AT THE OPEN (#ATO)
SET Index รีบาวน์
เลือกหุ้น High Beta และหุ้นที่ Deep Value
Market Strategy
แรงกดดันจากประเด็นสงครามที่แนวโน้มผ่อนคลายลงชั่วคราว ประกอบกับ Valuation ของตลาดหุ้นบ้านเราที่อยู่ในจุดไม่แพง ช่วยหนุน SET Index รีบาวน์กลับมองกรอบ 1300 -1315 จุด สำหรับหุ้นเด่นของวันเลือกหุ้น High Beta พื้นฐานดี AWC ส่วนหุ้นเด่นประจำสัปดาห์เลือกหุ้น Deep Value อย่าง SPRC
ปัจจัยเสี่ยงเรื่องสงครามการค้าลดลง หลังจากสหรัฐฯ เลื่อนขึ้นภาษีเม็กซิโก แคนาดา 25% ออกไป 30 วันหลังจากทั้ง 2 ประเทศเพิ่มความเข้มงวดป้องกันลักลอบสารเสพติดระหว่างพรหมแดนกับสหรัฐฯ การตอบสนองของตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้ ดัชนี Dow Jones ลดช่วงลบจาก -665 จุดเหลือ -123 จุด ค่าเงิน Dollar Index จากที่ขึ้นไปแข็งค่า 110 จุด อ่อนค่ากลับมาที่ 108 จุด ด้านค่าเงินบาทเช้านี้แข็งค่ามาที่ 33.85 บาท/USD จากที่อ่อนค่าแตะ 34 บาท/USD เมื่อวันก่อน การเคลื่อนไหวข้างต้นเป็นบวกต่อตลาด SET Index รีบาวน์กลับขึ้นมาได้ ส่วนวันนี้ติดตามจีนจะสามารถเจรจาเพื่อเลื่อนการขึ้นภาษี 10% จากสหรัฐฯได้หรือไม่
ด้าน Valuation ของ SET Index ตรง 1300 จุด เรามองเป็นจุดที่น่าสนใจ เพราะอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี ทั้งในส่วน PER68E ที่ 13.8 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ย -1.2 S.D. ด้าน Dividend Yield 3.85% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย -2 S.D. และ PBV ที่ 1.25 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ย -2 S.D. ด้วยเช่นกัน ในเชิงกลยุทธ์จึงมองการลงมาใกล้ระดับดังกล่าวน่าจะเป็นจังหวะสะสมสำหรับนักลงทุนระยะกลาง-ยาว โดยหุ้นที่น่าสนใจเป็น 2 กลุ่มดังนี้
1) กลุ่มที่กำไรเติบโต Valuation น่าสนใจ (อย่างมาก) คัดกรองบนเงื่อนไข EPS Growth 68>15% ,PER68/PBV68 ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี และเราแนะนำซื้อ SPRC MTC AWC CENTEL CK AAV
2) กลุ่มที่ปันผลสูงบนเงื่อนไขอัตราปันผล 2H67 > 3% และปี 68 มากกว่า 7% EPS Growth 68 > 0 และ เราแนะนำซื้อ AP SIRI TASCO KKP TTB
Market Summary
SET Index เปิดลงช่วงแรก -44 จุด ก่อนที่จะลดช่วงลบเหลือ -10 จุด กลุ่มที่ปรับขึ้นสวนตลาด นำโดย กลุ่มท่องเที่ยวจากความคาดหวังต่อการฟื้นตัวภาคการท่องเที่ยว CENTEL +4% MINT +3% ERW +2.4% กลุ่มหุ้นปันผลสูง นำโดย กลุ่มธนาคาร SCB +1% KKP +0.5% ส่วนกลุ่มที่ปรับลงแรงกว่าตลาดกลุ่ม Global Play จากความเสี่ยงสงครามการค้า SCGP -3% KCE -5% HANA -5% PTTGC -4% เป็นต้น
DAILY
Stock Pick
AWC
AWC เป็นหุ้น High Beta (อยู่ที่ระดับ 1.5 เท่า) แถมในเชิง Valuation PBV68 ที่ 1.12 เท่าถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีมากถึง -1.5 S.D. จึงเชื่อว่าในระยะสั้นที่ SET Index มีโอกาสรีบาวน์ AWC จะสามารถดีดตัวได้แรงกว่า
โดยปัจจัยสนับสนุนจากผลประกอบการที่ยังมีแนวโน้มเติบโตดี คาดว่าจะรายงานกำไรหลัก 4Q67ที่ 556 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19%YoY และเพิ่มขึ้น 93%QoQ การเติบโตของกำไรหลัก YoY ได้แรงหนุนจาก RevPAR และการประหยัดจากขนาด จากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของกลุ่ม MICE และโรงแรมในกรุงเทพฯ กระบี่ ภูเก็ต และเชียงใหม่ การเติบโต QoQ เป็นผลมาจากฐานต่ำ และคาดกำไร 1Q68 เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวระยะไกลจากยุโรปและสหรัฐอเมริกาที่เพิ่มขึ้น
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 4.20 บาท
KEY FACTOR
เงินเฟ้อ (CPI) Eurozone เร่งตัวขึ้น +2.5% ใน ม.ค. สูงกว่าคาดการณ์ที่ +2.4% ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 2.7% แม้ว่าค่าใช้จ่ายภาคบริการจะลดลงเล็กน้อยก็ตาม ตอกย้ำมุมมองการลดดอกเบี้ยนโยบายของ ECB ที่น่าจะมีอย่างต่อเนื่อง บนภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้าและเงินเฟ้อสูง
ด้านปัจจัยภายในภูมิภาค 1) ดัชนี Caixin PMI ภาคการผลิต ของจีน อยู่ที่ระดับ 50.1 ในเดือน ม.ค. ชะลอลงจากระดับ 50.5 และต่ำกว่าที่คาดการณ์ที่ 50.6 สะท้อนภาพเศรษฐกิจที่กลับมาชะลอตัว 2) กระแสเงินทุนต่างขาติแม้ว่าจะขายต่อเนื่องใน ASEAN แต่เริ่มมีสัญญาณบวกมากขึ้น จากแรงขายที่เริ่มเบาลง สอดคล้องกับตลาดหุ้นในภูมิภาคที่ปรับตัวลงแรงในช่วงเปิดตลาด แต่กลับมาปิดลดช่วงลบลง (เช่นเดียวกับตลาดหุ้นไทยที่มีจุดต่ำสุดระหว่างวัน -3.32% แต่กลับขึ้นมาปิด -0.77%)
EYES ON
[ในสัปดาห์] การรายงานงบฯ 4Q67
5 ก.พ. Caixin PMI ภาคบริการของจีน, การจ้างงานเอกชน ADP
6 ก.พ. เงินเฟ้อของไทย
7 ก.พ. การจ้างงานนอกภาคเกษตร, อัตราการว่างงาน
นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ