Market Wrap-Up
- SET วันที่ 10 ก.พ.68 ปิด -11.60 จุด อยู่ที่ 1,270.49 จุด มูลค่าการซื้อขาย 43,206 ลบ. ต่างชาติขาย 1,993 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 312 ลบ. สถาบันซื้อ 31 ลบ. และรายย่อยซื้อ 1,650 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 637 ลบ. โดยมียอดซื้อในหุ้น ADVANC,SCB,KTB,TRUE,MINT และยอดขายหุ้น CPALL,GULF,BBL,PTT,CCET มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,251 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ JAPAN10001,INDIA01.BEM โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 11,245 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 5,720 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 3,017 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.38%, S&P500 +0.67%, Nasdaq +0.98% ได้แรงหนุนจากกลุ่มพลังงาน +2.15% ,กลุ่มเทคโนโลยี +1.45% นำโดย Nvidia, Broadcom, Amazon และหุ้นกลุ่มผู้ผลิตเหล็ก & อลูมิเนียมปรับขึ้น หลัง ปธ.ทรัปม์ปรับขึนภาษีนำเข้าที่อัตรา 25% ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.58% ได้แรงหนุนจากกลุ่มน้ำมัน & ก๊าซ +1.5% นำโดย BP +7.3% ที่ปรับขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ
Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ได้แรงหนุนจากกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นรับข่าวสหรัฐใช้ ม.คว่ำบาตรต่ออิหร่าน ส่วนกลุ่มผู้ผลิตเหล็ก & อลูมิเนียมปรับขึ้น หลัง ปธ.ทรัมป์ประกาศเก็บภาษีนำเข้าเหล็ก & อลูมิเนียมกับประเทศในอัตรา 25% แต่ยังไม่ได้ระบุวันบังคับใช้ ส่วนกลุ่มเทคโนโลยีก็เริ่มฟื้นตัว หลังถูกกดดันจากการเปิดตัว DeepSeek Ai ต้นทุนต่ำของจีน โดยตลาดสหรัฐอยู่ระหว่างการรายงานงบ ซึ่ง LSEG คาดกำไร บจ.สหรัฐใน S&P500 Q4/67 +14.8% สูงกว่าเดิมคาดที่ +10% YoY ประเด็นที่ต้องติดตามวันอังคาร – พุธ ปธ.เฟดจะเข้าแถลงนโยบายการเงินกับวุฒิสภา & สภาผู้แทนฯ และวันพุธ US CPI ม.ค. คาด 2.9% YoY ทรงตัวเท่ากับ ธ.ค. เพื่อจับสัญญาณลดดอกเบี้ยสหรัฐในปีนี้ ซึ่ง CME FedWatch ชี้โอกาสลดดอกเบี้ย 1 ครั้งในปีนี้ในช่วง ก.ค.
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มน้ำมัน & ก๊าซ ขณะที่กลุ่มผู้ผลิต ArcelorMittal -0.6% หลัง ปธ.ทรัมป์ปรับขึ้นภาษีนำเข้าเหล็ก & อลูมิเนียมที่อัตรา 25% โดยสหรัฐได้นำเข้าเหล็กจากสหภาพยุโรปราว 15% ส่งผล รมว.ต่างประเทศฝรั่งเศสเผย EU เตรียมออก ม.ตอบโต้กลับสหรัฐ
- ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีนิเกอิ +0.04%, Kospi เกาหลีใต้ -0.03% และไต้หวัน -0.96% หลังสหรัฐปรับขึ้นภาษีนำเข้าเหล็ก & อลูมิเนียมที่ 25% กับทุกประเทศ โดยเกาหลีใต้อยู่ในอันดับ 6 ที่ส่งออกเหล็ก และอันดับ 3 ที่ส่งออกอลูมิเนียมไปตลาดสหรัฐในปี 2024 ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้วานนี้ +0.56% , ฮั่งเส็ง +1.84% ได้ปัจจัยหนุนจากกระแสธุรกิจ AI ในจีน แม้ว่า CPI จีน ม.ค. +0.5% & ธ.ค. +0.1% YoY สูงสุดในรอบ 5 เดือน แต่ PPI จีน ม.ค. -2.3% YoY บ่งชี้ยังจำเป็นต้องใช้ ม.กระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ ในการประชุม NPC จีน มี.ค. นี้
- SET วานนี้ปิด -0.90% ปริมาณการซื้อขาย 4.3 หมื่น ลบ.ต่างชาติขาย 1,993 ลบ. สถาบันซื้อ 31 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 312 ลบ. และรายย่อยซื้อ 1,650 ลบ. โดยดัชนีปรับลดลงจากแรงขายหุ้น Big Cap. กลุ่มขนส่ง, ไฟแนนท์, อิเล็กทรอนิกส์, โรงไฟฟ้า หลัง ปธ.ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าเหล็ก & อลูมิเนียมกับทุกประเทศในอัตรา 25% บ่งชี้มีโอกาสที่สหรัฐจะประกาศ ม.ปรับขึ้นภาษีแบบ Universal Tariff กับทุกประเทศตาม Timeline ที่วางไว้ในวันที่ 1 เม.ย. นี้ จากปัจจัยดังกล่าวอาจส่งผลให้แนวโน้มเงินเฟ้อสหรัฐยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งมีผลให้ US Bond Yield 10 ปี และ Dollar Index ทรงตัวระดับสูง และแนวโน้ม Fund Flow ต่างชาติยังชะลอการเข้าลงทุนในตลาดกลุ่ม TIP ส่วนรายงานงบ Q4/67 วานนี้ GULF รายงานกำไรอยู่ที่ 3.9 พัน ลบ. -18% YoY, -35% QoQ และ INTUCH รายงานกำไรอยู่ที่ 3.3 พัน ลบ. –23% YoY, -4.4% QoQ โดยอยู่ระหว่างรอการประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 25 มี.ค. เพื่อควบรวมกับ GULF & INTUCH ในชื่อบริษัทใหม่ GULF Development
Daily Strategy
- ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,260 แนวต้าน 1,280 คาดได้แรงหนุนจากกลุ่มพลังงานที่ปรับขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ และรอฟังถ้อยแถลงของ ปธ.เฟดต่อวุฒิสภาในช่วงค่ำวันนี้ เพื่อจับสัญญาณดอกเบี้ยสหรัฐ แนะนำซื้อเก็งกำไร PTTEP,BCP ปรับขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ/ ท่องเที่ยว AOT,MINT คาดได้แรงหนุนในช่วง High Season /กลุ่มไอซีที ADVANC,TRUE,INTUCH ได้แรงหนุนการใช้ข้อมูล 5G และการลงทุนด้าน Data Center
- BAM* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 7.40 บาท) แนวโน้มผลประกอบการ 4Q67 เติบโต QoQ, YoY มีปัจจัยหนุนจากยอดจัดเก็บหนี้ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล บวกกับการขาย NPA ที่ดีขึ้นตามการออกโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขาย ส่วนค่าใช้จ่ายในการสำรองหนี้จะลดลงสอดคล้องกับการชำระหนี้ของลูกค้า สำหรับปี 68 ตลาดคาดกำไร 7 พันล้านบาท โตราว +10%YoY จากการประมูลซื้อหนี้เสียก้อนใหม่และการปรับโครงสร้างหนี้ของลูกค้าเพิ่มขึ้น ด้านรายได้ non-interest ขยายตัวจากการบริหารจัดการ JVAMC ที่ทำร่วมกับธนาคารออมสินและ KBANK ด้านการขาย NPA มีแนวโน้มดีด้วยกลยุทธ์ให้ลูกค้าสามารถผ่อนโดยตรงกับบริษัทได้ด้วยดอกเบี้ย 0% - 2 ปีแรก
- TTB (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย 07 บาท) กำไร Q4/67 อยู่ที่ ที่ 5,112 ลบ. -2.3% QoQ, +5.0% YoY โดยภาพทั้งปี TTB มีกำไรปี 67 รวมอยู่ที่ 2.1 หมื่น ลบ. +12.9% YoY สินเชือปี 67 หดตัว -6.5% YTD ชะลอตัวตามสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ แต่ยังได้แรงหนุนจาก Loan Yield อยู่ที่ 5.59% +31 Bps YoY จากเน้นปล่อยสินเชื่อ High Yield ด้านต้นทุนการเงินควบคุมได้ดี กอปรกับยังได้ประโยชน์ทางภาษี Tax Shield จำนวน 4.9 พัน ลบ. NPL ปรับลดลงอยู่ที่ 2.59% อัตรา Coverage Ratio ที่ 151% ส่วนปี68 ฝ่ายวิเคราะห์คาดกำไร TTB ที่ 2.13 หมื่น ลบ. +1.48% YoY บนสมมุติฐานคาดสินเชื่อปี 68 +1% YoY สาเหตุจากตลาดสินเชื่อรถยนต์ที่คาดยังฟื้นตัวช้า แต่ได้แรงหนุนจากอัตรา Loan Yield คาดรักษาที่ระดับ 4.8% จากการเน้นปล่อยสินเชื่อ High Yield ขณะที่ Cost to Income คาดที่ 43.7% และ Credit Cost คาดที่ 1.44%
Daily Key Factors
Oil Update(+) WTI มี.ค. +$1.32 อยู่ที่ $72.32 / บาร์เรล, Brent เม.ย. +$1.21 อยู่ที่ $75.87/บาร์เรล หลังกระทรวงการคลังสหรัฐประกาศ ม.คว่ำบาตรต่อเจ้าหน้าที่อิหร่านหลายท่าน และเรือบรรทุกน้ำมันอิหร่านที่ขนส่งน้ำมันดิบไปยังตลาดจีน
Gold Update(+) Comex Gold เม.ย.+$46.80 อยู่ที่ $2,934.40 /ออนซ์ เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย หลัง ปธ.ทรัมป์เตรียมปรับขึ้นภาษีศุลกากรกับหลายประเทศ
Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -122.63 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -58.76 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -56.34 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -7.53 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 33.96 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(-) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.492 %
(-) ดัชนี BDI วานนี้ -6 จุด อยู่ที่ 809
(+) BitCoinเช้านี้ +1.32% อยู่ที่ 98,000 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
17 ก.พ. สภาพัฒน์ แถลง GDP ไตรมาส 4/67
สัปดาห์ที2 ม.หอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค, ดัชนีความเชื่อมั่น
หอการค้าไทย
สภาธุรกิจตลาดทุนไทย แถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนและ
อัพเดตสถานการณ์ลงทุน
ตลท. แถลงสรุปภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์
สัปดาห์ที3 ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม
ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์, รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วน
ยานยนต์
ต่างประเทศ
12 ก.พ. US ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ม.ค.)
US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
13 ก.พ. US ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) (เดือนต่อเดือน) (ม.ค.)
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
14 ก.พ. US ดัชนียอดขายปลีก (ม.ค.)
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่น 1H68 เน้น หุ้นในธุรกิจใหม่ที่เป็น Trend ในอนาคต อย่าง Data Center รวมถึงหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรปกติ 4Q67-1Q68 คาดออกมาดี และ หุ้นที่รับความผันผวนได้ดีจากความเสี่ยง Trade War/ธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มธนาคารที่มี Sentiment บวกจากธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย/มี Yield สูง BBL, KTB, KBANK, TISCO*, TTB*
(2) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CRC, NSL*, TNP*, OSP*
(3) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, SKR
(4) กลุ่มมีโอกาสเกี่ยวข้องกับการลงทุน Data Center/ธุรกิจ Trend อนาคต ADVANC,INTUCH*,TRUE,GULF*,WHA,AMATA
(5) กลุ่มสินค้า IT ที่ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี(เช่น AI function/ 4G to 5G) SYNEX*, ADVICE*, SIS*
(6) กลุ่มที่มี Sentiment บวกจาก Entertainment Complex BTS*, VGI*, MBK*, BA
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio January 2025: CPALL, SYNEX*, CRC, WHA, SHR*
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th