AT THE OPEN (#ATO)
SET Index แกว่งออกข้าง
เลือกเก็งกำไรหุ้นเป็นรายตัว
Market Strategy
SET Index คาดแกว่งตัวตามกรอบ 1330-1345 จุด สภาพแวดล้อมโดยรวมยังคงขาดปัจจัยขับเคลื่อนใหม่ๆที่มีน้ำหนัก ด้านทิศทาง Fund Flow ของนักลงทุนแต่ละกลุ่มยังเบาบางยังเป็นข้อจำกัดของการฟื้นตัว ระยะนี้จึงยังเลือกเก็งกำไรกับหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัว วันนี้เลือก BBIK เป็น Top Pick
ตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้ปรับขึ้นเฉลี่ย 0.4% แรงหนุนจากมุมมองเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ยังแข็งแกร่งจากการรายงานงบ 4Q67 ที่ปัจจุบันหุ้นในดัชนี S&P500 รายงานแล้ว 165 บริษัทดีกว่า Bloomberg Consensus คาด 6% ขณะที่ GDP Growth 4Q67 ขยายตัว 2.3%QoQ แม้ต่ำกว่าตลาดคาด 2.6%QoQ แต่ยังเห็นสัญญาณภาคบริโภค (คิดเป็นสัดส่วน 67%ของ GDP) ที่แข็งแกร่งขยายตัว 4.2%QoQ มากกว่าตลาดคาด 3.2%QoQ แต่อย่างไรก็ตามผลบวกมายังตลาดหุ้นบ้านเรายังจำกัดเนื่องจากเป็นประเด็นเฉพาะของสหรัฐฯ อีกทั้งตลาดยังน่าจะติดตามความคืบหน้าของนโยบายกของสหรัฐฯ ต่อการกลับมาขึ้นภาษี 25% กับเม็กซิโกและแคนาดาในวันที่ 1 ก.พ. ตามคำขู่ของคุณทรัมป์หรือไม่ ส่วนประเด็นอื่นวันนี้ติดตามการรายงานตัวเลข Core PCE สหรัฐฯเดือน ธ.ค. ตลาดคาดขยายตัว 2.8%YoY ทรงตัวเท่าเดือนก่อน
ปัจจัยในประเทศให้ความสนใจไปที่ความเห็นของ รมว. คลัง เผยรัฐบาลเตรียมออก Stable Coin ในปีนี้ โดยมีพันธบัตรรัฐบาลหนุน เริ่มเฟสแรกวงเงิน 1 หมื่นล้านบาท (ทำเป็นรูปแบบ Token) ขณะที่เฟสถัดไปจะสามารถนำเงินส่วนนี้ไปซื้อสินค้าและบริการได้ โดยเรามองเป็นบวกต่อการที่สามารถนำเม็ดเงินที่ลงทุนนำมาซื้อสินค้าเพราะจะสร้างมูลค่ากับเศรษฐกิจได้มากขึ้น (เทียบกับรูปแบบการซื้อพันธบัตรเดิมที่เป็นลักษณะ Buy and Hold เพื่อรับผลตอบแทนจากเงินลงทุนเป็นหลัก) โดยหุ้นที่จะได้ประโยชน์กลุ่มแรกๆ มองอยู่ที่ผู้พัฒนา Platform ซึ่งอาจเชื่อมโยงไปที่กลุ่ม Tech Service อย่าง BBIK BE8
Market Summary
SET Index ปรับลง -7.55 จุด หรือ -0.6% ด้วยมูลค่าการซื้อขายเบาบาง 2.95 หมื่นล้านบาท แรงกดดันหลักมาจากกลุ่มอิเล็คทรอนิกส์จาก DELTA -4.5% กดดันตลาด 6 จุด ตามราคาหุ้น NVIDIA ที่ -4% กังวลต่อรัฐบาลสหรัฐฯ พิจารณาเพิ่มความเข้มงวดส่งออกชิปให้จีน กลุ่มไฟแนนซ์ SAWAD -3.3% จากสภาผู้บริโภคเตรียมยื่นฟ้องต่อศาลฯกรณีเอาเปรียบผู้บริโภค กลุ่ม F&B OSP -2.8% CBG -1.4% กังวลต่อภาวะการแข่งขัน ส่วนกลุ่มที่ปรับขึ้นกลุ่ม SCC +2% SCGP +4% ตลาดคาดกำไรผ่านจุดต่ำสุด กลุ่มท่องเที่ยว CENTEL +0.9% MINT +1.3%
DAILY Stock Pick
BBIK
การเติบโตของกำไรหลักปีงบ 68 น่าจะได้รับแรงหนุนจากโครงการธนาคารไร้สาขา (Virtual Bank) โครงการย้ายข้อมูลไปยังระบบคลาวด์ และการนำ AI มาใช้มากขึ้น BBIK คาดว่าโครงการที่เกี่ยวข้องกับ AI จะมีสัดส่วนรายได้มากกว่า 50% ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า จากประมาณ 20% ใน 3Q67
กำไรหลักใน 4Q67 มีแนวโน้มขยายตัวเกณฑ์ดีจากความต้องการบริการด้านเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งจากภาคธนาคาร ประกันภัย และค้าปลีก ทั้งนี้ BBIK ปิดไตรมาส 3Q67 ด้วยยอด Backlog ที่ 871 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้ 355 ล้านบาทมีกำหนดรับรู้เป็นรายได้ใน 4Q67 ซึ่งหมายความว่า รายได้ 4Q67 ที่เราคาดไว้ที่ 431 ล้านบาท (+16% YoY, +11% QoQ) ถูกรองรับโดย backlog แล้วกว่า 82%
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 50.10 บาท
WEEKLY Stock Pick
MTC
คาดกำไรปี 68 จะขยายตัว 17%YoY ดีกว่ากลุ่มที่ขยายตัวเฉลี่ยที่ 10.4%YoY โดยแรงขับเคลื่อนหลักมาจากการเติบโตของสินเชื่อที่บริษัทตั้งเป้าขยายตัว 15% ต่อปี ขณะที่คุณภาพสินทรัพย์เชื่อว่าจะอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ โดยส่วนหนึ่งจะได้ประโยชน์จากมาตรการแจกเงินของรัฐบาล ที่สำนักงานสถิติแห่งชาติเผยผลสำรวจกลุ่มตัวอย่างกลุ่มเปราะบางผู้ได้รับเงินสดเฟส1 พบว่า 12.8% ใช้สำหรับชำระหนี้สิน ซึ่งวันนี้เป็นวันที่เริ่มจ่ายกลุ่มผู้สูงอายุเฟส 2 วงเงิน 3 หมื่นล้านบาท จึงเชื่อว่าเป็นบวกต่อคุณภาพสินทรัพย์ของ MTC ใน 1Q68 ได้ต่อไป
ราคาหุ้นตั้งแต่ต้นปี ติดลบตามกลุ่มไฟแนนซ์แรงกดดันหลักมาจาก U.S. Bond Yield ปรับขึ้น บนความกังวลการลดดอกเบี้ยช้าของ FED แต่อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าแรงกดดันจากนี้จะเริ่มลดลงจากนโยบายของคุณทรัมป์ต้องการ “ลดเงินเฟ้อ ลดดอกเบี้ยฯ” ทำให้ U.S. Bond Yield 10 ปีสหรัฐฯ ล่าสุดปรับลงถึง 28 bps จากจุดสูงสุดและจะคาดว่าจะเข้าสู่โหมดพักตัว ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าว มองเป็น Sentiment บวกหนุนต่อราคา MTC ในระยะถัดไป
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 60 บาท
KEY FACTOR
ตัวเลข GDP 4Q67 ของทั้ง 1) สหรัฐฯ ขยายตัว +2.3% QoQ (Consensus คาด +2.6% QoQ) ส่งผลให้ทั้งปี 2567 ขยายตัว +2.3% 2) Eurozone ขยายตัว +0.9% YoY และ ไม่เปลี่ยนแปลง QoQ (Consensus คาดที่ +1.0% YoY และ +0.1% QoQ) สะท้อนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่แย่กว่าคาด ซึ่งส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปรับตัวลงสู่ระดับต่ำกว่า 4.52% ซึ่งต่ำสุด YTD ส่วน Dollar index ปรับตัวลงสู่ระดับ 107.7 ใกล้เคียงจุดต่ำสุดของปีนี้เช่นกัน
หลังการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจ ECB ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงจากระดับ 3.0% สู่ระดับ 2.75% ตามที่ Consensus คาดการณ์ ซึ่งเป็นการปรับลดดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ห้าในวงจรดอกเบี้ยขาลง ในขณะที่แนวโน้มช่วงถัดไป การปรับเปลี่ยนดอกเบี้ยจะขึ้นกับตัวเลขเศรษฐกิจจริงที่ออกมา ซึ่งจะสะท้อนจากประมาณการณ์เศรษฐกิจที่จะเปิดเผยในเดือน มี.ค.
EYES ON
[ในสัปดาห์] การรายงานงบฯ 4Q67 กลุ่ม Real Sector
31 ม.ค. PCE เดือน ธ.ค. ของสหรัฐฯ
นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ