Market Wrap-Up
- SET วันที่ 31 ม.ค.68 ปิด -21.14 จุด อยู่ที่ 1,314.50 จุด มูลค่าการซื้อขาย 53,362 ลบ. ต่างชาติขาย 2,836 ลบ. สถาบันขาย 1,845 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 273 ลบ. และรายย่อยซื้อ 4,735 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 1,218 ลบ. โดยมียอดซื้อในหุ้น KTB,TTB,GLOBAL,MINT,SCB และยอดขายหุ้น BBL,AOT,TRUE,SCC,BH มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,157 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ AOT,TPIPL,PLANB โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 7,159 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Short สุทธิรวม 59,419 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 9,200 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -0.75%, S&P500 -0.50%, Nasdaq -0.28% จากแรงขายกลุ่มพลังงาน นำโดย Chevon -4.6% รับกำไร Q4/67 ต่ำกว่าคาด ส่วน Apple -0.7% หลังยอดขาย Iphone ลดลง ตลาดกังวลต่อ ม.ปรับขึ้นภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจากเม็กซิโก, แคนาดา และจีน ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.13% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี +1.7% และบริการสุขภาพ +0.4% หลัง ECB ลดดอกเบี้ยลง 25%
Market View
- DJIA +0.3%, S&P500 -1.0%, Nasdaq -1.6% WoW หลังหุ้นกลุ่มผลิตชิปปรับลดลง หลังการเปิดตัวของ DeepSeek AI จีนที่มีต้นทุนการพัฒนาที่ต่ำกว่า ส่วนผลการประชุมเฟดมีมติคงดอกเบี้ยไว้ที่ 25 – 4.5% และส่งสัญญาณไม่รีบลดดอกเบี้ย โดยข้อมูล US PCE ธ.ค. อยู่ที่ 2.6% และ Core PCE ธ.ค. อยู่ที่ 2.8% YoY ตามคาดการณ์ ซึ่งบ่งชี้เงินเฟ้อสหรัฐมีแนวโน้มลดลงช้า ขณะที่ ปธ.ทรัมป์ได้ประกาศชึ้นภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจากเม็กซิโก, แคนาดาที่อัตรา 25% ในวันที่ 4 ก.พ. และเตรียมปรับขึ้นภาษีนำเข้าน้ำมัน & ก๊าซจากแคนาดาที่ 10% ในวันที่ 18 ก.พ. รวมถึงการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนอัตรา 10% โดยเม็กซิโก & แคนาดาก็ตอบโต้ ด้วยการประกาศขึ้นภาษีสินนำเข้าจากสหรัฐเช่นเดียวกัน ข้อมูลสัปดาห์นี้ติดตาม JOLTs ตัวเลขเปิดสมัครงาน, PMI/ISM ภาคการผลิต & บริการ, ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชน & นอกภาคเกษตร และอัตราว่างงานสหรัฐ ม.ค.
- Stoxx 600 +1.79% WoW ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี, อสังหาฯ หลัง ECB ปรับลดดอกเบี้ยลง 25% ส่งผลให้ดอกเบี้ยเงินฝากปรับลดลงอยู่ที่ 2.75% กอปรคาดมีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยปีนี้อีก 0.7% เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจยูโรโซน Q4/67 ทรงตัวที่ 0% & Q3/67 อยู่ที่ +0.4% QoQ ข้อมูลสัปดาห์นี้ติดตาม PMI ภาคการผลิต & บริการยูโรโซน ม.ค. และเงินเฟ้อยูโรโซน ม.ค. คาดอยู่ที่ 2.4% & ธ.ค. 2.4% YoY
- MSCI Asia Pacific X Japan +0.21% WoW ปริมาณการซื้อขายชะลอตัวในช่วงเทศกาลตรุษจีน ขณะที่กลุ่มผู้ผลิตในเอเชีย เช่น SK Hynix บริษัทซัพพลายเออร์ของ Nvidia และ SoftBank Group พันธมิตรของ OpenAI ปรับลดลง หลังการเปิดตัวของ DeepSeek Ai จีนที่มีต้นทุนการพัฒนาต่ำกว่าคู่แข่ง ส่วนดัชนีนิเกอิ -2.27% WoW จากแรงขายกลุ่มส่งออกญี่ปุ่นที่ถูกกดดันจากค่าเงินเยนแข็งค่า หลัง BOJ ปรับขึ้นดอกเบี้ย 25% ข้อมูลสัปดาห์นี้ติดตาม PMI ภาคการผลิต & บริการญี่ปุ่น, จีน ม.ค. และ ปธ.ทรัมป์ปรับขึ้นภาษีสินค้าจีน 10%
- SET -9% WoW ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย/วัน 3.55 หมื่น ลบ. +2.6% WoW ต่างชาติขาย 2,836 ลบ. สถาบันขาย 4,609 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 1,183 ลบ. และรายย่อยซื้อ 6,262 ลบ. WoW ดัชนีปรับลดลงจากแรงขายกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ -13.9% WoW หลัง DeepSeek เปิดตัว AI ที่มีต้นทุนต่ำกว่า ChapGPT ส่งผลลบไปยังกลุ่มผลิตชิป และบริษัทซัพพลายเออร์ของ Nvidia ส่วนกลุ่มค้าปลีก -4.9% WoW นำโดย CPALL -6.3% WoW หลังมีประเด็นข่าวกลุ่ม 7-11 ในญี่ปุ่นมีข้อเสนอให้กับ CPALL ร่วมลงทุนซื้อกิจการ Seven & I มูลค่าประมาณ 5.8 หมื่น ล.ดอลลาร์ ขณะที่กลุ่มที่ปรับขึ้นคือ ธนาคาร +1.5% WoW หลังรายงานกำไร Q4/67 ดีกว่าคาด 5% กอปรมีอัตราจ่ายเงินปันผลเฉลี่ย 5% โดยต่างชาติขายสุทธิหลังเฟดส่งสัญญาณไม่รีบลดดอกเบี้ย กอปรกับ ปธ.ทรัมป์ได้ประกาศขึ้นภาษีศุลกากรเม็กซิโก, แคนาดา และจีน ขณะที่ประเทศอื่นๆ อาจถูกเก็บภาษีแบบ Universal Tariff โดยกลุ่มสินค้าของไทยที่อยู่กลุ่มเสี่ยงอาจปรับขึ้นภาษี เช่น ชิ้นส่วนอิเล็ก ฯ, คอมพิวเตอร์, ฮาร์ดดิสก์, แผงโซลาร์เซลล์ และยางรถยนต์ ปัจจัยในประเทศสัปดาห์นี้ วันอังคาร ติดตามการประชุม ครม. และตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติ, วันศุกร์ CPI ไทย ม.ค. คาด 1.25% และรายงานงบ Q4/67 ของ ADVANC, THCOM
Daily Strategy
- ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,280 – 1,290 แนวต้าน 1,320 คาดดัชนีมีโอกาสปรับลดลง หลังสหรัฐเตรียมเก็บภาษีศุลกากรกับประเทศคู่ค้าต่าง ๆ โดยสหรัฐเป็นประเทศคู่ค้ากับไทยอันดับ 2 มีมูลค่าการค้าปี 67 รวม 2.62 ล.ลบ.ซึ่งอาจส่งผลลบต่อภาคส่งออกไทย แนะนำพักเงินในกลุ่มจ่ายปันผลสูง เช่น SIRI,AP,MC,SCB,INTUCH
- PLANB* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 9.55 บาท) บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 3Q67 ที่ 282 ล้านบาท +7%QoQ, +8%YoY ตามรายได้สื่อโฆษณานอกบ้านและรายได้การบริหารสิทธิกีฬา Olympic อย่างไรก็ตาม GPM ปรับตัวลดลงเหลือ 27% เพราะ margin ของงาน Olympic ต่ำกว่าธุรกิจปกติ ข้ามมาที่ 4Q67 คาดกำไรฟื้นตัวเด่น QoQ, YoY เนื่องจากเป็น high season ของการใช้สื่อนอกบ้าน U-rate กลับมาที่ 80% และ GPM จะฟื้นตัวไม่มี Olympic มาฉุด โดยบริษัทคงเป้าหมาย core revenue +6-8%, GPM 29-31%, NPAT margin >11% ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 67-68 อิงจาก consensus อยู่ที่ 05 พันล้านบาท +15%YoY และ 1.2 พันล้านบาท +14%YoY
- CPALL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย50 บาท) จากกรณีข่าวลือว่า กลุ่มครอบครัว Ito ญี่ปุ่นจะ Buyout หุ้น Seven & i Holdings ด้วยจำนวนเงินมูลค่า 58 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และกำลังเจราจาหาคนมาร่วมลงทุนด้วย เบื้องต้น เราอนุมาน หาก CPALL ลงทุน ที่กรอบ 1.7-13.5%ของดีลนี้ ระยะสั้นอาจส่งผลให้เกิดผลขาดทุน 180-1,470 ลบ./ปี(สมมติฐาน interest rate 4%/ NP Seven & i Holdings ที่ 2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ/ปี) อย่างไรก็ตาม ข่าวยังค่อนข้างที่จะขาดความชัดเจนรวมถึง CPALL ยังไม่ได้ยืนยันว่าจะลงทุน ดังนั้นแล้ว เราจึงยังไม่ได้นำประเด็นดังกล่าวเข้ามาในการประเมินมูลค่าพื้นฐาน ทั้งนี้ เรายังมองบวกต่อ Core Operations ของ CPALL โดยประเมินกำไรสทุธิ 4Q67 ที่ระดับ 6,641 ลบ. (+18%YoY, +15% QoQ)ได้แรงหนุนตามฤดูกาล และ ม.กระตุ้นการบริโภคของภาครัฐฯ
Daily Key Factors
Oil Update(-) WTI มี.ค. -$0.20 อยู่ที่ $72.53 / บาร์เรล, Brent มี.ค. -$0.11 อยู่ที่ $76.76/บาร์เรล สัปดาห์ที่ผ่านมา WTI -2.9%, Brent -2.1% WoW หลัง ปธ.ทรัมป์เรียกภาษีนำเข้าน้ำมันจากแคนาดา ส่งผลให้ราคาน้ำมันแพงขึ้น และเป็นผลลบต่ออุปสงค์น้ำมัน ส่วนวันนี้ติดตามผลการประชุมกลุ่มโอเปกพลัส
Gold Update(-) Comex Gold เม.ย.-$10.20 อยู่ที่ $2,835 /ออนซ์ ถูกแรงขายทำกำไร หลังราคาทองคำปรับขึ้นสูงกว่า $2,800/ออนซ์ แต่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ในช่วงมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายการค้าของสหรัฐ
Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP สัปดาห์ที่ผ่านมา ขายสุทธิ -89.65 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -84.68 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -6.2 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +1.23 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 34.03 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทรงตัวอยู่ที่ 4.523 %
(+) ดัชนี BDI วานนี้ +20 จุด อยู่ที่ 735
(-) BitCoinเช้านี้ -4.43% อยู่ที่ 96,764 ดอลลาร์สหรัฐ
(0)เช้านี้ติดตาม Caixin PMI ภาคการผลิตจีน ม.ค. คาด 50.6 & ธ.ค. 50.5
Economic Calendar
ในประเทศ
สัปดาห์ที1 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทย
(ก.พ.)
ต่างประเทศ
03 ก.พ. EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) (ม.ค.)
US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต (ม.ค.)
04 ก.พ. US ตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่จาก JOLTS (ธ.ค.)
05 ก.พ. US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ (ม.ค.)
US การเปลี่ยนแปลงการจ้างงานภาคนอกภาคเกษตรกรรม(ADP) (ม.ค.)
06 ก.พ. US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
07 ก.พ. US รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง (เดือนต่อเดือน) (ม.ค.)
US การจ้างงานนอกภาคการเกษตร (ม.ค.)
US อัตราการว่างงาน (ม.ค.)
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่น 1H68 เน้น หุ้นในธุรกิจใหม่ที่เป็น Trend ในอนาคต อย่าง Data Center รวมถึงหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรปกติ 4Q67-1Q68 คาดออกมาดี และ หุ้นที่รับความผันผวนได้ดีจากความเสี่ยง Trade War/ธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มธนาคารที่มี Sentiment บวกจากธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย/มี Yield สูง BBL, KTB, KBANK, TISCO*, TTB*
(2) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CRC, NSL*, TNP*, OSP*
(3) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, SKR
(4) กลุ่มมีโอกาสเกี่ยวข้องกับการลงทุน Data Center/ธุรกิจ Trend อนาคต ADVANC,INTUCH*,TRUE,GULF*,WHA,AMATA
(5) กลุ่มสินค้า IT ที่ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี(เช่น AI function/ 4G to 5G) SYNEX*, ADVICE*, SIS*
(6) กลุ่มที่มี Sentiment บวกจาก Entertainment Complex BTS*, VGI*, MBK*, BA
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio January 2025: CPALL, SYNEX*, CRC, WHA, SHR*
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th