Market Wrap-Up
- SET วันที่ 6 ก.พ.68 ปิด -24.67 จุด อยู่ที่ 1,262.07 จุด มูลค่าการซื้อขาย 48,143 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 166 ลบ. สถาบันขาย 1,645 ลบ. รายย่อยซื้อ 1,226 ลบ. และต่างชาติซื้อ 585 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 2,805 ลบ. โดยมียอดซื้อในหุ้น CPALL,DELTA,BDMS,AMATA,MINT และยอดขายหุ้น KBANK,BH,GULF,ADVANC,TRUE มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,943 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ JAPAN10001,INDIA01,SSP โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 7,140 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 295 สัญญา นักลงทุนต่างชาติซื้อพันธบัตรจำนวน 5,735 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -0.28%, S&P500 +0.36%, Nasdaq +0.51% ได้แรงหนุนจากกลุ่มอุปโภคบริโภค +0.88%, การเงิน +0.84% ขณะที่กลุ่มพลังงาน -1.64% ส่วนข้อมูลผู้ชอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์เพิ่มขึ้น 11,000 ราย อยู่ที่ 219,000 สูงกว่าคาด 213,000 ราย ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +1.17% ได้แรงหนุนจากกลุ่มทรัพยากรพื้นฐาน +4% นำโดย ArcelorMital ผู้ผลิตเหล็ก +13.3% จากอุปสงค์การใช้เหล็กปีนี้คาดจะเพิ่มขึ้น
Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ได้แรงหนุนจากกลุ่มอุปโภคบริโภค และการเงิน ขณะที่ราคาหุ้น Amazon หลังปิดตลาด -4.12% แม้ว่ากำไร Q4/67 จะดีกว่าคาด แต่ยอดขายถูกกระทบจากดอลลาร์ที่แข็งค่า และรายได้จากธุรกิจคลาว์น้อยกว่าคาด โดยบริษัทคาดรายได้ใน Q1/68 อยู่ที่ $151,000 ล. – $155,500 ล. ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ $158,330 ล. จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ S&P Futures และ Nasdaq Futures เช้านี้ -0.1% ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจค่ำวันนี้ ติดตามตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ ม.ค. คาดเพิ่มขึ้น 154,000 ราย & ธ.ค. 256,000 ราย และอัตราว่างงานคาดทรงตัวที่ 4.1% เพื่อประเมินภาวะตลาดแรงงาน และโอกาสลดดอกเบี้ยของเฟด
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ได้แรงหนุนจากกลุ่มทรัพยากรพื้นฐาน +4% ขณะที่กลุ่มการบินอวกาศและป้องกัน -0.9% จากประเด็นข่าว ปธ.ทรัมป์เตรียมหารือกับ ปธ.ปูติน เพื่อยุติสงครามในยูเครนที่ดำเนินมา 3 ปี จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลบวกต่อดัชนีหุ้นออสเตรีย, โปแลนด์ และฟินแลนด์ ส่วน FTSE อังกฤษวานนี้ +1.21% หลัง BOE มีมติ 7 – 2 ลดดอกเบี้ย 0.25% อยู่ที่ 4.5% ตามคาด โดย 2 เสียงหนุนให้ลดดอกเบี้ย 0.50% ซึ่งเทรดเดอร์คาดมีโอกาสที่ BOE จะลดดอกเบี้ยปีนี้อีก 0.63% หลังเงินเฟ้ออังกฤษมีแนวโน้มลดลงสู่เป้าหมายที่ 2%
- ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีนิเกอิ +0.61% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี แม้ว่ากลุ่มผู้ผลิตรถยนต์จะถูกกดดันจากค่าเงินเยนแข็งค่าอยู่ที่ 151.1 เยน/ดอลลาร์ จากคาดการณ์ BOJ จะปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อ ส่วนดัชนีฮั่งเส็ง +1.43% จากคาดการณ์เฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยในปีนี้ หลัง ISM เผย PMI ภาคบริการสหรัฐ ม.ค. มีสัญญาณชะลอตัว ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้ +1.2% แม้ว่าจีนเตรียมปรับขึ้นภาษีศุลกากรนำเข้าสินค้าสหรัฐในอัตรา 10 – 15% ในวันที่ 10 ก.พ. แต่นักลงทุนยังดูว่าสหรัฐ – จีนจะสามารถเจรจากันก่อนได้หรือไม่
- ดัชนี SET วานนี้ปิด -1.92% ปริมาณการซื้อขาย 4.8 หมื่น ลบ. สถาบันขาย 1,645 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 166 ลบ. รายย่อยซื้อ 1,226 ลบ. และต่างชาติซื้อ 585 ลบ. โดยดัชนีปรับลดลงจากแรงขาย Delta วานนี้ -4.5% หลัง ตลท.เตรียมใช้เกณฑ์ Cap Weight หุ้นรายตัวใน SET50/100 ไม่ให้มีน้ำหนักเกิน 10 % ส่งผลให้กองทุน Passive Fund ที่อ้างอิงกับ SET50/100 จำเป็นต้องปรับลดน้ำหนักการถือหุ้น Delta ลงด้วย ส่วนกลุ่มค้าปลีก CPALL -2.5% หลังมีประเด็นข่าวเตรียมร่วมลงทุนกับกลุ่มเจ้าของ 7-11 ในญี่ปุ่น เพื่อเข้าซื้อกิจการ Seven & I Holding มูลค่า 9 ลล.เยน โดย CPALL อาจจะเข้าร่วมลงทุนในสัดส่วน 5.7% ของมูลค่าดีลนี้ ซึ่งอาจส่งผลลบต่อประมาณการณ์กำไรของ CPALL ราว 2.3% - 3.8% โดยนักลงทุนยังขายลดพอร์ต จากคาดการณ์ GDP ไทยปีนี้มีอาจชะลอตัวจากปีก่อน เนื่องจากรายได้จากภาคท่องเทียวเริ่มอิ่มตัว กอปรกับภาคส่งออกอาจถูกกดดันจาก ม.ปรับขึ้นภาษีศุลกากรของสหรัฐ ส่งผลให้ส่งออกไทยปีนี้คาดจะขยายตัวได้ราว 1 – 3% เทียบกับปีก่อนขยายตัว 5.4% ประเด็นที่ต้องติดตามวันนี้ ADVANC จะรายงานงบ Q4/67 โดย คาดกำไรที่ 8.89 พัน ลบ. +27% YoY, +1 QoQ และ THCOM คาดกำไร Q4/67 ที่ 4 ลบ. ฟื้นตัว YoY, QoQ จากผลขาดทุนในงวดก่อน
Daily Strategy
- วางแนวรับระยะสั้นดัชนี SET ที่ 1,250 แนวต้าน 1,270 โดยกกลุ่มสถาบันยังขายปรับพอร์ต SET50/100 ตามเกณฑ์ Cap Weight หุ้นรายตัวไม่เกิน 10% กอปรยังรอประเมินผลกระทบจาก ม.ปรับขึ้นภาษีของสหรัฐแนะนำพักเงินในกลุ่มจ่ายปันผลสูง เช่น SIRI,AP,MC,SCB,KTB,INTUCH
- PCE* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย Consensus 3.55 บาท) งวด 9M67 บริษัทมีกำไรสุทธิ 397 ล้านบาท +103%YoY ตามปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น แนวโน้มกำไรปกติในงวด 4Q67 จะยังดีขึ้นจากราคา CPO ในประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับราคาในตลาดโลก ช่วยชดเชยปริมาณขาย B100 ที่ถูกกระทบจากการปรับสัดส่วนเป็น B5 ตั้งแต่ปลายเดือน พ.ย.67 ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นน่าจะรักษาระดับได้และผันผวนน้อยกว่าคนอื่นเนื่องจากธุรกิจครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำ โดยทั้งปี 67 ผู้บริหารคาดรายได้จะเติบโตได้ 10-15% ตามเป้าหมาย ส่วนในปี 68 แม้ในประเทศจะถูกกระทบจาก B5 แต่จะได้ประโยชน์จากตลาดส่งออกในช่วง 1H ที่ผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดมากขึ้น โดยราคาน้ำมันปาล์มในตลาดโลกมีแนวโน้มอยู่ในระดับสูงจากนโยบายปรับส่วนผสมไบโอดีเซลของอินโดนีเซียเพิ่มเป็น B40 ส่วน PCE เป็นผู้ส่งออกรายใหญ่มี Market Share อันดับ 1 ของไทย มีความได้เปรียบการแข่งขันที่ตอนนี้ไทยยังไม่มีการเก็บ export tax
- BBL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย00 บาท) กำไร Q4/67 อยู่ที่ 10,404 ลบ. -16.6% QoQ, +17.4% YoY ปรับดีขึ้น YoY มาจากรายได้จากเงินลงทุนและรายได้ค่าธรรมเนียมปรับสูงขึ้น กอปรกับ C/I ratio ลดลง YoY เมื่อเทียบกับ Q4/66 ที่ระดับ 56.0%โดยภาพทั้งปี BBL มีกำไรปี 67 รวมอยู่ที่ 45,211 ลบ. +8.6% YoY ได้แรงหนุนจาก NIM +4 Bps อยู่ที่ 3.06% สินเชื่อขยายตัว +0.8% YoY, กำไรจากเงินลงทุนและ FVTPL ปรับเพิ่มขึ้น ส่วนปี68 ฝ่ายวิเคราะห์คาดกำไร BBL ที่ 4.65 หมื่น ลบ. +2.9% YoY บนสมมุติฐานสินเชื่อเติบโต +2% YoY , อัตรา NIM ไว้ที่ 3.0% , รายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น Single Digit จากบัตรเครดิต, ประกันและกองทุนรวม ด้านสำรอง ECL คาดสามารถปรับลดลงเป็นปัจจัยบวกช่วยหนุนกำไร ขณะที่ Coverage Ratio สูงถึง 334% ซึ่งเพียงพอรองรับความเสี่ยงหนี้เสียในอนาคต
Daily Key Factors
Oil Update(-) WTI มี.ค. -$0.42 อยู่ที่ $70.61 / บาร์เรล, Brent เม.ย. -$0.32 อยู่ที่ $74.29/บาร์เรล หลัง EIA รายงานสต็อคน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 8.6 ล.บาร์เรล กอปรกับนโยบาย ปธ.ทรัมป์ที่ส่งเสริมให้เพิ่มการขุดเจาะน้ำมัน, วางท่อน้ำมัน และตั้งโรงกลั่นน้ำมัน อาจส่งผลให้อุปทานเพิ่มขึ้น
Gold Update(-) Comex Gold เม.ย.-$16.30 อยู่ที่ $2,876.7 /ออนซ์ ถูกแรงขายกำไร ก่อนรอรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ ม.ค.
Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -122.83 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +17.32 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -143.23 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +3.08 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 33.79 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทรงตัวอยู่ที่ 4.432 %
(+) ดัชนี BDI วานนี้ +22 จุด อยู่ที่ 793
(-) BitCoinเช้านี้ -0.08% อยู่ที่ 96,755 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
สัปดาห์ที1 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทย
(ก.พ.)
ต่างประเทศ
03 ก.พ. EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) (ม.ค.)
US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต (ม.ค.)
04 ก.พ. US ตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่จาก JOLTS (ธ.ค.)
05 ก.พ. US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ (ม.ค.)
US การเปลี่ยนแปลงการจ้างงานภาคนอกภาคเกษตรกรรม(ADP) (ม.ค.)
06 ก.พ. US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
07 ก.พ. US รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง (เดือนต่อเดือน) (ม.ค.)
US การจ้างงานนอกภาคการเกษตร (ม.ค.)
US อัตราการว่างงาน (ม.ค.)
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่น 1H68 เน้น หุ้นในธุรกิจใหม่ที่เป็น Trend ในอนาคต อย่าง Data Center รวมถึงหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรปกติ 4Q67-1Q68 คาดออกมาดี และ หุ้นที่รับความผันผวนได้ดีจากความเสี่ยง Trade War/ธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มธนาคารที่มี Sentiment บวกจากธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย/มี Yield สูง BBL, KTB, KBANK, TISCO*, TTB*
(2) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CRC, NSL*, TNP*, OSP*
(3) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, SKR
(4) กลุ่มมีโอกาสเกี่ยวข้องกับการลงทุน Data Center/ธุรกิจ Trend อนาคต ADVANC,INTUCH*,TRUE,GULF*,WHA,AMATA
(5) กลุ่มสินค้า IT ที่ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี(เช่น AI function/ 4G to 5G) SYNEX*, ADVICE*, SIS*
(6) กลุ่มที่มี Sentiment บวกจาก Entertainment Complex BTS*, VGI*, MBK*, BA
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio January 2025: CPALL, SYNEX*, CRC, WHA, SHR*
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th