Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

374

 

 

 

หลากหลายปัจจัยทั้งบวกและลบ คาด SET เริ่มยืนและฟื้นเล็กๆ

 

External Factor
แรงกดดันต่อตลาดหุ้นที่เพิ่มขึ้นในช่วงนี้ อาจมาจาก 3 ประเด็นหลักๆได้แก่

เงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน ม.ค. 68 ขยายตัว +3.0%YoY ซึ่งสูงกว่าคาดและปรับตัวเพิ่มขึ้น จากเดือนก่อนที่ +2.9%YoY ส่งผลให้ตลาดฯ มีมุมมองว่ามอง Fed อาจเลื่อนการ ปรับลดดอกเบี้ยออกไปช้ากว่าเดิม

จับตาความเสี่ยงนโยบายการค้าสหรัฐฯ โดยล่าสุด EU – Canada พร้อมตอบโต้ ภาษี เหล็ก-อะลูมิเนียมของสหรัฐฯ ขณะที่ ปธน. Trump มีแผนเรียกเก็บภาษีตอบโต้

ราคาน้ำมันดิบโลกวานนี้ร่วงเกือบ 3% จากสัญญาณ Demand แผ่ว และความกังวล เบาลงในฝั่ง Supply ด้วยความหวังรัสเซียเจรจาสันติภาพกับยูเครน

 

Internal Factor
MSCI มีการประกาศหุ้นไทยเข้าออกดัชนีช่วง 1Q68 โดยมีผลบังคับใช้ราคาปิด วันที่ 28 ก.พ. 68 ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้

(+) หุ้นเข้า MSCI SMALL CAP 2 หุ้น มีโอกาสเห็น Fund Flow ทยอยไหลเข้าเพิ่มเติม : SCGP, GPSC

(-) หุ้นออกดัชนี MSCI Global Standard ย้ายลงมาอยู่ MSCI Small Cap มี 2 หุ้น : PTTGC, TOP

(-) หุ้นออกดัชนี MSCI Small Cap มี 11 หุ้น : BSRC, TIPH, DCC, GFPT, ERW, SAPPE, KAMART, PSH, PSG, STECON, THG

 

Investment Strategy
การทยอยซื้อหุ้นคืนของบริษัท และผู้บริหาร ซึ่งน่าจะจำกัด Downside ของราคาหุ้นให้ไม่ผันผวนมากนัก

หุ้นที่บริษัททยอยประกาศซื้อหุ้นคืนในปีนี้ (เรียงตามมูลค่าซื้อสุทธิจากมากไปน้อย) ได้แก่ TU (954 ล้านบาท) SNNP (303 ล้านบาท) TOA (249 ล้านบาท) KKP (158 ล้านบาท) TKN (127 ล้านบาท) EKH (75 ล้านบาท) MAJOR (47 ล้านบาท) เป็นต้น

หุ้นขนาดใหญ่ (SET100) ที่ผู้บริหารทยอยซื้อสะสม (เรียงมูลค่าซื้อสุทธิจากมากไปน้อย) อีกทั้งราคาหุ้นยังต่ำกว่าทุนเฉลี่ย อาทิ SPALI (448 ล้านบาท) RCL (18 ล้านบาท) BH (14 ล้านบาท) GLOBAL (11 ล้านบาท) LH (9 ล้านบาท)

 

ปัจจัยภายนอกยังอยู่ในเกณฑ์ “ระมัดระวัง”
ความผันผวนของปัจจัยแวดล้อมในช่วงนี้ อาจเพิ่มแรงกดดันต่อตลาดหุ้น จาก 3 ประเด็นหลักๆ เริ่มจาก

 

1. เงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน ม.ค. 68 ขยำยตัว +3.0%YoY ซึ่งสูงกว่าคาดและปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนที่ +2.9%YoY ส่งผลให้ตลาดฯ มีมุมมองว่ามอง Fed อาจเลื่อนการปรับลดดอกเบี้ยออกไปช้ากว่าเดิม สะท้อนจาก

 

Bond Yield 10Y สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดของปีนี้ มาแล้วราว 23 Bps. (4.42% → 4.65%)

Fed Watch Tool คาดว่า Fed จะเริ่มปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกของปีนี้ในเดือน 10 (เดิมคาดเดือน 6) และอาจ เกิดขึ้นเพียงแต่ 1 ครั้ง สู่ระดับ 4.25% (แต่ Dot Plot คาดเกิด 2 ครั้ง สู่ระดับ 4.0%)

 

นอกจากนี้ ประธาน Fed Powell เผยว่า “ข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯ ล่าสุด แสดงให้เห็นว่า Fed ยังมีงานที่ต้องทำงานอีกมาก (Fed has more work to do)” อีกทั้งยังได้แถลงต่อสภาว่า “Fed ยังไม่จำเป็นรีบลดดอกเบี้ย” เป็นเพราะเศรษฐกิจ ยังดูแข็งแกร่ง ตลาดแรงงานอยู่ในภาวะสมดุล และไม่ได้เป็นต้นเหตุกดดันเงินเฟ้ออย่างมีนัยฯ อย่างไรก็ตาม ปธน. Trump ค่อนข้างเห็นต่างจาก Fed โดยหนุนแรวติด “ลดดอกเบี้ย” เพื่อให้สอดคล้องกับการเรียกเก็บภาษีศุลกากร

 

2. จับตาความเสี่ยงนโยบายการค้าสหรัฐฯ โดยล่าสุด EU – Canada พร้อมตอบโต้ ภาษีเหล็ก-อะลูมิเนียม 25% ของ สหรัฐฯ ขณะที่ ปธน. Trump มีแผนเรียกเก็บภาษีตอบโต้ (reciprocal tariffs) กับ "ทุกประเทศ" ที่เก็บภาษีนำเข้าจาก สหรัฐฯ คาดประกาศใช้ในเช้าวันพฤหัสนี้

 

3. ราคาน้ำมันดิบโลกวานนี้ร่วงเกือบ 3% หลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ พุ่ง (สะท้อน Demand แผ่วลง) บวกกับแรง กดดันสงครามรัสเซีย-ยูเครนอาจลดลง หลัง ปธน. Trump ต่อสายคุยโทรศัพท์กับ ปธน. Putin เห็นพ้องเริ่มเจรจา สันติภาพกับยูเครนทันที (สะท้อน Supply ผ่อนคลายขึ้น)

 

สรุป แรงกดดันต่อตลาดหุ้นที่เพิ่มขึ้นในช่วงนี้ อาจมาจาก 3 ประเด็นหลักๆ ได้แก่ 1. เงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน ม.ค. 68 สูง กว่าคาดและปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนที่ ส่งผลให้ตลาดฯ มีมุมมองว่ามอง Fed อาจเลื่อนการปรับลดดอกเบี้ย ออกไปช้ากว่าเดิม 2. ความเสี่ยงนโยบายการค้าสหรัฐฯ 3. ราคาน้ำมันดิบโลกวานนี้ร่วงเกือบ 3%

 

ปัจจัยภายในประเทศ และกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ควรเป็นอย่างไร
MSCI มีการประกาศหุ้นไทยเข้าออกดัชนีช่วง 1Q68 โดยมีผลบังคับใช้ราคาปิด วันที่ 28 ก.พ. 68 ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้

(+) หุ้นเข้า MSCI SMALL CAP 2 หุ้น มีโอกาสเห็น Fund Flow ทยอยไหลเข้าเพิ่มเติม : SCGP, GPSC
(-) หุ้นออกดัชนี MSCI Global Standard ย้ายลงมาอยู่ MSCI Small Cap มี 2 หุ้น : PTTGC, TOP
(-) หุ้นออกดัชนี MSCI Small Cap มี 11 หุ้น : BSRC, TIPH, DCC, GFPT, ERW, SAPPE, KAMART, PSH, PSG, STECON, THG

 

โดยส่วนใหญ่กองทุนต่างประเทศจะเก็งกำไรและปรับพอร์ตตามดัชนี MSCI เน้นหุ้นที่เป็นเป้าหมาย Fund flow และ ปรับพอร์ตตามดัชนี MSCI ในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนมีผลบังคับใช้ 28 ก.พ. 68 ซึ่งจะมีหุ้นที่ Fund Flow จะทยอยไหลเข้า

 

2 หุ้นคือ SCGP, GPSC(ตามสถิติในอดีตมักปรับตัวขึ้นราว 1%-3% ก่อน Effective) แต่จะมีหุ้นที่ Fund Flow บางส่วนต้องไหลออกเพื่อปรับล้อตามดัชนี คือหุ้นที่ถูกปรับออกทั้ง13 บริษัทข้างต้น ขณะที่อีก 1 ประเด็นที่น่าจะเป็นแรงพยุง SET ได้ในช่วงนี้ คือ การทยอยซื้อหุ้นคืนของบริษัท และ ผู้บริหาร ซึ่งน่าจะจำกัด Downside ของราคาหุ้นให้ไม่ผันผวนมากนัก โดยในปีนี้มูลค่าและจำนวน TRANSACTION ของบริษัทที่ซื้อหุ้น คืนอยู่ระดับ 2.1 พันล้านบาท และ 296 TRANSACTION แล้ว ซึ่งน่าจะทยอยเพิ่มขึ้นจนอยู่ระดับใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า

 

โดยหุ้นที่บริษัททยอยประกาศซื้อหุ้นคืนในปีนี้ (เรียงตามมูลค่าซื้อสุทธิจากมากไปน้อย) ได้แก่ TU (954 ล้านบาท) SNNP(303 ล้านบาท) TOA(249 ล้านบาท) KKP(158 ล้านบาท) TKN(127 ล้านบาท) EKH(75 ล้านบาท) MAJOR(47 ล้านบาท) เป็นต้น ซึ่งจะเห็นได้ว่าหุ้นดังกล่าวผันผวนน้อย เมื่อเทียบกับหุ้นกลุ่มเดียวกัน หรือ SET Index

 

ขณะที่อีก 1 กลุ่มที่น่าสนใจ คือ หุ้นขนาดใหญ่ (SET100) ที่ผู้บริหารทยอยซื้อสะสม(เรียงมูลค่าซื้อสุทธิจากมากไปน้อย) อีกทั้งราคาหุ้นยังต่ำกว่าทุนเฉลี่ย อาทิ SPALI (448 ล้านบาท) RCL (18 ล้านบาท) BH (14 ล้านบาท) GLOBAL(11 ล้านบาท) LH (9 ล้านบาท) ดังนั้นหุ้นดังกล่าวนำจะมี Support ให้ราคาหุ้นไม่ผันผวนมากนักและถือเป็นโอกาสทยอยสะสมได้

 

สรุป MSCI มีการประกาศรายชื่อหุ้นเข้าออก คาดสร้างความผันผวนกับดังกล่าวในวันนี้ ส่วนอีกประเด็น คือ การซื้อหุ้นคืนของบริษัทและผู้บริหาร ซึ่งถิอเป็นหนึ่งในปัจจัยเรียกความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนได้เป็นอย่างดี

 

Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์


 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้