Market Wrap-Up
- SET วันที่ 11 ก.พ.68 ปิด +13.48 จุด อยู่ที่ 1,283.97 จุด มูลค่าการซื้อขาย 38,989 ลบ. ต่างชาติซื้อ 1,008 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 35 ลบ. สถาบันขาย 357 ลบ. และรายย่อยขาย 615 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 2,501 ลบ. โดยมียอดซื้อในหุ้น ADVANC,AOT,PTTEP,TOP,AMATA และยอดขายหุ้น GULF,BTS,CPN,WHA,DELTA มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,522 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ BEM,IRPC,BEC โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 12,028 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 17,748 สัญญา นักลงทุนต่างชาติซื้อพันธบัตรจำนวน 4,776 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -0.50%, S&P500 -0.27%, Nasdaq +0.03% โดยกลุ่มพลังงาน -2.7%, อสังหา -0.9% หลัง ก.แรงงานสหรัฐเผย CPI ม.ค. +3.0% สูงกว่าคาดที่ +2.9% YoY และ +0.5% สูงกว่าคาด +0.3% MoM ส่งผลให้เฟดยังชะลอการปรับลดดอกเบี้ยใน มี.ค. ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.11% ได้แรงหนุนจากกลุ่มธนาคาร +1.1% และกลุ่มอาหาร +1% ขณะที่กลุ่มสาธารณูปโภค -1% หลัง Euro Bond Yield ปรับขึ้น
Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ Down Jones, S&P500 ปรับลดลง หลัง ก.แรงงานสหรัฐเผย US Core CPI ม.ค. ปรับขึ้นอยู่ที่ +3.3% & คาด +3.1% YoY และ +0.4% & คาด +0.3% MoM สาเหตุมากจากราคาที่อยู่อาศัย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 30% ในดัชนีเงินเฟ้อสหรัฐ ม.ค. +0.4% MoM, ราคาอาหาร +0.4% และราคาพลังงาน +1.1% บ่งชี้เงินเฟ้อสหรัฐมีแนวโน้มสูงขึ้น ส่งผลให้ตลาดคาดเฟดจะชะลอการลดดอกเบี้ยในการประชุม 19 มี.ค. กอปรกับ ปธ.เฟดแถลงนโยบายการเงินรอบครึ่งปีต่อสภาคองเกรส ชี้ภาวะเศรษฐกิจยังขยายดี, อัตราว่างงานต่ำ, เงินเฟ้อยังสูงกว่าเป้าหมายที่ 2% ดังนั้นเฟดจีงไม่มีความจำเป็นต้องรีบลดดอกเบี้ย หลังปีก่อนเฟดได้ปรับลดดอกเบี้ยลง 1 % ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐค่ำวันนี้ติดตาม US PPI ม.ค. คาด 0.3% & ธ.ค. 0.2% MoM รวมถึง ปธ.ทรัมป์เตรียมประกาศ ม.ปรับขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้ ( Reciprocal Tariff ) กับทุกประเทศที่เก็นภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐ
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับขึ้น ได้แรงหนุนจากกลุ่มธนาคาร, อาหาร & เครื่องดื่มที่รายงานกำไร Q4/67 ดีกว่าคาด โดย LSEG เผย บจ. 129 แห่งใน Stoxx600 ที่ส่งงบแล้ว 59% รายงานกำไรดีกว่าคาด ขณะที่นักลงทุนยังกังวลต่อ ม.ของสหรัฐที่จะปรับขึ้นภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจากสหภาพยุโรป ข้อมูลเศรษฐกิจค่ำวันนี้ติดตาม UK GDP Q4/67 คาด -0.1% & Q3/67 0% QoQ และ CPI เยอรมัน ม.ค. คาด 2.3% & ธ.ค. 2.6% YoY
- ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ปรับขึ้น นำโดยดัชนีเซี่ยงไฮ้ +0.85% , ฮั่งเส็ง +2.64% ตอบรับกระแส Ai หลังการเปิดตัวของ DeepSeek กอปรกับ Alibaba +8% รับข่าวร่วมกับ Apple พัฒนาระบบ Ai สำหรับผู้ใช้งาน Iphone ในประเทศจีน ส่วนดัชนีนิเกอิ +0.42% ได้แรงหนุนจากผลประกอบการ และรัฐบาลญี่ปุ่นได้ยื่นคำร้องไปยังสหรัฐ เพื่อให้คณะบริหารของ ปธ.ทรัมป์ยกเว้นการเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจากญี่ปุ่น
- SET +1.06% ปริมาณการซื้อขาย 89 หมื่น ลบ. ต่างชาติซื้อ 1,008 ลบ. สถาบันขาย 357 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 35 ลบ. และรายย่อยขาย 615 ลบ. โดยดัชนีได้แรงหนุนจากกลุ่มอิเล็ก ฯ +2.3% นำโดย DELTA +1.79% หลัง DELTA ไต้หวันรายงายยอดขาย ม.ค. +15% YoY และ CCET +10.9% หลังรายงานยอดขาย ม.ค. +18.7% YoY, +4.7% MoM บ่งชี้อุปสงค์ของอุปกรณ์อิเล็ก ฯ ในตลาดโลกยังอยู่ในระดับสูง ส่วนกลุ่มพลังงานก็ปรับขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ หลังสหรัฐประกาศใช้ ม.คว่ำบาตรต่ออิหร่านและรัสเซีย กอปรกับกลุ่ม Domestic Play เช่น ค้าปลีก, ไอซีที, ท่องเที่ยว ก็ปรับขึ้น เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบน้อย จาก ม.ปรับขึ้นภาษีของสหรัฐ ขณะที่สถาบันชะลอแรงขาย หลังกระทรวงการคลังเตรียมปรับปรุงเงื่อนไขของให้ผู้ถือกองทุน LTF ที่ครบกำหนด 5 ปี สามารถโอนหรือตั้งกองทุนใหม่ใน Thai ESG ซึ่งจะช่วยลดแรงขายหุ้นในตลาด รวมถึงอาจพิจารณารื้อฟื้นกองทุน LTF กลับมาใหม่ เพื่อช่วยเสริมกำลังซื้อในตลาดหุ้นไทย ส่วน MSCI รีบาลานท์ Global Standard Index ก.พ. ได้ถอด PTTGC, TOP ขณะที่ Small Cap นำเข้า 4 ตัว คือ GPSC,PTTGC,SCGP,TOP และถอด 11 ตัว คือ BSRC,TIPH,DCC,ERW,GFPT,KAMART,PSG,PSH,SAPPE,STECON,THG มีผลวันที่ 28 ก.พ.
Daily Strategy
- ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,270 แนวต้าน 1,290 – 1,300 คาดดัชนีทรงตัว เนื่องจากปัจจุบันเทรดที่ F/PE ปี ที่ 13.3 เท่าอยู่ในโซนถูก แต่การฟื้นตัวยังจำกัดหลังเฟดยังส่งสัญญาณตึงดอกเบี้ยสูง โดยนักลงทุนให้ความสนใจต่อการประกาศงบ Q4/67 ระยะสั้นแนะนำเก็งกำไร OR,JMART ที่รายงานกำไร Q4/67 ขยายตัวได้ดี
- IVL* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 28.50 บาท) แนวโน้มผลประกอบการ 4Q67 คาดประคองตัว QoQ แม้ปริมาณขายลดลงตามฤดูกาล แต่คาดยังเติบโตได้ YoY จากฐานที่ต่ำและกลยุทธ์ลดต้นทุน ส่วนในปี 68 ตลาดคาดพลิกเป็นกำไรสุทธิ 1 หมื่นล้านบาท จากปี 67 ที่ขาดทุน 1.8 หมื่นล้านบาท จากการผ่านช่วง asset optimization นอกจากนี้คาดว่าจะได้อานิสงส์เชิงบวกจากต้นทุน feedstock และนโยบายของสหรัฐ รวมถึงแผนกระตุ้นเศรษฐกิจจีนและการ destocking ที่คลี่คลาย
- BBL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย00 บาท) กำไร Q4/67 อยู่ที่ 10,404 ลบ. -16.6% QoQ, +17.4% YoY ปรับดีขึ้น YoY มาจากรายได้จากเงินลงทุนและรายได้ค่าธรรมเนียมปรับสูงขึ้น กอปรกับ C/I ratio ลดลง YoY เมื่อเทียบกับ Q4/66 ที่ระดับ 56.0%โดยภาพทั้งปี BBL มีกำไรปี 67 รวมอยู่ที่ 45,211 ลบ. +8.6% YoY ได้แรงหนุนจาก NIM +4 Bps อยู่ที่ 3.06% สินเชื่อขยายตัว +0.8% YoY, กำไรจากเงินลงทุนและ FVTPL ปรับเพิ่มขึ้น ส่วนปี68 ฝ่ายวิเคราะห์คาดกำไร BBL ที่ 4.65 หมื่น ลบ. +2.9% YoY บนสมมุติฐานสินเชื่อเติบโต +2% YoY , อัตรา NIM ไว้ที่ 3.0% , รายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น Single Digit จากบัตรเครดิต, ประกันและกองทุนรวม ด้านสำรอง ECL คาดสามารถปรับลดลงเป็นปัจจัยบวกช่วยหนุนกำไร ขณะที่ Coverage Ratio สูงถึง 334% ซึ่งเพียงพอรองรับความเสี่ยงหนี้เสียในอนาคต
Daily Key Factors
Oil Update(-) WTI มี.ค. -$1.95 อยู่ที่ $71.37 / บาร์เรล, Brent เม.ย. -$1.82 อยู่ที่ $75.18/บาร์เรล หลัง ปธน. ทรัมป์ได้หารือกับ ปธน.ปูติน เพื่อยุติสงครามในยูเครน กอปรกับ EIA รายงานสต็อคน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 4.1 ล.บาร์เรล สูงกว่าคาดที่ 3 ล.บาร์เรล
Gold Update(-) Comex Gold เม.ย.-$3.90 อยู่ที่ $2,928.7 /ออนซ์ หลังข้อมูล US CPI ม.ค. สูงกว่าคาด ส่งผลให้เฟดยังชะลอการปรับลดดอกเบี้ยในปีนี้
Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -20.55 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -12.72 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -7.83 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 33.96 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(-) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.625 %
(-) ดัชนี BDI วานนี้ -25 จุด อยู่ที่ 776
(+) BitCoinเช้านี้ +1.81% อยู่ที่ 97,818 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
17 ก.พ. สภาพัฒน์ แถลง GDP ไตรมาส 4/67
สัปดาห์ที2 ม.หอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค, ดัชนีความเชื่อมั่น
หอการค้าไทย
สภาธุรกิจตลาดทุนไทย แถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนและ
อัพเดตสถานการณ์ลงทุน
ตลท. แถลงสรุปภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์
สัปดาห์ที3 ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม
ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์, รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วน
ยานยนต์
ต่างประเทศ
12 ก.พ. US ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ม.ค.)
US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
13 ก.พ. US ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) (เดือนต่อเดือน) (ม.ค.)
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
14 ก.พ. US ดัชนียอดขายปลีก (ม.ค.)
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่น 1H68 เน้น หุ้นในธุรกิจใหม่ที่เป็น Trend ในอนาคต อย่าง Data Center รวมถึงหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรปกติ 4Q67-1Q68 คาดออกมาดี และ หุ้นที่รับความผันผวนได้ดีจากความเสี่ยง Trade War/ธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มธนาคารที่มี Sentiment บวกจากธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย/มี Yield สูง BBL, KTB, KBANK, TISCO*, TTB*
(2) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CRC, NSL*, TNP*, OSP*
(3) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, SKR
(4) กลุ่มมีโอกาสเกี่ยวข้องกับการลงทุน Data Center/ธุรกิจ Trend อนาคต ADVANC,INTUCH*,TRUE,GULF*,WHA,AMATA
(5) กลุ่มสินค้า IT ที่ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี(เช่น AI function/ 4G to 5G) SYNEX*, ADVICE*, SIS*
(6) กลุ่มที่มี Sentiment บวกจาก Entertainment Complex BTS*, VGI*, MBK*, BA
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio January 2025: CPALL, SYNEX*, CRC, WHA, SHR*
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th