---มีโอกาสตั้งด้อยค่าและปิดโรงงานในช่วงสเปรดต่ำมาก---
รายงานขาดทุนสุทธิงวด 4Q24 เท่ากับ 1.12 พันล้านบาท (ขาดทุนน้อยลงเมื่อเทียบ y/y, q/q) หนุนโดยธุรกิจโรงกลั่นที่ดีขึ้น และผลกระทบจากสต็อกที่น้อยลง
ด้าน Accounting GIM ไตรมาสนี้อยู่ที่ 9.95 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้นจาก 1.16 และ 2.11 ดอลลาร์/บาร์เรลใน 4Q23 และ 3Q24 แต่ก็ยังต่ำกว่าระดับคุ้มทุนที่ 10.3 ดอลลาร์/บาร์เรล
ธุรกิจปิโตรเคมีปี 2025 ยังอยู่ในความท้าทาย จากภาวะอุปทานล้น โดยในปี 25 จะมีกาลังผลิตใหม่ของ PE/PP เข้ามาอีก 2.1/2.6 ล้านตันต่อปี และยังมีเข้ามาเพิ่มต่อในปี 2026-2027 ซึ่งไม่ได้มาจากโรงงานที่เป็น Standalone แต่มาจากโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ โดยมีทั้งโรงกลั่นและปิโตรเคมี เราคาดว่ากำลังผลิต PE ในจีนจะ Peak ในปี 2027 ส่วนในสหรัฐก็มีอุปทานก๊าซอีเธนสูงมากพอที่จะหนุนการสร้างโรงงาน PE ใหม่ใน APAC โดยต้นทุนนาเข้าอีเธนถูกกว่าต้นทุนจากโรงงานแนฟทา
ปิโตรเคมียังไม่ดีใน 1Q25…แม้ว่าจะมีอุปสงค์เพิ่มในช่วงตรุษจีน แต่ราคา PE ลดลงต่ำกว่า 900 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่ปี 2019 และอัตรากำไร PE อยู่ต่ำกว่า 300 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่ปี 2007 หากไม่มีนโยบายกระตุ้น (โดยเฉพาะจากจีน) ธุรกิจจะซบเซาไปอีกนาน
เราคาดว่าสเปรดของอะคริโลไนไตรล์-บิวทาไดอีน-สไตรีน (ABS) และพอลิสไตรีน (PS) จะลดลง q/q จากการเริ่มเดินเครื่องโรงงานใหม่ในประเทศจีนในปี 2025F ซึ่งมีกำลังการผลิตใหม่รวมประมาณ 2.3 ล้านตันต่อปี
แนวโน้มปี 2025 มีโอกาสที่จะตั้งสำรองด้อยค่าในเงินลงทุน และปิดโรงงานถาวร ถ้าสเปรดผลิตภัณฑ์ยังลดลงต่อ และต่ำกว่าต้นทุนผันแปร
ยังคงคำแนะนำ Fully Valued ให้ราคาพื้นฐาน 1 บาท อิงกับ P/BV ที่ 0.3 เท่า (Mean-2SD) เนื่องจาก แนวโน้มธุรกิจปิโตรเคมียังถูกกดดันจากภาวะอุปทานล้น, ขาดปัจจัยกระตุ้นหลังเสร็จสิ้นโครงการ UCF และระดับคุ้มทุนของบริษัทสูงกว่าเฉลี่ยของกลุ่มโรงกลั่น
นักวิเคราะห์ : ดุลเดช บิค : duladethbik@dbs.com : Tel. 02 857 7833