สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(17 กุมภาพันธ์ 2568)--------บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) ของบริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) (AEONTS) ที่ ‘A-(tha)’ โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ พร้อมกันนี้ฟิทช์ยังได้คงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ 'F2(tha)' และ อันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของบริษัทที่ ‘A-(tha)’
ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
เครือข่ายธุรกิจภายในประเทศหนุนอันดับเครดิต: อันดับเครดิตของ อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) (AEONTS) พิจารณาจากโครงสร้างเครดิตของตัวบริษัทเอง จากการที่บริษัทเป็นหนึ่งในสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร ที่ดำเนินธุรกิจสินเชื่อเพื่ออุปโภคและบริโภคที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย บริษัทมีเครือข่ายธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลมาอย่างยาวนานในประเทศไทย ซึ่งมีส่วนช่วยให้บริษัทสามารถรักษาผลประกอบการที่ดีได้ ท่ามกลางภาวะอุตสาหกรรมมีความเปราะบาง
สภาพแวดล้อมในการดำเนินงานที่ยังคงซบเซา: สภาพแวดล้อมในการดำเนินงานยังคงซบเซาและอาจจำกัดโอกาสในการเติบโตของกลุ่มธุรกิจสถาบันการเงิน ฟิทช์คาดว่าเศรษฐกิจของประเทศไทย (GDP) จะเติบโตที่ 3.1% ในปี 2568 และ 2.9% ในปี 2569 (2567: 2.6%) ซึ่งยังคงอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ (Emerging market) นอกจากนี้ หน่วยงานที่กำกับดูแลกิจการ ยังมีความกังวลเกี่ยวกับระดับหนี้สินครัวเรือนของประเทศที่ยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 89% ของ GDP ณ สิ้นเดือน กันยายน 2567 ซึ่งอาจกดดันคุณภาพสินทรัพย์ได้ หากการเติบโตของเศรษฐกิจต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้และรายได้ของผู้บริโภคลดลง
ฐานะทางการตลาดที่แข็งแกร่ง: AEONTS มีเครือข่ายธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกันที่แข็งแกร่งในประเทศไทย โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ประมาณ 8-9% บริษัทมีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับมาอย่างยาวนาน ซึ่งช่วยสนับสนุนความสามารถในการรักษาเครือข่ายธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทและสนับสนุนให้บริษัทสามารถรักษาความสามารถในการทำกำไรได้ตลอดวัฏจักรธุรกิจ AEONTS เป็นส่วนนึงของกลุ่ม AEON ในประเทศญี่ปุ่น และได้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญในด้านสินเชื่ออุปโภคบริโภคส่วนบุคคล ทั้งนี้อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงการพึ่งพาธุรกิจสินเชื่อเพื่อรายย่อย และการแข่งขันที่สูงในอุตสาหกรรมดังกล่าว
ยังคงมีความท้าทายด้านคุณภาพสินทรัพย์: อัตราส่วนทางการเงินด้านคุณภาพสินทรัพย์ของ AEONTS มีการปรับตัวด้อยลงพอสมควร ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวมยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 5.9% ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2567 ฟิทช์คาดว่าโอกาสที่คุณภาพสินทรัพย์จะปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญที่ค่อนข้างจำกัด แต่อย่างไรก็ตาม นโยบายการตั้งสำรองที่สม่ำเสมอของ AEONTS น่าจะช่วยรองรับความเสี่ยงของสินเชื่อด้อยคุณภาพที่อาจเพิ่มขึ้นได้
ความสามารถในการทำกำไรที่ได้รับการสนับสนุนจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (Margin) ที่แข็งแกร่ง: บริษัทยังคงต้องเผชิญกับแรงกดดันต่อความสามารถในการทำกำไร จากค่าใช้ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นที่ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการลดลงของยอดสินเชื่อในระยะ 18 เดือนที่ผ่านมา ทั้งนี้อัตรากำไรก่อนภาษีต่อสินทรัพย์เฉลี่ยของบริษัทได้ปรับตัวลดลงเป็น 3.8% ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2567 (ณ สิ้นเดือน กุมภาพันธ์ 2567: 4.4%) อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงมีความสามารถในการทำกำไรที่มีเสถียรภาพเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน และฟิทช์คาดว่าโอกาสในการทำกำไรน่าจะเริ่มทรงตัว หรือปรับตัวดีขึ้นได้ในระยะสั้น จากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่ดีขึ้น จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง
ฐานะเงินทุนที่เพียงพอรองรับความเสี่ยง: บริษัทยังคงมีเงินกองทุนอยู่ในระดับที่เพียงพอเมื่อเทียบกับความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์และความสามารถในการหารายได้ อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่จับต้องได้ (debt/tangible equity) ของ AEONTS มีการปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 2.6 เท่า ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2567 ซึ่งปรับตัวดีขึ้นอย่างมากจาก 4.3 เท่า ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2564
มีแหล่งเงินทุนจากตลาดทุนที่หลากหลาย: ฟิทช์เชื่อว่าแหล่งเงินทุนของ AEONTS มีความหลากหลายเมื่อเทียบกับสถาบันการเงินอื่นที่ไม่ใช่ธนาคาร AEONTS มีความสัมพันธ์ที่ดีและยาวนานกับทั้งธนาคารไทยและธนาคารต่างประเทศ ซึ่งฟิทช์คาดว่าจะยังคงดำเนินต่อไป นอกจากนี้บริษัทยังได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในตลาดตราสารหนี้ในประเทศอีกด้วย
ปัจจัยที่อาจส่งผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
อันดับเครดิตของบริษัทอาจถูกปรับลดอันดับลงได้ หากอัตราส่วนทางการเงินของบริษัทในด้านคุณภาพสินทรัพย์ปรับตัวแย่ลงต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลให้ความสามารถในการรองรับความเสี่ยงปรับตัวด้อยลง ตัวอย่างเช่น การมีอัตราส่วนสำรองหนี้สูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพที่ต่ำกว่า 100% (ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2567 อยู่ที่ 153%) มีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่จับต้องได้ที่สูงกว่า 4 เท่า และอัตรากำไรก่อนภาษีต่อสินทรัพย์เฉลี่ยที่น้อยกว่า 2% นอกจากนี้การปรับตัวด้อยลงอย่างมากของผลประกอบการยังอาจนำไปสู่การทบทวนการพิจารณามุมมองต่อโครงสร้างธุรกิจและโครงสร้างความเสี่ยงของบริษัท ซึ่งอาจส่งผลกระทบในเชิงลบต่ออันดับเครดิตของบริษัทได้ ทั้งนี้การพิจารณาอันดับเครดิต ยังพิจารณาเปรียบเทียบกับบริษัทอื่นที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศโดยฟิทช์ อีกด้วย
อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของบริษัทอาจถูกปรับลดอันดับได้ หากอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของบริษัทถูกปรับลดอันดับเครดิตลงมาที่ BBB(tha) หรือ ต่ำกว่า
ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต (ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)
อันดับเครดิตอาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับได้ หากฟิทช์ประเมินว่าบริษัทสามารถรักษาผลประกอบการให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่งสม่ำเสมอได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งบ่งชี้ได้จากการที่บริษัทมีโครงสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่งต่อเนื่อง ในขณะที่ยังรักษาระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ โดยอาจบ่งชี้ได้จากการที่บริษัทมีอัตราสินเชื่อด้อยคุณภาพที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องมาอยู่ในระดับเดียวกันกับช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด ประกอบกับการมีอัตราส่วนกำไรก่อนหักภาษีต่อสินทรัพย์เฉลี่ยที่สูงกว่า 4% อย่างต่อเนื่อง และการมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่จับต้องได้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 4 เท่า ซึ่งช่วยรักษาความสามารถในการรักษาฐานะเงินทุนและอยู่ในระดับที่เพียงพอจะรองรับความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ได้
หุ้นกู้และตราสารหนี้อื่น: ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของ AEONTS ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในระดับเดียวกับอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของบริษัท เนื่องจากหุ้นกู้ดังกล่าวเป็นภาระผูกพันที่ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกันของบริษัท
หุ้นกู้และตราสารหนี้อื่น: ปัจจัยที่อาจส่งผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
อันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของ AEONTS จะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเดียวกับการเปลี่ยนแปลงของอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของบริษัท
รายละเอียดของอันดับเครดิตมีดังต่อไปนี้:
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวคงอันดับที่ ‘A-(tha)’; “แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ”
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ ‘F2(tha)’
- อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกันคงอันดับที่ ‘A-(tha)’