SET ปัจจัยภายนอกกระทบ ส่วนภายในดีขึ้น
TOP PICK AP / SCGP / IVL
External Factor
• ตลาดฯ มอง Fed อาจปรับลดดอกเบี้ยช้ากว่าคาด เป็นช่วงเดือนก.ค. (เดิมคาด มิ.ย.) และเกิดขึ้นแค่ 1 ครั้งในปีนี้ สะท้อนจาก US Bond Yield 10Y ดีดตัวขึ้นมากกว่า 1% หลังตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังอยู่ในเกณฑ์สุขภาพดี และมีความกังวล Trade War จะ กระตุ้นเงินเฟ้อ
• ความเสี่ยง Trade war อาจรุนแรงมากขึ้น หลัง Trump เตรียมประกาศมาตรการภาษี ตอบโต้กับหลายประเทศในสัปดาห์นี้ จะกระทบ “ทุกคน” อีกทั้งล่าสุดจะมีการประกาศ ขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมที่ 25% จากทุกประเทศในวันจันทร์นี้
Internal Factor
• SET Index วันศุกร์ที่ผ่านมา ปรับตัวขึ้น 20 จุด หรือ +1.6% สวนทางตลาดหุ้นอื่นๆ ในเอเชียที่ปิดลบในหลายประเทศ ซึ่งปัจจัยภายในประเทศที่เป็นแรงขับคงหนีไม่พ้นการ ฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย
• โดย Bloomberg คาด GDP 4Q67 ต้องเติบโตอย่างน้อย +3.5-3.7%YOY ดังนั้นจะหนุนให้ GDP 2567F เติบโตราว +2.6-2.7% ซึ่งต้องติดตามตัวเลขดังกล่าวที่จะ ประกาศ 17 ก.พ.68 ขณะที่ปีนี้คลังคาด GDP ไทย 2568F โต 2.5-3.5%
Investment Strategy
• กำไรบริษัทจดทะเบียนงวด 4Q67 ที่ล่าสุดประกาศงบออกมา 29 บริษัท ดีกว่าคาด 4.9% ยกตัวอย่าง ADVANC กำไรดีกว่าคาด 8.4%, SVI กำไรดีกว่าคาด 16.03% เป็นต้น
• ฝ่ายวิจัยฯได้รวบรวมการคาดการณ์กำไรงวด 4Q67 ของ ASPS กับ Bloomberg พบว่ามีการคาดการณ์กำไร งวด 4Q67F 167 บริษัท คิดเป็นระดับ 73% ของ Market Cap SET อยู่ที่ 1.87 แสนล้านบาท(+19.2%QoQ / +9.8%YoY) ซึ่งต้องติดตามว่ากำไรหลังประกาศเสร็จสิ้นในช่วงปลายเดือนนี้จะมีการเติบโตใกล้เคียงกับที่ฝ่าย วิจัยฯรวบรวมมาไว้หรือไม่
จับตาความกังวล Trade War กดดันสินทรัพย์เสี่ยง
ศุกร์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่ประบตัวลดลง โดยในฝั่งสหรัฐฯ ปิดตัวในแดนลบราว -1% ถึง –1.4% ส่วนในฝั่งยุโรป -0.3% ถึง -0.6% โดยมีความกังวลจาก 2 เรื่องหลัก ได้แก่
1. ตลาดฯ มอง Fed อาจปรับลดดอกเบี้ยช้ากว่าคาด เป็นช่วงเดือน ก.ค. (เดิมคาด มิ.ย.) และเกิดขึ้นแค่ 1 ครั้ง ในปีนี้ ส่วนหนึ่งสะท้อนจาก Bond Yield 10Y สหรัฐฯ ดีดตัวขึ้นมากกว่า 1% หลังสหรัฐฯ เผยภาพรวม ตลาดแรงงานสหรัฐฯ ในเดือน ม.ค. 68 ถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์สุขภาพดี อย่างไรก็ตาม แม้ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรล่าสุดที่ 143,000 ตำแหน่ง จะต่ำกว่าตลาดคาด และปรับตัวลดลงจากเดือนก่อน แต่หากพิจารณาการปรับปรุง (Revised) ตัวเลขในช่วงเดือน ต.ค. –ธ.ค. 67 มีการ “Revised Up” นอกจากนี้อัตราว่างงานยังอยู่ที่ 4.0% ซึ่งต่ำกว่าตลาดคาด
2. ความกังวล Trade war มากขึ้น หลัง Trump เตรียมประกาศมาตรการภาษีตอบโต้กับหลายประเทศใน สัปดาห์นี้ ชี้จะกระทบ “ทุกคน” อีกทั้งล่าสุดจะมีการประกาศขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมที่ 25% จาก ทุกประเทศในวันจันทร์นี้ ขณะที่การตอบโต้นโยบายการค้าของจีน ได้ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ 10-15% (รวมราว 80 รายการ)ซึ่งมีผลบังคับใช้10 ก.พ. 68
สำหรับในภาพรวมเศรษฐกิจล่าสุด เห็นสัญญาณที่ดีขึ้นในแง่มุมของภาคการบริโภค และการใช้จ่ายในช่วงเทศกาล ตรุษจีน หลังรัฐบาลทยอยออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ สะท้อนตัวเลขเงินเฟ้อในเดือน ม.ค. 68 ขยายตัว +0.5%YoY ซึ่งสูงกว่าตลาดคาดที่ +0.4%YoY และเร่งตัวแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน
สรุป ตลาดฯ มอง Fed อาจปรับลดดอกเบี้ยช้ากว่าคาด เป็นช่วงเดือนก.ค. (เดิมคาด มิ.ย.) และเกิดขึ้นแค่ 1 ครั้งในปี นี้ สะท้อนจาก US Bond Yield 10Y ดีดตัวขึ้นมากกว่า 1% หลังตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังอยู่ในเกณฑ์สุขภาพดี และ มีความกังวล Trade War จะกระตุ้นเงินเฟ้อ
ปัจจัยภายในประเทศยังมีเศรษฐกิจไทย และกำไรบริษัทจดทะเบียนเป็นแรงขับเคลื่อน
SET Index วันศุกร์ที่ผ่านมา ปรับตัวขึ้น 20 จุด หรือ +1.6% สวนทางตลาดหุ้นอื่นๆในเอเชียที่ปิดลบในหลายประเทศ ซึ่งปัจจัยภายในประเทศที่เป็นแรงขับคงหนีไม่พ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย โดย Bloomberg คาด GDP 4Q67 เติบโต 3.7%YOY ดังนั้นจะหนุนให้ GDP 2567F เติบโตราว 2.7% ซึ่งต้องติดตามตัวเลขดังกล่าวที่จะประกาศ 17 ก.พ.68 ขณะที่ปีนี้คลังคาด GDP ไทย 2568F โต 2.5-3.5% ซึ่งล่าสุดมีมาตรการ 5 เรื่อง ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ดังนี้
1. การเร่งรัดการเบิกจ่าย โดยเฉพาะรายจ่ายลงทุน หากปีนี้ทำให้ได้ 80% จากเป้าหมายที่ 75% GDP เพิ่มขึ้น 0.11%
2. อุดรูรั่วต่าง ๆ ของโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3 GDP เพิ่มขึ้น 0.1%
3. โครงการบ้านเพื่อคนไทย GDP เพิ่มขึ้น 0.002%
4. กระตุ้นภาคการท่องเที่ยว เพิ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ อีก 5 แสนราย (จากเป้าเดิม 38.5 ล้านราย) GDP เพิ่มขึ้น 0.15%
5. เร่งรัดโครงการลงทุนของภาคเอกชนที่ได้รับการออกบัตรส่งเสริมการลงทุน ที่ขณะนี้มีการยื่นคำขอมาแล้ว 1.3 ล้านล้านบาท ในส่วนนี้หากผลักดันให้เกิดการลงทุนได้จริง ราว 7.5 หมื่นล้านบาท GDP เพิ่มขึ้น 0.19%
ขณะที่อีก 1 ปัจจัยหนุน SET Index คือ กำไรบริษัทจดทะเบียนงวด 4Q67 ที่ล่าสุดประกาศงบออกมา 29 บริษัท ดีกว่า คาด 4.9% ยกตัวอย่าง ADVANC กำไรดีกว่าคาด 8.4%, SVI กำไรดีกว่าคาด 16.03% เป็นต้น
ซึ่งฝ่ายวิจัยฯ ได้รวบรวมการคาดการณ์กำไรงวด 4Q67 ของ ASPS กับ Bloomberg พบว่ามีการคาดการณ์กำไร งวด 4Q67F 167 บริษัท คิดเป็นระดับ 73% ของ Market Cap SET อยู่ที่ 1.87 แสนล้านบาท(+19.2%QoQ / +9.8%YoY) ซึ่งต้องติดตามว่ากำไรหลังประกาศเสร็จสิ้นในช่วงปลายเดือนนี้จะมีการเติบโตใกล้เคียงกับที่ฝ่ายวิจัยฯ รวบรวมมาไว้หรือไม่
สรุป ปัจจัยภายในประเทศยังมีเศรษฐกิจไทย และกำไรบริษัทจดทะเบียนเป็นแรงขับเคลื่อน จึงทำให้วันศุกร์ที่ผ่านมา SET Outperform ตลาดหุ้นอื่นๆ และเห็น Fund flow ต่างชาติเริ่มไหลเข้าบ้างแล้ว โดยวันนี้คาด SET จะมีพัฒนาการ เชิงบวกได้ต่อ โดยมองกรอบการเคลื่อนไหววันนี้ 1275-1302 จุด
Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์