Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เมย์แบงก์ : AT THE OPEN

433

 

AT THE OPEN (#ATO)
SET Index ถูกกดดันจากปัจจัยเฉพาะของหุ้นใหญ่
กลยุทธ์ Selective Buy หุ้นที่กำไรเติบโตดี


Market Strategy
SET Index คาดพักตัวมาที่ 1250/1260 จุด แรงกดดันหลักวันนี้มาจากปัจจัยเฉพาะตัวของหุ้น DELTA และ AOT กลยุทธ์วันนี้เลือกหุ้นกำไรเติบโตแข็งแกร่งสัปดาห์นี้ (Weekly Stock Pick) เลือก BA และหุ้นเด่นของวันนี้เลือก TRUE
แรงกดดันจากประเด็นเฉพาะตัวของ DELTA ที่รายงานผลประกอบการ 4Q67E ต่ำกว่าเราและตลาดคาด รวมถึง AOTจากความกังวลเรื่องการเลื่อนชำระผลตอบแทนของ KING Power จะเป็นปัจจัยที่สร้างกดดันต่อตลาดหุ้นในวันนี้ ซึ่งการปรับลงของ DELTA และ AOT ทุกๆ 1% จะกระทบต่อ SET Index 1.1 จุดและ 0.5 จุดตามลำดับ สำหรับคำแนะนำ DELTA ยังคงคำแนะนำขาย เนื่องจาก Valuation ที่แพงและมีความเสี่ยงที่จะถูกปรับลดประมาณการณ์ลง ด้าน AOT เราปรับคำแนะนำจากซื้อเป็นขายปรับลดราคาเป้าหมายเหลือ 42 บาท เพื่อสะท้อนความเสี่ยงต่อแรงกดดันกระแสเงินสดของ King Power

ตลท. เตรียมเสนอคลังในช่วง 2-3 สัปดาห์ข้างหน้าต่อมาตรการกระตุ้นตลาดระยะกลาง ผ่านโครงการ JUMP+ รวมถึงโครงการระยะสั้นสำหรับการฟื้น LTF ที่กำลังศึกษาและนำเสนอแนวทางย้ายมายังกอง TESG เรามองหากความชัดเจนยิ่งเร็วและจูงใจ จะลดแรงกดดันต่อแรงขาย LTF ได้อย่างมีนัยฯ ทั้งนี้เราประเมินหุ้นที่ได้ประโยชน์หากมีการโอนหน่วย LTF เป็น TESG ใหม่ คือ 1)หุ้นที่มีโอกาสถูกเพิ่มน้ำหนัก (Reweight) เมื่อเปลี่ยนจากกอง LTF ไปเป็น TESG ใหม่ BDMS SCC TRUE PR9 และ INTUCH 2) หุ้นที่มีการลงทุนเฉพาะในกอง TESG แต่ไม่มีในกองทุน LTF คือ JMART NER ACE และ III (รายละเอียดเพิ่มเติมติดตามรายละเอียดได้ในบทวิเคราะห์ Strategy Update “คาดหุ้นได้ประโยชน์โอนย้าย LTF ไป TESG” ฉบับวันนี้)

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาแกว่งทรงตัว +/-0.4% โดยมีการรายงานตัวเลขยอดค้าปลีกเดือน ม.ค. พลิกหดตัว -0.9%MoM ต่ำกว่า Consensus คาด -0.2%MoM ทำให้ตลาดปรับมุมมองการลดดอกเบี้ยฯของ FED มาที่ช่วง 2Q68 จากเดิม 3Q68 ลดแรงกดดัน U.S.Bond Yield 10 ปีปรับลง -5 bps Dollar Index อ่อนค่า -0.3% ลดแรงกดดัน Flow ไหลออก แต่เราเชื่อว่าตลาดยังอยู่ในช่วงปรับมุมมองดอกเบี้ยฯของ FED ไปมาตามรายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจและนโยบายการค้าสหรัฐฯ โดยสัปดาห์นี้จะมีการรายงาน FED Minutes วันที่ 20 ก.พ. และ PMI ภาคผลิตและบริการเดือน ก.พ. วันที่ 21 ก.พ.

 

Market Summary
SET Index ปรับลง 13 จุด แรงกดดันหลักมาจาก AOT -13.8% จากเลื่อนการชำระค่าผลประโยชน์ตอนแทนขั้นต่ำสำหรับเดือน ส.ค. 67-ก.พ.68 เป็นระยะเวลา 18 เดือน และสร้างความกังวลต่อหุ้นในกลุ่มธนาคารที่มี Exposure กับ King Power กดดัน SCB -3.6% ส่วนกลุ่มอื่นๆ ที่ปรับลงอิเล็คทรอนิกส์ DELTA -2.6% CCET -5% ด้านกลุ่มที่ปรับขึ้นแกร่งกว่าตลาดคือ กลุ่มพลังงานจากตามราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัวหลังสหรัฐฯเลื่อนเก็บภาษีเท่าเทียม SPRC+1.4% BCP+1.3% กลุ่มโรงไฟฟ้า BGRIM+4% GPSC +4% หลัง Bond Yield ปรับลง แรงขายหลักมาจากนักลงทุนสถาบันในประเทศ 4.7 พันล้านบาท


DAILY Stock Pick

TRUE
Earnings Momentum เด่นใน 4Q67 และต่อเนื่องไปในปี 68
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 13.90 บาท
เราคาดการณ์ว่ากำไรหลักใน 4Q67 จะอยู่ที่ 3.4 พันล้านบาท ซึ่งดีกว่าการขาดทุนหลักใน 4Q66 ที่ 1.0 พันล้านบาท และกำไรหลักใน 3Q67 ที่ 2.9 พันล้านบาท การเติบโตของกำไรที่ 17% QoQ มาจากการเติบโตของรายได้ 1.1% จากรายได้จากบริการมือถือ ซึ่งคิดเป็น 79% ของรายได้หลักจากบริการ คาดว่าจะเติบโต 1.2% QoQ เนื่องจากทั้งค่า ARPU และจำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ใช้งานใน 4Q67 ซึ่งเป็นฤดูกาลท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังได้ประโยชน์จากการลดลงของ SG&A และค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย
คาดว่า TRUE สามารถพลิกฟื้นจากภาวะขาดทุนสุทธิ 4.0 พันล้านบาทใน FY24E ไปสู่กำไรสุทธิรายไตรมาสที่ 700 ล้านบาทถึง 1 พันล้านบาทใน 1-2Q25E และ 4.5 พันล้านบาทถึง 5.0 พันล้านบาทใน 3-4Q25 และคาดว่าจะเริ่มจ่ายปันผลได้ในช่วง 2H68 ซึ่งเราคาดจะจ่ายปันผลที่ 0.16 บาทต่อหุ้น


WEEKLY Stock Pick
BA
กำไร 4Q67 Turnaround YoYและ Momentum 1Q68 ดีต่อ
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 28.50 บาท
เราคาดว่า BA จะมีกำไรปกติในไตรมาส 4Q67 ที่ 301 ล้านบาท แม้ลดลง -67% QoQ แต่มาจากปัจจัยทางฤดูกาลที่เป็นช่วง Low Season ของเกาะสมุย แต่ YoY พลิกจากขาดทุน 351 ล้านบาทใน 4Q66 จากรายได้ขยายตัว +11% YoY โดยแรงหนุนจากทั้งค่าโดยสารเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น 3%YoY และจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น 7%YoY อัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มขยายตัว YoY จากผลดีของ operating leverage และราคาน้ำมันที่ลดลง นอกจากนี้รายได้จากเงินลงทุนในบริษัทร่วม (equity income) คาดว่าจะขยายตัวแข็งแกร่ง YoY เป็น 195 ล้านบาท จากผลประกอบการที่โดดเด่นของธุรกิจขนส่งสินค้า
ผลการดำเนินงาน 1Q68 คาดโตดีต่อ QoQ และ YoY เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของเกาะสมุย หนุน Load Factor ของ BA ซึ่งเราคาดว่านักท่องเที่ยวขาเข้าสมุยจะเพิ่มขึ้น 15% YoY ด้าน Valuation ไม่แพงซื้อขายที่ PER68E 10.1 เท่า พร้อมปันผลปี 68 ที่สูงที่ระดับ 7.4% ต่อปี

KEY FACTOR
ในสัปดาห์นี้ปัจจัยต่างประเทศที่ผ่อนลง ซึ่งข้อมูลสำคัญในระหว่างสัปดาห์จะมีเพียงการรายงาน S&P Global PMI ของสหรัฐฯ และ รายงานการประชุม FOMC วันที่ 28-29 ม.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งน่าจะสะท้อนมุมมองที่ระมัดระวังมากขึ้นของ Fed โดยน่าจะให้น้ำหนักรอบด้านไปที่การดำเนินนโยบายของทรัมป์ ทั้งด้านการค้า และต่างประเทศ

ในขณะที่ปัจจัยในภูมิภาค จะมีการประชุมธนาคารกลางหลายแห่ง นำโดย ออสเตรเลีย (คาดว่าจะปรับลดดอกเบี้ย) อินโดนีเซีย (คาดว่าจะคงดอกเบี้ย) รวมถึงธนาคารกลางจีนที่น่าจะคงอัตราดอกเบี้ย LPR 1 ปี และ 5 ปี เพื่อรอดูความชัดเจนจากการดำเนินนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ในระยะถัดไปก่อน
ส่วนภายในประเทศ จะมีการรายงาน GDP 4Q67 (Consensus คาดว่าจะขยายตัว +3.8% YoY และ +0.5% QoQ) ซึ่งคาดว่าจะได้แรงหนุนจากภาคการส่งออก และการลงทุน ที่กลับมาฟื้นตัว บวกกับเป็นช่วงที่การรายงานงบฯ 4Q67 ที่จะเร่งตัว ทำให้ทิศทางตลาดน่าจะให้น้ำหนักกับปัจจัยเฉพาะตัวภายในประเทศมากขึ้น

EYES ON
[ในสัปดาห์] การรายงานงบฯ 4Q67
17 ก.พ. GDP 4Q7 ของไทย
19 ก.พ. รายงานการประชุม Fed
20 ก.พ. จีนกำหนดดอกเบี้ย LPR 1ปี และ 5 ปี
21 ก.พ. S&P Global PMI ภาคการผลิตและบริการ, HCOB PMI ภาคการผลิตและบริการของ Eurozone

 

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ปลุกหุ้นใหญ่ By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ตลาดหุ้นไทย สูตรเดิม มักใช้ได้เสมอ ใช้หุ้นDELTA นำ ตามด้วย .....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้