News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

14 ก.พ. 2568 09:00:30 369

Market Wrap-Up

SET วันที่ 13 ก.พ.68 ปิด +0.14 จุด อยู่ที่ 1,284.11 จุด มูลค่าการซื้อขาย 53,123 ลบ. สถาบันขาย 1,183 ลบ.ต่างชาติขาย 945 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 424 ลบ. และรายย่อยซื้อ 1,703 ลบ.NVDR มียอดซื้อสุทธิ 1,774 ลบ. โดยมียอดซื้อในหุ้น ADVANC,GULF,INTUCH,PTT,PTTGC และยอดขายหุ้น DELTA,HMPRO,BDMS,BH,CPN มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,946 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ HMPRO,TCAP,SAWAD โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 3,013 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 20,761 สัญญา นักลงทุนต่างชาติซื้อพันธบัตรจำนวน 3,013 ลบ.
ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.77%, S&P500 +1.04%, Nasdaq +1.50% ได้แรงหนุนจากกลุ่มวัสดุ +1.74%, สินค้าฟุ่มเฟือย +1.5% และเทคโนโลยี +1.42% หลัง ปธน.ทรัมป์ลงนาม ม.ภาษีศุลกากรตอบโต้ แต่ยังไม่ผลบังคับใช้ทันที โดยอยู่ตรวจสอบข้อมูล ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +1.09% ได้แรงหนุนจากกลุ่มอุตสาหกรรม, ยานยนต์ จากคาดการณ์รัสเซียกับยูเครนมีโอกาสบรรลุข้อตกลงสันติภาพ

Market View

ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับขึ้น หลัง ปธน.ทรัมป์ได้ลงนาม ม.ภาษีศุลกากรตอบโต้ประเทศที่เก็บภาษีสินนำเข้าของสหรัฐ แต่ยังไม่มีผลบังคับใช้ทันที โดยทีมเศรษฐกิจ & การค้ากำลังศึกษาข้อมูล ซึ่งคาดจะมีประกาศใช้ในวันที่ 1 เม.ย. ส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มวัสดุ ที่คาดจะได้ประโยชน์การฟื้นตัวของภาคอุตสากรรมของสหรัฐ ส่วนข้อมูล US Core PPI ม.ค. อยู่ที่ 3.6% ชะลอตัวจาก ธ.ค. ที่ 3.7% YoY ช่วยลดความกังวลต่อภาวะเงินเฟ้อของสหรัฐ ส่งผลให้ US Bond Yield 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 4.532% ซึ่งเป็นบวกต่อกลุ่มเทคโนโลยีสหรัฐ ขณะที่ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ลดลง 7,000 อยู่ที่ 213,000 ต่ำกว่าคาดที่ 215,000 ราย
ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับขึ้น ได้แรงหนุนจากหุ้นซีเมนส์ +7.2% หลังรายงานกำไร Q4/67 ดีกว่าคาด บ่งชี้อุตสาหกรรมอิเล็กฯ และเซมิคอนดักเตอร์ยังขยายตัวได้ดี ส่วนกลุ่มยานยนต์ +4.4% หลังมิชลินรายงานกำไรดีกว่า และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ +1% จากคาดการณ์ EU ต้องเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหม ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจ UK GDP Q4/67 +1% ดีกว่าคาด -0.1% QoQ และ CPI เยอรมัน ม.ค. ชะลอตัวอยู่ที่ 2.3% & ธ.ค. 2.6% YoY ส่วนค่ำวันนี้ติดตาม Euro GDP Q4/67 คาด +0.9% เท่ากับ Q3/67 ที่ +0.9% YoY
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้ -0.42%, ฮั่งเส็ง -0.20% จากความกังวลสหรัฐจะประกาศเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ กับประเทศที่เก็บภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐ ขณะที่ดัชนีนิเกอิวานนี้ +1.28% ได้แรงหนุนจากกลุ่มส่งออกหลังค่าเงินเยนอ่อนค่าเมื่อเที่ยบกับดอลลาร์สหรัฐ และดัชนี Kospi เกาหลีใต้ +1.36% นำโดยกลุ่มเทคโนโลยี & ยานยนจ์ หลังคาดการณ์มีโอกาสเจรจากับสหรัฐให้ยกเว้นการเก็บภาษีนำเข้า
SET +0.01% ปริมาณการซื้อขาย 5.3 หมื่น ลบ. รายย่อยซื้อ 1,703 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 424 ลบ. ต่างชาติขาย 945 ลบ. และสถาบันขาย 1,183 ลบ. โดยดัชนีได้แรงหนุนจากกลุ่มไอซีที นำโดย ADVANC +7.04% หลังรายงานกำไร Q4/68 ดีกว่าคาด กอปรประกาศจ่ายเงินปันผลงวด 2H/67 ที่ 5.74 บาท/หุ้น และจะขึ้น XD วันที่ 20 ก.พ. นี้ ส่วน INTUCH, GULF ก็มีแรงซื้อสะสม โดยอยู่ระหว่างการควบรวม New Co. และอยู่ในอุตสาหกรรม Data Center & AI ซึ่งเป็น New S-Curve ของเศรษฐกิจไทย โดยภาพรวมนักลงทุนยังรอ ม.กระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่จากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3 ที่คาดจะมีเม็ดเงินราว 1.45 แสน ลบ. เข้ามากระตุ้นกำลังซื้อในประเทศ ขณะที่เม็ดเงินใหม่ในตลาดหุ้นนั้น ทาง ก.คลังกำลังพิจารณาออกกองทุน Thai ESG ใหม่ เพื่อรับรองเม็ดเงินจากกองทุน LTF เดิมที่กำลังทยอยหมดอายุมูลค่าราว 1.6 แสน ลบ. ส่วนการรายงงานงบ Q1/68 ของ AOT วานนี้มีกำไร 5.3 พัน ลบ.+25% QoQ,+17% YoY โดยฝ่ายวิเคราะห์คาดกำไรในงวด ม.ค. – มี.ค. 68 ยังขยายตัวได้ดี วันนี้ติดตามการรายงานงบ Q4/67 ของ DELTA โดย คาดกำไรที่ 5.1 พัน ลบ. -13% QoQ, +9% YoY

Daily Strategy

ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,270 แนวต้าน 1,290 – 1,300 คาดดัชนีทรงตัวอยู่ในกรอบแนวรับ – ต้าน ระหว่างรอรายงานกำไร บจ. และรอ ม.กระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ แนะนำทยอยซื้อ ADVANC,INTUCH,GULF,TRUE อยู่ในกลุ่มอุต ฯ New S-Curve / เก็งกำไร BCP, BCPG คาด Q4/67 ฟื้นตัวดี
BCP (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย 00 บาท) แนวโน้มผลประกอบการ 4Q67 จะสามารถพลิกกลับมาเป็นกำไรสุทธิได้จากที่ขาดทุนใน 3Q67 หนุนจากค่าการกลั่นที่ฟื้นตัวดีและ crude run ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับธุรกิจการตลาดที่ปริมาณขายน้ำมันและค่าการตลาดต่อลิตรเพิ่มขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล แนวโน้ม 1Q68 ฝั่งธุรกิจโรงกลั่นจะกลับมาชะลอตัวแต่คาดว่าธุรกิจส่วนอื่นๆ จะกลับมาฟื้นตัวได้ ทั้งธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซฯ ในสหรัฐฯ (BCPG) ที่ได้ประโยชน์จากราคาที่ปรับขึ้น OKEA ที่ปริมาณขายจะเพิ่มขึ้น โดยในปี 68 ภาพรวมจากมีการปิดซ่อมโรงกลั่นน้อยลง และยังมีประเด็นบวกใน 2Q68 จากธุรกิจ SAF ที่จะเริ่มเดินเครื่อง (BCP ร่วมกับ BBGI)
CPAXT* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 33.87 บาท) BB Consensus ประเมินกำไร 4Q67 อยู่ที่ 3,815 ลบ. (+17%YoY, +95%QoQ) ได้แรงหนุนตามฤดูกาล, สินค้ากลุ่มอาหารสด, การขายผ่าน Omnichannel, และ ม.กระตุ้นการบริโภคของภาครัฐฯ ซึ่งคาดว่าแรงหนุนเหล่านี้จะต่อเรื่องไปยัง 1Q68 ด้วยจากเทศกาลตรุษจีนและม.แจกเงิน 1 หมื่นบาท เฟส 2 รวมถึง ม.Easy E-Receipt ด้าน CPAXT* เอง วางเป้าปี68 SSSG +high single digit%, GPM +60bsp, สัดส่วน Omnichannel 22%, และขยายสาขา 50 สาขา ทั้งนี้ ปัจจุบัน ตลาดคาดกำไรปี67 และ 68 ของ CPAXT* ที่ 10,393 ลบ.( +20%YoY) และ 12,394 ลบ.(+19%YoY)

Daily Key Factors

Oil Update(-) WTI มี.ค. -$0.08 อยู่ที่ $71.29 / บาร์เรล, Brent เม.ย. -$0.16 อยู่ที่ $75.02/บาร์เรล หลัง ปธน. ทรัมป์ได้หารือกับ ปธน.ปูติน เพื่อยุติสงครามในยูเครน ส่งผลให้ ม.คว่ำบาตรรัสเซียยุติลงด้วย และรัสเซียสามารถกลับมาส่งออกน้ำมันได้อีกครั้ง

Gold Update(+) Comex Gold เม.ย.+$16.70 อยู่ที่ $2,945.40 /ออนซ์ เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ระหว่างมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการปรับขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐ

Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -84.28 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -27.96 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -49.96 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -6.36 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ค่าเงินบาทเช้านีแข็งค่าอยู่ที่ 33.65 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 4.535 %

(+) ดัชนี BDI วานนี้ +4 จุด อยู่ที่ 780

(-) BitCoinเช้านี้ -1.37% อยู่ที่ 96,478 ดอลลาร์สหรัฐ

Economic Calendar

ในประเทศ

17 ก.พ. สภาพัฒน์ แถลง GDP ไตรมาส 4/67

สัปดาห์ที3 ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม

ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์, รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วน

ยานยนต์

สัปดาห์ที4 กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ

สศอ. แถลงดัชนีอุตสาหกรรม

สศค.รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค,ดัชนี

ความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค

ต่างประเทศ

14 ก.พ. US ดัชนียอดขายปลีก (ม.ค.)

17 ก.พ. US วันหยุด - Presidents' Day

20 ก.พ. US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

US รายงานการประชุมของ FOMC

US ดัชนีภาคการผลิตจากธนาคารกลางรัฐฟิลาเดลเฟีย (ก.พ.)

21 ก.พ. US ยอดขายบ้านมือสอง (Existing Home Sales) (ม.ค.)

US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต (ก.พ.)

US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ (ก.พ.)

Theme Strategy

Theme หุ้นเด่น 1H68 เน้น หุ้นในธุรกิจใหม่ที่เป็น Trend ในอนาคต อย่าง Data Center รวมถึงหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรปกติ 4Q67-1Q68 คาดออกมาดี และ หุ้นที่รับความผันผวนได้ดีจากความเสี่ยง Trade War/ธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย

(1) กลุ่มธนาคารที่มี Sentiment บวกจากธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย/มี Yield สูง BBL, KTB, KBANK, TISCO*, TTB*

(2) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CRC, NSL*, TNP*, OSP*

(3) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, SKR

(4) กลุ่มมีโอกาสเกี่ยวข้องกับการลงทุน Data Center/ธุรกิจ Trend อนาคต ADVANC,INTUCH*,TRUE,GULF*,WHA,AMATA

(5) กลุ่มสินค้า IT ที่ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี(เช่น AI function/ 4G to 5G) SYNEX*, ADVICE*, SIS*

(6) กลุ่มที่มี Sentiment บวกจาก Entertainment Complex BTS*, VGI*, MBK*, BA

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

Today Fundamental Research: -

Monthly Portfolio January 2025: CPALL, SYNEX*, CRC, WHA, SHR*

Analysts

Apichai Raomanachai