3 ก.พ. 2568 10:08:42 423
สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (3 กุมภาพันธ์ 2568)-------บมจ.หลักทรัพย์ธนชาต ชี้สิ้นปี 2568 นี้ มีโอกาสเห็นดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยปิดตลาดที่ 1,580 จุด มองยังมีหลายอุตสาหกรรมที่ยังมีความสามารถทำกำไรได้ดี และมีแนวโน้มเติบโตได้ต่อเนื่อง ตามภาวะเศรษฐกิจไทยที่ค่อยๆ ฟื้นตัว แนะนำให้จัดพอร์ตลงทุนแบบเสี่ยงปานกลาง ( Moderate Risk Portfolio) พร้อมมองหุ้นที่คาดว่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาดประกอบด้วย SCB KTB MTC CPALL TRUE CKP ERW SPA MEGA และ DIF จากเศรษฐกิจไทยที่ค่อยๆ ฟื้นตัว ในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 หลังจากนโยบายเศรษฐกิจมีความชัดเจน และเสถียรภาพทางการเมืองนิ่งมากขึ้น แต่เนื่องด้วยความกังวลต่อภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ที่อาจเร่งตัวขึ้นอีกครั้ง กรณีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ใช้มาตรการภาษีนำเข้าที่แข็งกร้าวกับประเทศคู่ค้าหลัก โดยเฉพาะประเทศจีน ส่งผลให้กระแสเงินทุนไหลออกจากกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา (Emerging Country) ไปที่กลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (Developed Country) และเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นไทย ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2567 ทั้งๆ ที่มีแรงหนุนจากเม็ดเงินใหม่ผ่านกองทุนวายุภักษ์ และกองทุนประหยัดภาษี TESG ก็ตาม นายอดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล Head of Retail Strategy และ Investment Strategist บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงปัญหาของตลาดหุ้นไทยที่ไม่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีนัก ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เป็นผลจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า และโครงสร้างตลาดหุ้นไทย ที่ถูกกดดันจากหลายอุตสาหกรรมที่มีการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในช่วงหลัง Covid ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี ชิ้นส่วนยานยนต์ กลุ่มโรงไฟฟ้า และกลุ่มสื่อโฆษณาเป็นต้น อย่างไรก็ดี เรามองว่ายังมีหลายอุตสาหกรรม ที่ยังมีความสามารถทำกำไรได้ดี และมีแนวโน้มเติบโตได้ต่อเนื่อง ตามภาวะเศรษฐกิจไทยที่ค่อยๆ ฟื้นตัว ทำให้กลยุทธ์การลงทุนในช่วงหลายปีนี้ อยู่ในภาวะที่ "ต้องเลือก" ลงทุน โดยให้เป้าหมาย SET สิ้นปี 2568 ที่ 1,580 จุด ทั้งนี้ในปี 2568 บล.ธนชาต แนะนำให้จัดพอร์ตลงทุนแบบ Moderate Risk Portfolio โดยให้น้ำหนักการลงทุนประกอบด้วย1.ตราสารหนี้ระยะสั้นเพื่อรักษาสภาพคล่อง 15% ของพอร์ต2.ตราสารหนี้คุณภาพสูงในสหรัฐฯ 30% ของพอร์ต ที่นอกจากจะให้ผลตอบแทนจากการถือสูง ยังมีโอกาสได้ส่วนต่างราคาในกรณีที่ Fed กลับมาลดดอกเบี้ยอีกครั้ง3. ตลาดหุ้นต่างประเทศ 20% ของพอร์ต โดยเน้นไปที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จีน และเวียดนาม4.ตลาดหุ้นไทย 20% ของพอร์ต ซึ่งจำเป็นต้อง "เลือก" ซื้อในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังมีความสามารถในการทำกำไรที่ดี5.สินทรัพย์ทางเลือก อย่างทองคำ และกองทุนโครงสรางพื้นฐาน 15% ของพอร์ต สำหรับกลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาด จะเป็นกลุ่มหุ้นที่มีความสามารถในการทำกำไรสูง สร้างกระแสเงินสดได้ดี สามารถจ่ายเงินปันผลได้สม่ำเสมอ และได้ผลดีจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง "ชอบ" SCB KTB MTC CPALL TRUE CKP ERW SPA MEGA และ DIF
: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์
แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ แรงเก็งกำไร ยังไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง โดยเฉพาะ หุ้นมาร์เก็ตแคปใหญ่ ครั้งนี้...
ATLAS ส่งต่อพลังงาน เติมกำลังใจชายแดนไทย-กัมพูชา
หุ้นอินไซด์ ทอล์ค : PTG มุ่งสร้างผลตอบแทนระยะยาวให้กับนักลงทุนทุกคน
Hooninside
สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้
ชื่อหรือรหัสของคุณไม่ถูกต้อง
Please, check your email format before submit.
Please, Enter you password.
Please, Enter minimum 3 character.
Please, Enter minimum 6 character.
กรุณากรอกอีเมล์ที่คุณใช้สมัครสมาชิกแล้วกดส่งเมล์