Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงศรี : KSS Daily Strategy

495

 


"Domestic Play"

 

KSS Daily Strategy: คาด SET วันนี้ "Rebound" ต้าน 1282/1290 จุด รับ 1262/1260 จุด โดยมีปัจจัยกำหนดทิศทางดังนี้ 1.) ตลาดซึมซับต่อสงครามการค้าของคุณ Trump ในระดับรายประเทศ+รายสินค้าค่อยๆคลายลง โดยนโยบายภาษีเท่าเทียม (Reciprocal Tariffs) ใกล้ชัดเจน ขณะที่กลุ่มชิ้นส่วนฯ มีปัจจัยบวกรายตัวจากยอดขาย ม.ค. 2025 ดีกว่าคาด นำโดย DELTA ไต้หวัน +15%y-y, -3.5%m-m , CCET (ไทย) +19%y-y, +4.6%m-m vs ตลาดคาดทั้งปี 2025F ที่ 5% ถึง 10%y-y 2.) ราคาน้ำมันที่เร่งขึ้นเฉลี่ย +1.9% จากข่าวกระทรวงการคลังสหรัฐประกาศคว่ำบาตรต่อเจ้าหน้าที่อิหร่านหลายราย รวมถึงเรือบรรทุกน้ำมัน หนุนกลุ่มพลังงานฟื้น และ 3.) ภายใน มีกระแสรัฐบาล ตลท. และ กลต. อยู่ระหว่างพิจารณามาตรการฟื้นฟูตลาดหุ้นไทย(KSS คาดแนวทางที่ทำได้ไวอาจหนุนกอง TESG ให้ซื้อหุ้นเพียงอย่างเดียว และระยะถัดไปอาจดึง LTF กลับมา เพื่อเสริมการลงทุนระยะยาวภายในให้เติบโตยั่งยืน) ด้วย SET ที่มีภาพ Deep Value Market จากการประเมิน 5ด้าน ทั้ง ERP, PBV, PER, Dividend Yield, Expected GDP Growth น่าจะหนุน Long Term Funds วันนี้เร่งขึ้น เน้นหุ้นธีม Domestic ที่มีความสามารถในการแข่งขันสูง วันนี้แนะนำ ADVANC, AMATA, CPAXT เด่น

 


Daily outlook: "Rebound" ต้าน 1282/1290 จุด รับ 1262/1260 จุด

What happened around the world?

(*/+) US Stocks: ตลาดหุ้นสหรัฐ Rebound เล็กน้อย แรงหนุนจากหุ้นกลุ่ม Tech อิง ดัชนี Dow jones +0.38%d-d, ดัชนี Nasdaq +0.98%d-d S&P500 +0.67% โดยดัชนี S&P 500 ปรับลงทุก Sector หลักๆ นำโดย กลุ่ม Energy, IT, Utilities, Industrials, Consumer staples ฯลฯ หุ้นที่เคลื่อนไหวเด่นคือ Super microcomputer +17.5% Mcdonald +4% รับรายงานงบและยอดขายทั่วโลกเพิ่มขึ้น หุ้นกลุ่มบริษัทผลิตเหล็กและอะลูมิเนียมพุ่ง Cleveland-Cliffs 18%, Century Aluminum 10% และ Alcoa 2% ขานรับมุมมองบวกที่ว่าหุ้นกลุ่มนี้จะได้ประโยชน์จากมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียม ส่วนหุ้นที่ปรับลงคือ Tesla -3% รับข่าว CEO เสนอเงินมูลค่า 9.74 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อซื้อองค์กรไม่แสวงผลกำไรที่ควบคุมดูแล OpenAI ฯลฯ

(*) Electronic Stocks : 1.) CCET รายงานยอดขายเดือน ม.ค.68 ที่ 366,950 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 4.6%m-m และ 18.7%y-y หนุนมุมมองยอดขายงวด 1Q25 ที่รายงานออกมาเติบโต และ 2.) DELTA ไต้หวัน รายงานยอดขายเดือน ม.ค. 3.73 หมื่นล้าน$ +15%y-y ซึ่งถือว่าดีกว่าที่ตลาดคาด และดีกว่าปกติ เพราะไม่ใช่ช่วงฤดูกาลมองจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มชิ้นส่วนไทย ทั้ง CCET (แนะเก็งกำไร แนวต้าน 7.85/9.05 Cutloss <6.8 และ DELTA แนะเก็งกำไร แนวต้าน 115.5/121 Cutloss <107.5

(*/+) Russia – Ukraine : 14-16 ก.พ. ติดตามแผนการยุติสงครามยูเครนและรัสเซียของ ปธน. ที่คาดว่าจะมีการแถลงในการประชุมความมั่นคงระหว่างประเทศที่กรุงมิวนิค ประเมินโทนคาดจะออกมาในเชิงสันติภาพ และเห็นความคืบหน้าในการยุติสงคราม มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง และคาดจะยังเป็นปัจจัยกดดันต่อราคาพลังงานทั้ง น้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ และค่าระวางเรือ Container ในระยะกลาง – ยาว มองเป็นจิตวิทยาลบต่อหุ้นน้ำมัน เรือ Container แต่ในทางตรงข้ามมองบวกต่อหุ้นในกลุ่ม Anti Commodity อาทิ กลุ่มโรงไฟฟ้าเน้น GULF

(*/-) US Tariff : ตลอดสัปดาห์นี้ประเด็นการขึ้นภาษำนำเข้าจากสหรัฐกับประเทศทั่วโลกยังต้องติดตาม หลังจากเมื่อวาน Trump เตรียมประกาศภาษีเหล็กและอะลูมิเนียม 25% กับทุกประเทศทั่วโลกโดยสิ่งที่ต้องตามคือ Trump ประกาศเตรียมเรียกเก็บภาษีศุลกากรหรือภาษีนำเข้า(Reciprocal Tariffs) ซึ่งจะต้องตามรายละเอียด โดยรวมในเชิงกลยุทธ์มองแนะนำลงทุนในหุ้นที่ไม่ได้รับผลกระทบจากประเด็น Tariff อาทิ กลุ่ม Domestic กลุ่มอิงบริการ เน้น ADVANC, AOT, BTS, ERW, MINT, CPALL

(*) To Monitors : ฝั่งสหรัฐ 12 ก.พ. ประเด็นสำคัญที่ตลาดให้น้ำหนักคือ รายงานตัวเลขเงินเฟ้อ CPI เงินเฟ้อ ม.ค. 25 เงินเฟ้อทั่วไป ไม่มีคาด y-y คาด +0.3%m-m vs prev. +2.9%y-y, +0.4%m-m 14 ก.พ. ติดตามดัชนีค้าปลีก ม.ค. คาด +0.0%m-m vs prev. +0.4%m-m, ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรม ม.ค. คาด +0.3%m-m vs prev. +0.9%m-m ฝั่งยุโรป 13 ก.พ. ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรม ธ.ค. คาด -0.2%m-m เท่าเดือนก่อน, 14 ก.พ. ติดตาม GDP งวด 4Q24 คาด +0.9%y-y เท่าไตรมาสก่อน

(*) US Bond Yields & Dollar : Bond yield สหรัฐ อายุ 2 ปี ปรับลง -2 bps อยู่ที่ 4.27% และอายุ 10 ปี ทรงตัวอยู่ที่ 4.49% และระหว่างการเทรดขึ้นไปยืนเหนือ 4.5% ส่วน Dollar Index แนวโน้มแข็งค่าที่ 108.2 จุด

(*/+)Oil : ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น Brent +1.92%d-d ปิดที่ USD 76.09/barrel น้ำมันดิบ West Texas +1.86%d-d ปิดที่ USD 72.32/barrel. แรงหนุนจากฝั่งอุปทานจากข่าวกระทรวงการคลังสหรัฐประกาศคว่ำบาตรต่อเจ้าหน้าที่อิหร่านหลายราย รวมถึงเรือบรรทุกน้ำมันที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งน้ำมันดิบอิหร่านจำนวนหลายล้านบาร์เรลต่อปีไปยังจีนเพื่อเพิ่มแรงกดดันต่ออิหร่าน มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นพลังงานต้นน้ำ อาทิ PTT, PTTEP

 

What happened in Thailand?

(*/-) SET Index : SET Index วันทำการล่าสุด ปรับตัวลดลง 11.60 จุด (-0.90%) ปิดที่ 1270 จุด มูลค่าซื้อขาย 4.30 หมื่นล้านบาท ลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาค (TIPs Market) Sector ปรับลงกดดัชนี คือ กลุ่มอิเล็กฯ (DELTA, KCE, HANA) วิตก Trump เรียกเก็บภาษี Reciprocal Tariffs กระทบกลุ่มสินค้าที่ไทยมียอดส่งออกไปสหรัฐในสัดส่วนสูง กลุ่มขนส่ง (AOT) Sector ที่ปรับขึ้นพยุงดัชนี คือ ICT (ADVANC, INTUCH, TRUE) ปรับขึ้นรับผลประกอบการของ ADVANC ที่ออกมาแข็งแกร่ง โดย ADVANC แจ้งกำไรสุทธิ 4Q24 ที่ 9.25 พันล้านบาทเพิ่มขึ้น 10%qoq และ 31%yoy สูงกว่าที่เราคาดไว้ 3% สะท้อนภาพรวมของธุรกิจอยู่ในขาขึ้น ทำให้นักลงทุนเข้าดักเก็งกำไร TRUE ซึ่งคาดว่าจะประกาศงบออกมาดีในทิศทางเดียวกับ ADVANC นักวิเคราะห์ของเราแนะนำ ซื้อ ADVANC พร้อมปรับราคาเป้าหมายเป็น 311 บาท เดิม 305 บาท และแนะนำ ซื้อ TRUE เป้า 14.70 บาท กลุ่มประกัน (BLA) จิตวิทยาบวก US Bond Yield สหรัฐฯขึ้นรับนโยบาย Trump

(*/-) Flows: เงินทุนต่างชาติวันทำการล่าสุด เงินไหลออก ขายหุ้น -58.8 ล้านเหรียญฯ ขายพันธบัตร -88.9 ล้านเหรียญฯ TFEX Net Short -11,245 สัญญา เงินบาทอ่อนค่าเล็กๆสู่บริเวณ 34.0+/- บาท

(*/+) SET Regulator : ตลท. รับอยู่ระหว่างศึกษา และเตรียมหารือคลัง - หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกแผนระยะสั้น หวังพลิกฟื้นตลาดหุ้นไทย หลังปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ประเมินจิตวิทยาบวกต่อตลาดหุ้นไทย และหุ้น Big Cap

(*/+) Cabinet: ที่ประชุม ครม. วันนี้คาดมีการเสนอเรื่อง การของบฯ กลางเพื่อชดเชยให่กับรถไฟฟ้า และ ขสมก. ที่ร่วมมาตริการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 จำนวน 190 ล้านบาท ประเมินจิตวิทยาบวกต่อ BTS BEM ส่วนเชิงกลยุทธ์เน้นลงทุน BTS ที่คาดจะ Turnaround และมีโอกาสเห็น Upside เพิ่มเติมจากการขายสัมปทานรถไฟฟ้าให้กับรัฐฯ เพื่อดำเนินโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายได้เร็วกว่า BEM

(*/+) Digital Wallet PH III: รมว. คลัง เปิดเผยว่า ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ หรือ อย่างช้าต้นเดือนมีนาคมนี้ จะนัดประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือ บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อพิจารณาโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ระยะที่ 3 (เฟส 3) สำหรับบุคคลทั่วไป อายุ 16-59 ปี ที่ได้ลงทะเบียน ผ่านแอปพลิเคชัน "ทางรัฐ" ประเมินบวกต่อ Upside หุ้นที่มีโอกาสได้ประโยชน์ โดยเฉพาะค้าปลีก อาทิ CPALL CPAXT ที่หุ้นกังวลความเสี่ยง Seven&I Holdings ขณะที่ผลกระทบมีแนวโน้มจำกัดกว่าราคาหุ้นที่ปรับฐานลงมา ทั้ง CPALL ที่คาดใช้เงินไม่มาก และฐานะการเงินรองรับได้ รวมถึง CPAXT ปฏิเสธข่าวสนใจร่วมทุนอย่างชัดเจน

(*) To monitor: สัปดาห์นี้ ปัจจัยภายในติดตาม

1.) 10 กพ. คุณ Naomi Campbell นางแบบชื่อดังระดับโลกมีกำหนดการเข้าพบหารือนายกรัฐมนตรีเรื่องแนวทางการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมแฟชั่น ในโอกาสเยือนประเทศไทย ประเมินจิตวิทยาบวกต่อหุ้นอิงภาคบริการไทย

1.) 7-13 ก.พ. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ม.ค. 25 ไม่มีคาด vs prev. 57.9 จุด

2.) 11 ก.พ. ประชุม ครม. และรายงานนักท่องเที่ยวต่างชาติรายสัปดาห์

2.) ช่วงที่เหลือสัปดาห์นี้ หุ้นหลักๆที่จะรายงานสัปดาห์นี้ ได้แก่ AOT*, MINT*, TOP, DELTA (* = หุ้นที่คาดรายงานกำไรออกมาดี)

 

Daily Strategy : ADVANC, AMATA, CPAXT

ระยะสั้น วันนี้มองตลาดหุ้นไทยวันนี้ "Rebound" แม้ตลาดยังรอความชัดเจนในส่วนการใช้นโยบาย ภาษีเท่าเทียม Reciprocal Tax ของคุณ Trump แต่ตลาดที่สะท้อนความเสี่ยงดังกล่าวไปบ้างแล้ว ขณะที่กลุ่มอิงภายนอกมีปัจจัยหนุนระยะสั้นเข้ามาช่วย อาท น้ำมันดีดตัว +1.9% หนุนกลุ่มพลังงานต้นน้ำ ขณะที่กลุ่มชิ้นส่วนฯมีจิตวิทยาบวกหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐนำตลาด ผสาน ยอดขาย ม.ค. 25 DELTA ไต้หวัน และ CCET (ไทย) ออกมาเด่น ประเมินแรงเก็งกำไร 1.) หุ้นพลังงานต้นน้ำ 2.) หุ้นชิ้นส่วนฯ เน้นเก็งกำไร DELTA CCET และ 3.) กลุ่ม Domestic ที่ตลาดน่าจะมองเป็นทางเลือกหลักสำหรับการลงทุนระยะกลาง เน้น กลุ่ม Value กลุ่มที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ และ Dividend

 

หุ้นในธีมประเทศไทยกำลังเดินหน้าสู่การเป็นหนึ่งในศูนย์กลาง Infrastructure Technology ของภูมิภาค (WHA, GULF, GPSC, STPI, DELTA ADVANC, TRUE, INSET, BE8, BBIK)
หุ้นในธีม Trump 2.0 (AMATA, WHA, PTT, PTTEP, CPF, SCB, KBANK, KTB, BJC, HMPRO, ADVANC, GULF, GPSC)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มไวขึ้นของรัฐบาลใหม่ ผสาน ท่องเที่ยว การผลักดัน Entertainment Complex คาดเป็นนโยบายหลัก หนุน บริโภค ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. (AOT, BTS, VGI, BJC, STECON, ERW, BA, MBK)
กลุ่มได้ประโยชน์จีนกระตุ้นเศรษฐกิจ (IVL, AOT, AU, PTTGC, SCC, CPALL, BJC)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงต่อในปี 2025 (GULF, BA, AAV, MTC, AEONTS, TRUE, CPALL, BJC)
กลุ่มที่คาดรายงานกำไร 4Q24F ออกมาดี ขยายตัว y-y q-q (ADVANC, AMATA, BTS, ERW, CRC, HMPRO , TRUE, OKJ)
กลุ่มที่คาดมีโอกาสซื้อหุ้นคืน (PTT , SCB , KBANK , KTB , BBL , PTTGC , TOP BCP)

• FEB25 Best Picks: ADVANC, AMATA, BA, BTS, ERW, KBANK, TTB

• 2025F Stock Picks : ADVANC, AWC, BJC, BTS, CPALL, HMPRO, IVL, KBANK, KTB, TRUE Mid-Small Cap Play : INSET, JMT, MALEE, MOSHI

 


Tactical & Investment Idea

 

Research Highlight

 


Strategy Update: ทีมกลยุทธ์ออกรายงาน SET UPDATE: เข้าสู่จุด Deep Value เชิงพื้นฐาน แนะนำ 7 หุ้นมูลค่าเพื่อการลงทุนระยะยาว แนะนำ CPALL, BDMS, MINT, BH, GPSC, SCGP, HMPRO

Key Ideas: SET ปรับตัวลงแรง -9.86%ytd และอยู่ใน "Value Zone" ดังที่เคยกล่าวในช่วงก่อนหน้า ว่า SET มี Current Equity Risk Premium อยู่ที่ 4.56% สูงกว่า AVG + 1.5 S.D. (4.53%) ที่เป็นจุดกลับตัวตลาดในรอบ 10ปีที่ผ่านมา แต่เพื่อความเด่นชัด ในมิติอื่นๆ ทีมกลยุทธ์ KSS จึงตรวจสอบค่าที่สะท้อนภาวะ "Value Market" ในมิติอื่นๆ อีก 4มิติ พบว่า ตลาดหุ้นไทย ควรค่าแก่การลงทุนระยะยาว และเป็น Deep Value Zone อย่างแท้จริง

1.) Trailing PER หลังปี 2011 ของ SET จะมีจุดกลับตัว Ex Crisis ที่ Z-Score -0.42 vs ปัจจุบัน -0.37 "สะท้อนว่าค่อนข้าง Value"

 

2.) PBV หลังปี 2011 ของ SET จะมีจุดกลับตัว Ex Crisis ที่ Z-Score -0.86 vs ปัจจุบัน -1.97 "Deep Value" มาก

 

3.) Invert Dividend Yield หลังปี 2011 ของ SET จะมีจุดกลับตัว Ex Crisis ที่ Z-Score -1.01 vs ปัจจุบัน -1.58 "Deep Value" มาก

 

4.) GDP ที่ตลาดคาดการณ์ ในปีนั้นๆ ณ จุดกลับตัวหลังปี 2011 Ex Crisis เฉลี่ย 2.36% vs ปัจจุบัน 3% สะท้อนภาพตลาดยังมองการเติบโต ขณะที่ Outlook ปัจจุบันไทย เราเริ่มเห็นแนวทางการสร้าง S Curve ใหม่ๆ

เราประเมินผลกระทบรอบนี้ เกิดจาก แรงขาย Panic Sell จากการปรับลดน้ำหนัก DELTA และแรงขายกองทุน LTF ขณะที่ระดับ SET ตั้งแต่ต่ำกว่า 1300 จุด เริ่มเห็นเม็ดเงินใหม่ที่มีโอกาสเข้ามา เรามองแนวโน้มตลาด: ช่วงสร้างฐาน (Consolidation Phase) : ระดับแนวรับเชิงพื้นฐานที่กรอบ 1270-1250จุด ขณะที่แนวรับเชิงโครงสร้างเทคนิคระยะยาวของรายเดือนจากฐานปี 2008 สู่ปัจจุบัน อยู่ใกล้เคียงกันที่ 1225 จุด ซึ่งเป็นโซนเหมาะสม สำหรับ Domestic Long Term Fund ที่จะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนหุ้นไทย หรือ นักลงทุนที่ต้องการการออมในระยะยาว

Strategy : KSS คัดเลือกหุ้นพื้นฐานดีที่มีคุณสมบัติเป็นหุ้น Value ด้วยเงื่อนไขใกล้เคียง SET และธุรกิจมีความสามารถในการแข่งขันสูงทั้งภายในภายนอก และพร้อมเติบโตในอีก 3ปีข้างหน้า ใน "Theme 7 Value Stocks" ดังนี้ CPALL, BDMS, MINT, BH, GPSC, SCGP, HMPRO

 

Strategy Update : โอกาสลงทุนจากกระแสหุ้นทุนซื้อคืน (Treasury Stocks)

· กระแสการซื้อหุ้นคืนรายบริษัท (Treasury Stocks) ของตลาดหุ้นไทย นับจากนี้มีแนวโน้มคึกคักขึ้น โดยเฉพาะฝั่งหุ้น Big-Mid Cap หลัง TTB นำร่องประกาศซื้อคืน 3 ปีปีละ 7.0 พันล้านบาท กรอบวงเงินรวม 2.1 หมื่นล้านบาท ผสาน SET Index ระดับดัชนีปัจจุบันอยู่ในโซนลงทุนดึงดูดเม็ดเงินลงทุนระยะกลาง-ยาว

· ทีมกลยุทธ์ ประเมินจากข้อเสนอแนะอดีตนายกฯ ในงานสัมมนาล่าสุด 1 ในแนวทางที่ช่วยเรียกคืนความเชื่อมั่นตลาดคือการซื้อหุ้นคืน(Treasury Stock) KSS ทำการคัดเลือกหุ้นที่มีโอกาสเห็นการประกาศซื้อหุ้นคืน (Treasury Stock) ในระยะถัดไป โดยใช้เกณฑ์

1.)เป็นหุ้น Undervalue ที่ซื้อขายต่ำมูลค่าทางบัญชี หรือมี PBV ต่ำกว่า 1.0 เท่า คือ

2.) มีสภาพคล่องมากพอซื้อคืน > 5.0% ของมูลค่าตลาดหุ้น (Market Cap) และมีสภาพคล่องเข้าเกณฑ์ของตลาดฯ 3.) มีสภาพคล่องเพียงพอชำระหนี้ครบกำหนดในอีก 1 ปี (vs ตลาดกำหนด6 เดือน)

4.)มีกำไรสะสมยังไม่ได้จัดสรรในงบเดี่ยวเพียงพอรองรับการซื้อคืน

· กลยุทธ์การลงทุน : แนะนำลงทุนในหุ้น Theme "Treasury Stock Plays" โดยเลือกหุ้นที่มีศักยภาพ และผ่านเข้าเกณฑ์ดังกล่าวข่าวต้น และมีปัจจัยหนุนอุตสาหกรรม พบว่ามีหุ้น Big Cap หลักๆ ในกลุ่มพลังงาน ธนาคาร ปิโตรเคมีที่มีโอกาสเห็นการซื้อคืนระยะถัดไป อาทิ PTT, SCB, KBANK, KTB , BBL, PTTGC, TOP, BCP

Strategist Comment: Deepseek

กระแสข่าว AI Application จากประเทศจีน "Deepseek" ที่ทำงานได้ใกล้เคียงผู้นำตลาด โดยไม่จำเป็นต้องใช้ชิปประมวลผลสูง ทำให้ต้นทุนพัฒนาต่ำกว่า

โดยรวมประเมินนำมาสู่โอกาสเห็นภาพ AI Adoption ทั่วโลกเร่งขึ้น แต่สร้างความเสี่ยงหุ้น Semiconductor โลกที่จำหน่ายชิปประมวลผลระดับสูงที่อาจมีผลกระทบต่อยอดขาย จึงน่าจะเป็นจิตวิทยาลบต่อหุ้นใน 1.) กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ไทย ให้เกิดภาพชะลอลงทุนระยะสั้น อย่างไรก็ตาม KSS ประเมินผลกระทบจำกัด เพราะบริษัทชิ้นส่วนไทยไม่ได้มีสินค้าหรือรายได้ชิปประมวลผลสูง อาทิ กรณี DELTA เน้นจำหน่าย Power Supply ส่วนอีกกลุ่มที่อาจจะเห็นการชะลอลงทุน คือ 2.) กลุ่มโรงไฟฟ้า อาจจะมีความกังวลการใช้ไฟฟ้าต่ำลงตามรูปแบบชิปประมวลผลสูงลดลง อย่างไรก็ตาม ภาพบวกที่ AI Adoption จะเพิ่มขึ้นหนุนความต้องการโรงไฟฟ้ารวมถึงอุปกรณ์ Power Supply ในท้ายที่สุดอยู่ดี กลยุทธ์รอตั้งรับเมื่อหุ้นอ่อนตัวรับความกังวล

ขณะที่กลุ่มคาดได้ประโยชน์จากกรณีดังกล่าว คือ กลุ่มที่ผู้ใช้งาน AI ที่มีทางเลือกมากขึ้น ต้นทุนลดลง คาดนำมาสู่ปริมาณการใช้ข้อมูลในโครงข่ายโทรคมนาคมเพิ่มขึ้นก้าวกระโดด ในส่วนกลุ่มสื่อสาร เน้น ADVANC และกลุ่ม Digital Tech Consult ที่ปริมาณงานที่ปรึกษาดิจิตอลจะเพิ่มขึ้นตาม AI Adoption เน้น BE8, BBIK

Strategy Update: MSCI Rebalance

MSCI Rebalance รอบเดือนก.พ. จะประกาศรายชื่อวันที่ 11 ก.พ.มีผลราคาปิดวันที่ 28 ก.พ. เราคาดหุ้นเข้า/ออก ดัชนี MSCI ACWI ดังนี้

หุ้นเข้า: ไม่มี

หุ้นออก: TOP (medium conviction)

Strategy Update : Dividend Plays 2H24

ช่วงปลายเดือน ก.พ. - พ.ค. 2025 จะเข้าสู่เทศกาลจ่ายปันผลประจำปี 2024 ของบริษัทจดทะเบียน ทีมกลยุทธ์ KSS จึงได้รวบรวมหุ้นที่คาดจะจ่ายปันผลช่วง 2024F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลครั้งเดียว) หรือ 2H24F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้ง) จากคาดการณ์ของ KSS และ Consensus เพื่อนำมาคัดสรรหุ้นปันผลสูง (High Dividend) คือ Dividend Yield มากกว่า 3.5% สำหรับกลยุทธ์การลงทุนระยะ 1 - 2 เดือนแรกของปี ใน "Theme Dividend Play"

Key Ideas : KSS มีมุมมองบวกต่อการลงทุนในหุ้นปันผลในช่วงต้นปีเนื่องจาก

o KSS ได้ทำการศึกษาสถิติผลตอบแทนหุ้นปันผล(SETHD) ย้อนหลัง 10 ปี พบว่า SETHD ในช่วงเดือน ม.ค. – ก.พ. ของทุกปี ผลตอบแทนมักเป็นบวก เดือน ม.ค. ผลตอบแทนบวก 6 ใน 10 ปี เฉลี่ย +0.7%, เดือน ก.พ. บวก 7 ใน 10 ปี ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย +0.67%

o SETHD ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของทุกปี (งวด 1Q) ผลตอบแทนเป็นบวก 7 ใน 10 ปี เฉลี่ย +0.85%)

กลยุทธ์ : ในเชิงกลยุทธ์ KSS แนะนำซื้อหุ้นปันผลสูงก่อนที่จะขึ้นเครื่องหมาย XD 2 สัปดาห์แล้วขายวันที่ขึ้นเครื่องหมาย XD (dividend capture) มักจะให้ผลตอบแทนที่ดี ทีมกลยุทธ์ KSS ได้ทำการคัดกรองหุ้นปันผลเด่น ภายใต้เงื่อนไข 2 ข้อ คือ

1.) เป็นหุ้นที่จะจ่ายเงินปันผล ช่วง 2024F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลครั้งเดียว) หรือ 2H24F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้ง)

2.) เป็นหุ้นพื้นฐานที่มีแนวโน้มการเติบโต/กระแสเงินสดมั่นคง /อยู่ใน Theme การลงทุนหลักของ KSS ปี 2025 อาทิ Theme เศรษฐกิจไทยปี 2025F เติบโต อาทิ กลุ่มธนาคาร หรือ อยู่ในอุตสาหกรรม Up Cycle อาทิ Sector ICT หรือ หุ้นที่อยู่ในกลุ่มได้ประโยชน์จากทิศทางดอกเบี้ยขาลง อาทิ กลุ่มอสังหา กลุ่มการเงิน ฯลฯ โดยเรียงตามอัตราตอบแทนเงินปันผลจากสูงไปต่ำ

พบว่ามีหุ้นที่คาดจะจ่ายปันผลเด่น 9 บริษัท คือ

หุ้น Big Cap ได้แก่ SCB (TP Max Con 135.0, Yield 2H24F 8.6%), TTB (TP25-2.2,Yield 2H24F 7.2%) HMPRO (TP25-13.5,Yield 2H24F 4.3%) INTUCH (TP25-108,Yield 2H24F 4.2%), ADVANC (TP25-305, Yield 2H24F 3.7%),
หุ้น Mid Cap ได้แก่ AP (TP25-11.8., Yield 2H24F 7.65%), TISCO (TP25-97.0, Yield 2H24F 5.84%), SC (TP25-3.2, Yield 2H24F 5.52%), JMT (TP25-22.8, Yield 2H24F 2.3%),

หุ้นปันผลสูงครึ่งหลังปี 2024 ADVANC, INTUCH, SCB, TTB, HMPRO,JMT AP, SC, TISCO

โดยทีมกลยุทธ์ KSS ได้ทำการศึกษาสถิติหุ้นปันผลเด่น 9 บริษัทดังกล่าวข้างต้น ย้อนหลัง 8 ปี พบว่าหากลงทุนซื้อหุ้นก่อน 2 สัปดาห์และขายวันที่ขึ้น XD พบว่า ผลตอบแทนเป็นบวก โดยหุ้นที่ให้ Return มากที่สุด คือ JMT +5.36%, TTB +4.16%, ADVANC +3.05%, ส่วน SCB, HMPRO, INTUCH, AP, SC, TISCO ผลตอบแทน (Capital Gain) เฉลี่ยอยู่ราว 1% เท่ากับว่า การลงทุนหุ้นกลุ่ม High Dividend ในช่วงเวลาดังกล่าว หลาย ๆ ครั้งนักลงทุนจะมักจะได้รับเงินปันผลฟรี

 

• AMATA (Buy, TP25F-33.5): AMATA disclosed its land saels were a record high at 3,018 rai of which 2,549 rai from Thailand which made its largest domestic market share. We anticipate Bt932m core profit in 4Q24F, +42% yoy and +5% qoq premised on a record high deed transfer of 1,147 rai. This will take FY24F core profit to Bt2.5b, +25% yoy, in line with our forecast. We look for earnings continue growing 15% yoy in FY25F to Bt3b (secured by Bt21.2b backlog). Final DPS of Bt0.6 or 2.5% yield is near-term catalyst. We maintain BUY rating for AMATA.

• INTUCH (Neutral, TP25F-108): We reiterate our Neutral rating with unchanged TP Bt108 owning to no surprise both DPS and EPS. Despite the upside surprise on ADVANC's 4Q24 result, INTUCH earnings in 4Q24 came out below ours and market's estimate due to the recognition of the investment loss in its VC. INTUCH also declared no 2H25 DPS following the announcement of Bt6.54 (XD 19 February 2025). This might be from the amalgamation in 3 April 2025.

• GULF (Neutral, TP25F-60.25): GULF's FY24 earnings of Bt18.2b (+22% yoy) was in line, driven by strong revenue increases in its power generation and renewable energy segments. Higher revenue from GPD Unit 3-4, increased GSRC sales, and a surge in renewable energy revenue fueled the 6% overall revenue growth. While gross margin was slightly below forecast, SG&A was in line, and the share of profit increased, driven by key investments. Despite rising financial costs due to expansion, we expect GULF improved earnings in 2025-26F, bolstered by new capacity, new investment and a 40.44% stake in ADVANC (NewCo). TP of Bt60.25 and Neutral rating maintained.

 


2025F Equity Outlook : Resilient Domestic Escort amid Market Volatility

Stock Best Picks : ADVANC, AWC, BJC, BTS, CPALL, HMPRO, IVL, KBANK, KTB, TRUE

Mid-Small Cap Play : INSET, JMT, MALEE, MOSHI

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

การเมือง ร้อน By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ รัฐบาล ไม่พ้นปรับ ครม. เมื่อพรรคการเมือง บางพรรค ส่งสัญญาณปรับเปลี่ยนตัว ผลัดกันเป็น...

NAM ร่วมงาน Opp-Day โชว์ศักยภาพงานวิจัย-พัฒนาเต็มสูบ

NAM ร่วมงาน Opp-Day โชว์ศักยภาพงานวิจัย-พัฒนาเต็มสูบ

มัลติมีเดีย

รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68

รู้จักพร้อมเปิดพื้นฐาน NUT ก่อนเทรด 11 มิ.ย.- สายตรงอินไซด์ - 9 มิ.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้