลงทุนระยะ 1 - 2 เดือนแรกของปี ใน "Theme Dividend Play"

Key Ideas : KSS มีมุมมองบวกต่อการลงทุนในหุ้นปันผลในช่วงต้นปีเนื่องจาก

o KSS ได้ทำการศึกษาสถิติผลตอบแทนหุ้นปันผล(SETHD) ย้อนหลัง 10 ปี พบว่า SETHD ในช่วงเดือน ม.ค. – ก.พ. ของทุกปี ผลตอบแทนมักเป็นบวก เดือน ม.ค. ผลตอบแทนบวก 6 ใน 10 ปี เฉลี่ย +0.7%, เดือน ก.พ. บวก 7 ใน 10 ปี ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย +0.67%

o SETHD ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของทุกปี (งวด 1Q) ผลตอบแทนเป็นบวก 7 ใน 10 ปี เฉลี่ย +0.85%)

กลยุทธ์ : ในเชิงกลยุทธ์ KSS แนะนำซื้อหุ้นปันผลสูงก่อนที่จะขึ้นเครื่องหมาย XD 2 สัปดาห์แล้วขายวันที่ขึ้นเครื่องหมาย XD (dividend capture) มักจะให้ผลตอบแทนที่ดี ทีมกลยุทธ์ KSS ได้ทำการคัดกรองหุ้นปันผลเด่น ภายใต้เงื่อนไข 2 ข้อ คือ

1.) เป็นหุ้นที่จะจ่ายเงินปันผล ช่วง 2024F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลครั้งเดียว) หรือ 2H24F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้ง)

2.) เป็นหุ้นพื้นฐานที่มีแนวโน้มการเติบโต/กระแสเงินสดมั่นคง /อยู่ใน Theme การลงทุนหลักของ KSS ปี 2025 อาทิ Theme เศรษฐกิจไทยปี 2025F เติบโต อาทิ กลุ่มธนาคาร หรือ อยู่ในอุตสาหกรรม Up Cycle อาทิ Sector ICT หรือ หุ้นที่อยู่ในกลุ่มได้ประโยชน์จากทิศทางดอกเบี้ยขาลง อาทิ กลุ่มอสังหา กลุ่มการเงิน ฯลฯ โดยเรียงตามอัตราตอบแทนเงินปันผลจากสูงไปต่ำ

พบว่ามีหุ้นที่คาดจะจ่ายปันผลเด่น 9 บริษัท คือ

หุ้น Big Cap ได้แก่ SCB (TP Max Con 135.0, Yield 2H24F 8.6%), TTB (TP25-2.2,Yield 2H24F 7.2%) HMPRO (TP25-13.5,Yield 2H24F 4.3%) INTUCH (TP25-108,Yield 2H24F 4.2%), ADVANC (TP25-305, Yield 2H24F 3.7%),
หุ้น Mid Cap ได้แก่ AP (TP25-11.8., Yield 2H24F 7.65%), TISCO (TP25-97.0, Yield 2H24F 5.84%), SC (TP25-3.2, Yield 2H24F 5.52%), JMT (TP25-22.8, Yield 2H24F 2.3%),

หุ้นปันผลสูงครึ่งหลังปี 2024 ADVANC, INTUCH, SCB, TTB, HMPRO,JMT AP, SC, TISCO

โดยทีมกลยุทธ์ KSS ได้ทำการศึกษาสถิติหุ้นปันผลเด่น 9 บริษัทดังกล่าวข้างต้น ย้อนหลัง 8 ปี พบว่าหากลงทุนซื้อหุ้นก่อน 2 สัปดาห์และขายวันที่ขึ้น XD พบว่า ผลตอบแทนเป็นบวก โดยหุ้นที่ให้ Return มากที่สุด คือ JMT +5.36%, TTB +4.16%, ADVANC +3.05%, ส่วน SCB, HMPRO, INTUCH, AP, SC, TISCO ผลตอบแทน (Capital Gain) เฉลี่ยอยู่ราว 1% เท่ากับว่า การลงทุนหุ้นกลุ่ม High Dividend ในช่วงเวลาดังกล่าว หลาย ๆ ครั้งนักลงทุนจะมักจะได้รับเงินปันผลฟรี

 

• GPSC (Buy, TP25F-34): GPSC's 4Q24 earnings significantly beat expectations, with net profit surging 109% yoy and 30% qoq to Bt1b, and core profit reaching Bt1.4b. This was stemmed from higher-than-expected revenue, other income, and share of profits. FY24 results also exceeded expectations, with net profit reaching Bt4b and core profit hitting Bt6.1b. Revenue growth was primarily driven by GHECO-One, while other income was boosted by insurance compensation. We maintain our 2025-26F earnings forecast with an unchanged TP of Bt34.00. Buy reiterated.

• PTTGC (Buy, TP25F-28): ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น Buy ที่ TP25F = 28.0 บาท/หุ้น มอง PTTGC เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการปิโตรเคมีที่อยู่รอดรับวงจรฟื้นตัวในระยะยาว โดย EBITDA เป็นบวกใน 4Q24 แม้ปิโตรเคมี oversupply หนัก และมีต้นทุนสูงขึ้นจากปัจจัยฤดูกาล รวมถึงโรงกลั่นปิดซ่อมนอกแผน คาด 1Q25F-2025F จะฟื้นตัว ได้ feed gas (ต้นทุนต่ำกว่า naphtha) ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการทยอยปิดตัวของโรงผลิตต้นทุนสูงทั่วโลกส่งให้ supply ตึงตัวขึ้นหนุนการฟื้นของ spread หลักอย่างสาย PE คาด EBITDA 2025-26F เพียงพอรองรับ CAPEX รวมถึงดอกเบี้ยจ่าย (รวมราว 3 หมื่นลบ./ปี ใน 2025-26F)

• DELTA (Reduce, TP25F-74): The impact of GMT and a higher royalty fee to its parent company lead us to cut DELTA's earnings forecast on 2025 by 22% to Bt18.7b (+4% yoy). Maintain our REDUCE call with the new TP of Bt74. The minimal growth for 2025 at only 4% is not justify with its current P/E of 55x. DELTA also has a downside risk from legal dispute that would hurt its cost for at least one more quarter.

• BE8 (Buy, TP25F-20): We expect core earnings in 4Q24F of BE8 should continue to improve to Bt54m (+11% yoy, +23% qoq) thanks to its seasonality. However, they may have to recognize a Bt10m loss from FX. For 2025, we still have a positive view on the industry trend that should entering the recovery stage. Thus, we maintain our BUY call on BE8 with the same TP of Bt20.

 

 

2025F Equity Outlook : Resilient Domestic Escort amid Market Volatility

Stock Best Picks : ADVANC, AWC, BJC, BTS, CPALL, HMPRO, IVL, KBANK, KTB, TRUE

Mid-Small Cap Play : INSET, JMT, MALEE, MOSHI

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ปลุกหุ้นใหญ่ By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ตลาดหุ้นไทย สูตรเดิม มักใช้ได้เสมอ ใช้หุ้นDELTA นำ ตามด้วย .....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้