Market Wrap-Up
- SET วันที่ 3 ก.พ.68 ปิด -10.11 จุด อยู่ที่ 1,304.39 จุด มูลค่าการซื้อขาย 54,212 ลบ. ต่างชาติขาย 362 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 1,142 ลบ. สถาบันซื้อ 600 ลบ. และรายย่อยซื้อ 905 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 270 ลบ. โดยมียอดซื้อในหุ้น CPALL,DELTA,GULF,CCET,TRUE และยอดขายหุ้น KBANK,PTT,BBL,PTTEP,ADVANC มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,730 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ TGE,SJWD,KBANK โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 43,027 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Short สุทธิรวม 16,392 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 4,621 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -0.28%, S&P500 -0.76%, Nasdaq -1.20% ปรับลดลงหลัง ปธ.ทรัมป์ประกาศเก็บภาษีศุลกากรเม็กซิโก & แคนาดาที่ 25% และจีนที่ 10% ในวันอังคารนี้ แต่ดัชนีหุ้นสหรัฐเริ่มฟื้นตัว หลัง ปธ.ทรัมป์ได้เจรจากับ ปธ.แคนาดา & เม็กซิโกชะลอการเก็บภาษีออกไป 30 วัน ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.87% จากแรงชายกลุ่มยานยนต์ -2.4%, สินค้าหรูหรา LVMH -1.9% และกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานปรับลดลง
Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับลดลง หลัง ปธ.ทรัมป์จะเก็บภาษีศุลกากรสินนำเข้าจากเม็กซิโก & แคนาดาที่ 25% และจีนที่ 10% จะเริ่มในวันอังคารนี้ แต่สถานการณ์ดีขึ้น หลัง ปธ.ทรัมป์ได้หารือกับ ปธ.แคนาดา & เม็กซิโก ได้เลื่อนการปรับภาษีดังกล่าวออกไป 30 วัน ระหว่างการเจรจา โดยเม็กซิโก & แคนาดาได้เพิ่มทหาร & งบประมาณในการดูแลพรมแดน เพื่อป้องกันการลักลอบค้ายาเฟนทานิล จากปัจจัยบวกดังกล่าว Down Jones Futures เช้านี้ +0.35% ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวานนี้ ISM เผย PMI ภาคการผลิตสหรัฐ ม.ค. ปรับขึ้นอยู่ที่ 50.9 & ธ.ค. 49.8 สูงสุดนับตั้งแต่ ก.ย. 65 สัปดาห์นี้ติดตาม JOLTs ตัวเลขเปิดสมัครงาน, PMI/ISM ภาคบริการ, ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชน, ต้วเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร และอัตราว่างงานสหรัฐ ม.ค.
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับลดลง หลัง ปธ.ทรัมป์จะเรียกเก็บภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าเม็กซิโก & แคนาดาที่อัตรา 25% ซึ่งจะกระทบลบต่อกลุ่มยานยนต์ และซัพพลายเออร์ของยุโรป กอปร ปธ.ทรัมป์เผยจะปรับขึ้นภาษีศุลากากรสินค้าจาก EU เนื่องจาก EU นำเข้ารถยนต์ & สินค้าเกษตรของสหรัฐน้อยเกินไป ทางด้านข้อมูลเศรษฐกิจ PMI ภาคการผลิตยูโรโซน ม.ค. ปรับขึ้นอยู่ที่ 46.6 & คาด 1 แต่ยังอยู่ในโซนถดถอย และ CPI ยูโรโซน ม.ค. อยู่ที่ 2.5% & ธ.ค. 2.4% YoY โดยวันพฤหัสนี้ BOE อังกฤษคาดจะปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25%
- ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ นิเกอิ -2.66%,Kospi เกาหลีใต้ -2.52% จากความกังวล ปธ.ทรัมป์จะเริ่มเก็บภาษีนำเข้าสินค้าเม็กซิโก, แคนาดา และจีน ซึ่งสหรัฐอาจมีแผนเตรียมเก็บภาษีจากญี่ปุ่น & เกาหลีใต้ เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศมียอดเกินดุลการค้าสหรัฐในช่วง 11 เดือนปี 67 รวม 1.22 แสน ล.ดอลลาร์ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวานนี้ PMI ภาคการผลิตจีน ม.ค. อยู่ที่ 50.1 & ธ.ค. 50.5 และ PMI ภาคการผลิตญี่ปุ่น ม.ค. อยู่ที่ 48.7 & ธ.ค. 49.6
- ดัชนี SET วานนี้ปิด -0.77% ปริมาณการซื้อขาย 5.4 หมื่น ลบ. ต่างชาติขาย 362 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 1,142 ลบ. สถาบันซื้อ 600 ลบ. และรายย่อยซื้อ 905 ลบ. โดยช่วงเปิดตลาดดัชนีปรับลดลงต่ำสุดที่ระดับ 1,270.87 จุด จากความกังวลต่อสงครามการค้ารอบใหม่ ส่งผลให้กลุ่ม Global Play เช่น บรรจุภัณฑ์, ปิโตรเคมี, พลังงาน ปรับลดลงตามอุปสงค์ตลาดโลกอาจชะลอตัว โดยเม็ดเงินสลับเข้าซื้อกลุ่ม Domestic Play เช่น ธนาคาร, ไฟแนนท์, ท่องเที่ยว รวมถึงหุ้นที่จ่ายปันผลสูง โดยดัชนี SET เริ่มฟื้นตัวในช่วงบ่าย หลัง Valuation ของ SET อยู่ในโซนต่ำ โดยเทรดที่ Forward P/E ปี 68 ที่ 13.5X กอปรกับมีประเด็นข่าวอาจมีการเจรจากันระหว่าง ปธ.ทรัมป์ และปธ.เม็กซิโก & แคนาดา เพื่อลดผลกระทบจาก ม.ปรับขึ้นภาษี ส่งผลให้เริ่มมีแรงซื้อ Cover Short ในภาคบ่าย ประเด็นสำคัญวันนี้ติดตามการประชุม ครม. และตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติ, วันพฤหัส CPI ไทย ม.ค. คาด 1.25% รวมถึงรายงานงบ Q4/67 ของ ADVANC, THCOM ในช่วงปลายสัปดาห์
Daily Strategy
- ประเมินดัชนี SET มีโอกาสฟื้นตัว หลังความเสี่ยงของสงครามการค้าลดลง โดยวางแนวรับที่ 1,300 แนวต้าน 1,315 – 1,320 แนะนำซื้อเก็งกำไรกลุ่ม Domestic Play เช่น BJC,CRC,MC,SABINA,WARRIX ได้รับผลกระทบน้อยจากปัจจัยต่างประเทศ /กลุ่มท่องเที่ยว MINT,CENTEL,ERW รับยอดนักท่องเที่ยวในช่วงตรุษจีน และกลุ่มจ่ายปันผลสูง เช่น SIRI,AP,MC,SCB,INTUCH
- MTC* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 57.75 บาท) บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 3Q67 ที่ 49 พันล้านบาท +3%QoQ, +16%YoY หนุนจากการขยายตัวของสินเชื่อ รายได้ดอกเบี้ยเติบโต และการควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ได้ดี โดย NPL ลดลงเหลือ 2.8% จาก 2Q67 ที่ 2.9% สำหรับแนวโน้ม 4Q67 กำไรยังอยู่ในทิศทางปรับเพิ่มทั้ง QoQ, YoY จากการตั้งสำรองที่มีแนวโน้มผ่อนคลายลงจากมาตรการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางของรัฐ ส่งผลให้ลูกหนี้มีความสามารถในการชำระหนี้เพิ่มขึ้น ส่วน NIM ที่อาจถูกกดดันจากต้นทุนการเงินหุ้นกู้ชุดใหม่น่าจะชดเชยได้จากการขยายพอร์ตสินเชื่อ ซึ่งในปี 67-68 คาดการขยายตัวของสินเชื่อ 15-20% อิงจาก consensus ตลาดคาดกำไรสุทธิปี 68 ที่ 6.9 พันล้านบาท +18%YoY
- ERW* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 5.15 บาท) การดำเนินงานปกติในช่วง 4Q67 ยังมีปัจจัยบวกตามฤดูกาล(จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย 4Q67 +17%YoY +10%QoQ) และม.กระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯ รวมถึงการ renovate โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ พัทยา ที่เสร็จสิ้น ซึ่งทาง ERW* คาด 4Q67 จะมี Rate ที่ 80% และ ARR ที่ +8-10%QoQ, +5-7%YoY นอกจากนี้ ช่วง 1Q68 ยังดูมีแนวโน้มดีจากยอดนักท่องเที่ยวเข้าไทยในช่วง 1-26ม.ค.67 ยัง +19.30%YoY ปัจจุบัน ตลาดคาด Adj. EPS ปี67 และ 68 ของ ERW* ที่ 0.18 บ./หุ้น( +13%YoY) และ 0.19 บ./หุ้น(+4%YoY)
Daily Key Factors
Oil Update(+) WTI มี.ค. +$0.63 อยู่ที่ $73.16 / บาร์เรล, Brent เม.ย. +$0.29 อยู่ที่ $75.96/บาร์เรล ช่วงแรกราคาน้ำมันปรับขึ้นมากกว่า 1 ดอลลาร์ จากความกังวล ปธ.ทรัมป์จะเก็บภาษีนำเข้าน้ำมันจากเม็กโก & แคนาดา แต่ราคาได้เริ่มชะลอตัว หลัง ปธ.ทรัมป์ได้ชะลอการขึ้นภาษีออกไป 30 วัน ส่วนผลการประชุมโอเปกพลัส มีมติคง ม.ลดกำลังการผลิตที่ 5.86 ล.บาร์เรล/วัน โดยกลุ่มโอเปกพลัส 8 ชาติจะเริ่มทยอยยุติการลดกำลังการผลิตตั้งแต่ เม.ย. 68
Gold Update(+) Comex Gold เม.ย.+$22.10 อยู่ที่ $2,857.10 /ออนซ์ เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ในช่วงมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายการค้าของสหรัฐ
Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -15.47 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -10.63 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -16.70 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +11.86 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีแข็งค่าอยู่ที่ 33.85 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.563 %
(+) ดัชนี BDI วานนี้ +3 จุด อยู่ที่ 738
(+) BitCoinเช้านี้ +4.60% อยู่ที่ 101,115 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
สัปดาห์ที1 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทย
(ก.พ.)
ต่างประเทศ
03 ก.พ. EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) (ม.ค.)
US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต (ม.ค.)
04 ก.พ. US ตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่จาก JOLTS (ธ.ค.)
05 ก.พ. US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ (ม.ค.)
US การเปลี่ยนแปลงการจ้างงานภาคนอกภาคเกษตรกรรม(ADP) (ม.ค.)
06 ก.พ. US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
07 ก.พ. US รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง (เดือนต่อเดือน) (ม.ค.)
US การจ้างงานนอกภาคการเกษตร (ม.ค.)
US อัตราการว่างงาน (ม.ค.)
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่น 1H68 เน้น หุ้นในธุรกิจใหม่ที่เป็น Trend ในอนาคต อย่าง Data Center รวมถึงหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรปกติ 4Q67-1Q68 คาดออกมาดี และ หุ้นที่รับความผันผวนได้ดีจากความเสี่ยง Trade War/ธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มธนาคารที่มี Sentiment บวกจากธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย/มี Yield สูง BBL, KTB, KBANK, TISCO*, TTB*
(2) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CRC, NSL*, TNP*, OSP*
(3) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, SKR
(4) กลุ่มมีโอกาสเกี่ยวข้องกับการลงทุน Data Center/ธุรกิจ Trend อนาคต ADVANC,INTUCH*,TRUE,GULF*,WHA,AMATA
(5) กลุ่มสินค้า IT ที่ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี(เช่น AI function/ 4G to 5G) SYNEX*, ADVICE*, SIS*
(6) กลุ่มที่มี Sentiment บวกจาก Entertainment Complex BTS*, VGI*, MBK*, BA
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio January 2025: CPALL, SYNEX*, CRC, WHA, SHR*
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th