Market Wrap-Up
- SET วันที่ 30 ม.ค.68 ปิด -7.55 จุด อยู่ที่ 1,335.64 จุด มูลค่าการซื้อขาย 29,535 ลบ. สถาบันขาย 909 ลบ. พอร์โบรกซื้อ 474 ลบ. ต่างชาติซื้อ 125 ลบ. และรายย่อยซื้อ 309 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 662 ลบ. โดยมียอดซื้อในหุ้น DELTA,BH,ADVANC,KBANK,CCET และยอดขายหุ้น BBL,PTTEP,BDMS,SCB,CPALL มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,158 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ TGE,MAJOR,BPP โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 9,988 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Short สุทธิรวม 52,260 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 5,278 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.38%, S&P500 +0.53%, Nasdaq +0.25% ได้แรงหนุนจากรายงานกำไรของ Meta และ IBM ที่ดีกว่าคาด กอปร Tesla +2.87% รับข่าวเตรียมออกรถยนต์ราคาประหยัดภายใน 1H/68 ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.86% หลัง ECB มีมติลดดอกเบี้ยเงินฝากลง 0.25% อยู่ที่ 2.75% ตามคาดการณ์
Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี หลัง Meta +1.55% ตอบรับกำไรที่ดีกว่าคาด จากจำนวนผู้ใช้งาน Meta Ai รายเดือนอยู่ที่ 700 ล.ราย ซึ่งคาดสิ้นปีจะถึง 1 พัน ล.ราย และ IBM +12.9% ตอบรับกำไรไตรมาสที่ผ่านมาดีกว่าคาด ทางด้านข้อมูล US GDP Q4/67 +2.3% ต่ำกว่าคาดที่ +2.5% QoQ ส่งผลให้ US GDP ปี 67 ขยายตัวที่ +2.8% & ปี 66 ที่ +2.9% YoY บ่งชี้เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวได้ดี โดยได้ปัจจัยหนุนจากการใช้จ่ายผู้บริโภค +4.2% และการใช้จ่ายของภาครัฐ +3.2% ส่วนข้อมูลผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ลดลง 16,000 อยู่ที่ 207,000 & คาด 220,000 ราย ค่ำวันนี้ติดตามข้อมูล US PCE ธ.ค. คาด +2.5% YoY & พ.ย. +2.4% YoY และวันเสาร์ สหรัฐปรับขึ้นภาษีศุลกากรสิ้นค้าเม็กซิโก, แคนาดาที่อัตรา 25%
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับขึ้น หลัง ECB มีมติปรับลดดอกเบี้ยเงินฝากลง 0.25% อยู่ที่ 2.75% ซึ่งเป็นการลดลงครั้งที่ 5 นับตั้งแต่เริ่มลดดอกเบี้ยในช่วง มิ.ย.67 เพื่อกระตุ้น GDP ยูโรโซน Q4/67 ที่ 0% ชะลอตัวจาก Q3/67 ที่ +0.4% QoQ และคาดเงินเฟ้อยูโรโซนจะทยอยปรับลดลงไปที่ 2 % โดยเทรดเดอร์คาด ECB มีโอกาสลดดอกเบี้ยปีนี้อีก 0.70% ค่ำวันนี้ติดตาม CPI เยอรมัน เบื้องต้น ม.ค. คาด 6% & ธ.ค. 2.6% YoY
- ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ตลาดหุ้นจีน, ฮ่องกง และไต้หวันยังปิดทำการในเทศกาลตรุษจีน ส่วน Kospi เกาหลีใต้ปิดในเทศกาลปีใหม่เกาหลี โดยดัชนีนิเกอิวานนี้ -0.28% หลังเฟดมีมติคงดอกเบี้ยไว้ที่ 4.25 – 4.5% และส่งสัญญาณไม่รีบลดดอกเบี้ย ส่วนข้อมูลเช้านี้ Tokyo CPI ม.ค. +3.4% & ธ.ค. +3.0% YoY สูงสุดในรอบเกือบ 2 ปี
- SET วานนี้ -0.56% ปริมาณการซื้อขาย 2.95 หมื่น ลบ.สถาบันขาย 909 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 474 ลบ. ต่างชาติซื้อ 125 ลบ. และรายย่อยซื้อ 309 ลบ. หลังเฟดมีมติคงดอกเบี้ยไว้ที่ 4.25 – 4.5% และส่งสัญญาณยังไม่รีบลดดอกเบี้ย ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยลบต่อกลุ่มอิเล็ก ฯ วานนี้ -4.3% และไฟแนนท์ -1.7% ส่วนกลุ่มที่ช่วยหนุนดัชนี คือ บรรจุภัณฑ์ +2.48% และวัสดุ +0.95% โดย SCC & SCGP เริ่มฟื้นตัว หลังช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับลดลง ตอบรับรายงานกำไรปี 67 ที่ชะลอตัวจากอุปสงค์ตลาดโลกที่ชะลอตัว และคาดกำไรปีนี้มีโอกาสฟื้นตัวจากฐานต่ำ รวมถึงอาจได้แรงหนุนจาก ม.กระตุ้นเศรษฐกิจจีนรอบใหม่ โดยภาพรวม Fund Flow ในตลาดหุ้นเอเชียชะลอตัวในช่วงเทศกาลตรุษจีน ส่วนปัจจัยในประเทศอยู่ระหว่างรอรายงานกำไร Q4/67 ของ บจ. โดยวานนี้ PTTEP รายงานกำไร Q4/67 อยู่ที่ 1.83 หมื่น ลบ. +3.2% QoQ, +0.3% YoY ใกล้เคียงกับประมาณการณ์
Daily Strategy
- ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1.330 แนวต้าน 1,340 – 1,350 คาดดัชนีมีโอกาสทรงตัว ระหว่างรอข้อมูล US PCE ในช่วงค่ำวันศุกร์ รวมถึงการรายงานกำไร บจ.Q4/67 แนะนำซื้อเก็งกำไรกลุ่มที่คาดโอกาสทำ Treasury Stock เช่น AP,SPALI,CPF,BJC,BBL,KTB,SCB,EGCO ซึ่งเป็นหุ้นในกลุ่ม SET100 ที่มี P/BV ต่ำกว่า 1 เท่า และ Net Cash เป็นบวก / กลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยง ITC,AAI คาดยอดส่งออกยังขยายตัวได้ / BTS,BEM คาดได้ประโยชน์การจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 3 แสน ลบ. เพื่อทำโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย
- PCE* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย Consensus 3.55 บาท) งวด 9M67 บริษัทมีกำไรสุทธิ 397 ล้านบาท +103%YoY ตามปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น แนวโน้มกำไรปกติในงวด 4Q67 จะยังดีขึ้นจากราคา CPO ในประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับราคาในตลาดโลก ช่วยชดเชยปริมาณขาย B100 ที่ถูกกระทบจากการปรับสัดส่วนเป็น B5 ตั้งแต่ปลายเดือน พ.ย.67 ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นน่าจะรักษาระดับได้และผันผวนน้อยกว่าคนอื่นเนื่องจากธุรกิจครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำ โดยทั้งปี 67 ผู้บริหารคาดรายได้จะเติบโตได้ 10-15% ตามเป้าหมาย ส่วนในปี 68 แม้ในประเทศจะถูกกระทบจาก B5 แต่จะได้ประโยชน์จากตลาดส่งออกในช่วง 1H ที่ผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดมากขึ้น โดยราคาน้ำมันปาล์มในตลาดโลกมีแนวโน้มอยู่ในระดับสูงจากนโยบายปรับส่วนผสมไบโอดีเซลของอินโดนีเซียเพิ่มเป็น B40 ส่วน PCE เป็นผู้ส่งออกรายใหญ่มี Market Share อันดับ 1 ของไทย มีความได้เปรียบการแข่งขันที่ตอนนี้ไทยยังไม่มีการเก็บ export tax
- BE8* (ซื้อ / Bloomberg Consensus 19.75 บาท) หนึ่งในหุ้นที่ยังมีปัจจัยบวกจากเทรนด์ธุรกิจในอนาคตทั้งในด้าน Digital Transformation และ Cybersecurity ส่วนแนวโน้มการดำเนินงานปกติในช่วง 4Q67 ถึง ปี68 คาดว่าจะเห็นการทะยอยฟื้นตัวได้ โดย ณ สิ้น 3Q67 ทาง BE8* มี Backlog อยู่ที่ราว 1,737 ลบ. และมีงานใน Pipeline(ที่มีโอกาสได้งาน) ราว 6,209 ลบ. คาดทยอยรับรู้ภายในปี 2567 นี้ราว 1 ใน 4 และรับรู้ภายในสิ้นปี68 อีก 2 ใน 3 ทั้งนี้ ตลาดคาดว่าปี67 และ68 กำไรสุทธิของ BE8* จะอยู่ที่ระดับ 165 ลบ. (-33%YoY) และ 244 ลบ.(+48%YoY)
Daily Key Factors
Oil Update(+) WTI มี.ค. +$0.11 อยู่ที่ $72.73 / บาร์เรล, Brent มี.ค. +$0.28 อยู่ที่ $76.87/บาร์เรล รอประเมินผลกระทบการปรับขึ้นภาษีศุลกากรเม็กซิโก, แคนาดา ซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันสำคัญมายังสหรัฐ กอปรรอผลการประชุมโอเปกพลัสในวันที่ 3 ก.พ. ว่าจะปรับเพิ่มกำลังการผลิตหรือไม่
Gold Update(+) Comex Gold ก.พ.+$53.20 อยู่ที่ $2,823 /ออนซ์ นักลงทุนเลือกถือสินทรัพย์ปลอดภัย ในช่วงที่มีความไม่แน่นอนเกี่ยวนโยบายปรับขึ้นภาษีศุลกากรของทรัมป์ กอปรกับ Dollar Index อ่อนค่า -0.19% อยู่ที่ 107.79
Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ขายสุทธิ -27.57 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +3.71 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโด -24.46 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -6.82 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 33.66 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทรงตัวอยู่ที่ 4.534 %
(-) ดัชนี BDI วานนี้ -11 จุด อยู่ที่ 715
(+) BitCoinเช้านี้ +0.41% อยู่ที่ 104,461 ดอลลาร์สหรัฐ
(0)วันนี้ตลาดหุ้นจีน, ฮ่องกง ปิดทำการในเทศกาลตรุษจีน
Economic Calendar
ในประเทศ
31 ม.ค. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
สัปดาห์ที5 สศอ. แถลงดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม
(ม.ค.) สศค. รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค, ดัชนี
ความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค
สัปดาห์ที1 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทย
(ก.พ.)
ต่างประเทศ
31 ม.ค. US ดัชนีราคาด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE Price Index) (ธ.ค.)
03 ก.พ. EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) (ม.ค.)
US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต (ม.ค.)
04 ก.พ. US ตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่จาก JOLTS (ธ.ค.)
05 ก.พ. US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ (ม.ค.)
US การเปลี่ยนแปลงการจ้างงานภาคนอกภาคเกษตรกรรม(ADP) (ม.ค.)
06 ก.พ. US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
07 ก.พ. US รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง (เดือนต่อเดือน) (ม.ค.)
US การจ้างงานนอกภาคการเกษตร (ม.ค.)
US อัตราการว่างงาน (ม.ค.)
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่น 1H68 เน้น หุ้นในธุรกิจใหม่ที่เป็น Trend ในอนาคต อย่าง Data Center รวมถึงหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรปกติ 4Q67-1Q68 คาดออกมาดี และ หุ้นที่รับความผันผวนได้ดีจากความเสี่ยง Trade War/ธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มธนาคารที่มี Sentiment บวกจากธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย/มี Yield สูง BBL, KTB, KBANK, TISCO*, TTB*
(2) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CRC, NSL*, TNP*, OSP*
(3) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, SKR
(4) กลุ่มมีโอกาสเกี่ยวข้องกับการลงทุน Data Center/ธุรกิจ Trend อนาคต ADVANC,INTUCH*,TRUE,GULF*,WHA,AMATA
(5) กลุ่มสินค้า IT ที่ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี(เช่น AI function/ 4G to 5G) SYNEX*, ADVICE*, SIS*
(6) กลุ่มที่มี Sentiment บวกจาก Entertainment Complex BTS*, VGI*, MBK*, BA
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio January 2025: CPALL, SYNEX*, CRC, WHA, SHR*
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th