Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.ทิสโก้ : OSP คงคำแนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมายใหม่ 21.50 บาท

279

 

 

Company Note
Osotspa

OSP ตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด 5%

เรายังคงคำแนะนำ “ถือ” ราคาหุ้น OSP ที่ปรับลดลงแรงในช่วง 2 วันนี้ประมาณ 14% จากความกังวลของตลาดเกี่ยวกับ 1) กลยุทธ์ในปี 2025F ที่ท้าทาย ตั้งเป้าดึงส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น 5% จากการกลับไปเน้นการขาย M-150 ฝากเหลืองที่ราคา 10 บาท ทำให้ตลาดกังวลเกี่ยวกับการดึงส่วนแบ่งการตลาดสินค้ากันเอง และการลดค่าตอบแทนตัวแทนจำหน่ายเพื่อดึงมาเพิ่มค่าใช้จ่ายการตลาดที่จะเพิ่มขึ้นอาจจะกระทบต่อยอดขาย 2) แนวโน้มกำไรไตรมาส 4 ที่คาดจะลดลง QoQ จาก market share energy drink ที่ลดลง และค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น การรับรู้ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน และการรับรู้ขาดทุนจากหยุดธุรกิจในยุโรป

ผู้บริการตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น 5% คาดรายได้โต Mid-to-High Single digit

บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปี 2025F เพิ่มขึ้น mid-to-high single digit จากการเติบโตของธุรกิจ energy dink ในประเทศและต่างประเทศ (สัดส่วนรายได้ประมาณ 30% ของรายได้รวม), ธุรกิจ functional drink และธุรกิจ personal careที่มีการพัฒนาสินค้าใหม่คาดเติบโต 2 หลัก ยกเว้นธุรกิจรับจ้างผลิตขวดแก้ว OEM หลังจากบริษัทได้ปิดโรงงานแก้วบางโรงและเน้นขายในกลุ่มของตัวเองมากขึ้น

บริษัทจะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในประเทศตั้งเป้าเพิ่มขึ้น 5%

OSP ตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาดปี 2025F เพิ่มขึ้น 5% จาก 4Q24 อยู่ที่ 45% หลังจากที่บริษัทสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จากการเตรียมฉลอง M-150 ครบรอบ 40 ปี บริษัทเตรียมออก M-150 ฝาเหลือง เป็น special edition limited ราคา 10 บาท แคมเปญตลอดปี 2025 เพื่อดึงกลุ่มลูกค้าเก่าที่สูญเสียส่วนแบ่งการตลาด และถ้าได้รับผลการตอบรับดีอาจจะต่อกลยุทธ์นี้ (แพคเกจจิ้งและสูตรแตกต่างกับฝาเหลืองทองราคา 12 บาท) จะเน้นขายเฉพาะตลาดดั้งเดิม traditional trade เท่านั้น จากเดิมที่เน้นสินค้าพรีเมี่ยมฝาเหลืองทอง 12 บาท ซึ่งยังคงไว้ที่ตลาด modern trade เป็นหลัก สำหรับ M-150 ฝากสีน้ำเงิน ราคา 10 บาท ปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 5% จากเดิม 3% บริษัทคาดสัดส่วนรายได้สินค้ากลุ่ม energy drink คิดเป็น 30% ของรายได้รวม โดยราคา 12 บาท : 10 บาท ปัจจุบันคิดเป็น 23:7 และบริษัทคาดสัดส่วนราคา 12 บาท จะลดลงครึ่งหนึ่ง สัดส่วนใหม่จะอยู่ที่ประมาณ 13 : 17 บริษัทคาดอัตราทำกำไรทรงตัวเทียบกับปี 2024 สำหรับค่าใช้จ่ายในการขายบริษัทคาดจะดึงค่าใช้จ่ายจากการให้ส่วนลดการตลาดคู่ค้าน้อยลง มาเน้นทำการตลาดกับลูกค้ามากขึ้น โดยหากส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นจะช่วยให้คู่ค้าได้ผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น

มุมมองของเรา : เรามองเป็นโอกาสจากกลยุทธ์ในการปรับสถานการณ์ให้เข้ากับสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันที่ชะลอตัว และกลุ่มลูกค้าที่มีความอ่อนไหวด้านราคา อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าการแข่งขันในตลาดจะเข้มข้นมากขึ้น อาจจะต้องใช้เวลาในการเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด และคาดว่าจะไปกินส่วนแบ่งการตลาด M150 ของฝากสีเหลืองราคา 12 บาท และฝาสีน้ำเงินราคา 10 บาท ที่อาจจะลดลงได้ ส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นได้ไม่มาก ประกอบการคู่แข่งที่จะแข่งขันด้านราคารุนแรงเพิ่มขึ้น รวมถึงการให้ส่วนลดการค้ากับคู่ค้าน้อยลงอาจจะส่งผลต่อยอดขายที่คู่ค้าจะเน้นขายสินค้าของคู่แข่งเพิ่มขึ้น

 


คาดกำไรธุรกิจหลัก 4Q24F ทรงตัว YoYลดลง QoQ

เราคาดกำไรสุทธิ 4Q24F ที่ 549 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27%YoY และพลิกจากขาดทุน 361 ล้านบาท QoQ (โดยหากไม่รวมรายการพิเศษใน 4Q24F จากการหยุดธุรกิจในยุโรปที่รับรู้ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน เราคาดกำไรหลักจะอยู่ 599 ล้านบาท +1%YoY , -11%QoQ ใกล้เคียงกับประมาณการเดิมของเรา) โดยรายได้รวม 4Q24F เติบโต 4%QoQ มาจากกลุ่ม energy drink ในประเทศลดลง จากส่วนแบ่งการตลาดลดลงอยู่ที่ 45% จาก 3Q24 ที่ 45.4% แต่ชดเชยกับ energy drink ต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในเมียนมา ลาว และอินโดนีเซีย และชดเชยกับ functional drink ที่เพิ่มขึ้นจากการออกสินค้าแพคใหม่ของ C-ivitt ขาด 1 ลิตร สำหรับธุรกิจ personal care ยังเติบโต จากการออกพัฒนาสินค้าใหม่ในกลุ่ม Babi mild ในการ Collab กับแคร์แบร์ ส่งผลยอดขายเติบโตเพิ่มขึ้น ยกเว้นธุรกิจ oem รับจ้างผลิตสินค้าขวดที่ลดลง จากการปิดโรงงานขวดแก้วก่อนหน้านั้นและการเน้นผลิตให้สินค้าตนเองมากขึ้น

สำหรับอัตราทำกำไรทำสถิติใหม่สูงสุดจากการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีขึ้นและต้นทุนวัตถุดิบและแพคเกจจิ้งที่ลดลง ด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายเพิ่มขึ้น จากค่าขนส่งที่สูงขึ้นและค่าใช้จ่ายการตลาด การขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 50 ล้านบาท และขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนการปิดธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักในยุโรป


คาดกำไรสุทธิปี 2024F ที่ 1,620 ล้านบาท -33%YoY ต่ำกว่าประมาณการเติมของเรา 10% (โดยหักไม่รวมรายการพิเศษจากการหยุดธุรกิจในเมียนมาร์ และยุโรป และรายการอื่นๆ เราคาดกำไรหลัก 3,019 ล้านบาท +38%YoY ใกล้เคียงกับประมาณการเติมของเรา) จากรายได้กลุ่มเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นเล็กน้อย มาจาก energy drink ต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น และ functional drink ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินค้า C-Vitt ที่มีแพคเกจจิ้งใหม่ และคาดธุรกิจ Personal care เติบโต 2 หลัก มาจากการพัฒนาออกสินค้าใหม่โดยกลุ่ม Babi mild มีการ Collab กับแคร์แบร์ ส่งผลยอดขายเติบโตเพิ่มขึ้น ยกเว้นธุรกิจ oem รับจ้างผลิตสินค้าขวดที่ลดลง จากการปิดโรงงานขวดแก้วก่อนหน้านั้นและการเน้นผลิตให้สินค้าตนองมากขึ้น สำหรับอัตราทำกำไรเพิ่มขึ้นจากการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีขึ้นและต้นทุนวัตถุดิบและแพคเกจจิ้งที่ลดลง ด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายลดลงเล็กน้อย จากค่าใช้จ่ายที่ลดลงในช่วงครึ่งปีแรกแต่ครึ่งปีหลังที่กลับมาเพิ่มขึ้นจากการทำการตลาด

ปรับประมาณการลดลงสะท้อนค่าใช้จ่ายที่คาดจะเพิ่มขึ้น

เราปรับประมาณการปี 2025-26F ลดลงจากเดิม 6% และ 4% ตามลำดับ คาดกำไรหลักอยู่ที่ 2,828 ล้านบาท (-6%YoY) และ 3,006 ล้านบาท (+6%YoY) จากคาดรายได้กลุ่มเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 6% จากส่วนแบ่งการตลาดที่คาดค่อยๆเพิ่มขึ้นจากการขยายตลาดราคาปลีก 10 บาทในกลุ่ม traditional trade และคาดกลุ่ม functional drink เพิ่มขึ้น คาดรายได้ต่างประเทศเพิ่มขึ้นปีละ 8% YoY จากฐานค่อนข้างสูงในปี 2024F ที่คาดเพิ่มขึ้น 25% (สัดส่วนรายได้ต่างประเทศ 21% ของรายได้รวม) โดยเฉพาะเมียนมาเป็นหลัก ในขณะที่เวียดนามมีการนำเข้าสินค้าเครื่องดื่มพลังงานกระป๋อง M150 และอินโดนีเซียยังเติบโตต่อเนื่อง (สัดส่วน 10% ของการส่งออก) คาดกลุ่ม Personal Care เพิ่มขึ้นปีละ 8% และธุรกิจรับจ้างผลิต (OEM) Supply Chain คาดลดลงจากการใช้ฐานรายได้ใน 4Q24F จากการปิดโรงงานขวดแก้วบางส่วนและเน้นใช้สินค้าตนเองเพิ่มขึ้น

คาดอัตรามาร์จิ้นทรงตัวจากคาดราคา 10 บาท ที่มีอัตรามาร์จิ้นต่ำกว่า 12 บาท ชดเชยกับต้นทุนแพคเกจจิ้งและ commodities ที่ปรับตัวลดลง คาดค่าใช้จ่ายในการขายเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 26.5% จากการทำการตลาดและโปรโมชั่นเพิ่มขึ้น ส่งผลให้คาดอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ปีละ 10.2% จากปี 2024F คาดที่ 6%


เรายังคงคำแนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมายใหม่อยู่ที่ 21.50 บาท

เรายังคงคำแนะนำ “ถือ” จากการปรับกลยุทธ์การตลาดใหม่เน้นขยายตลาด Traditional trade เพื่อดึงส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น แต่เราคาดจะต้องใช้เวลาจากกรแข่งขันสูง ราคาเป้าหมายใหม่จากการปรับประมาณการอยู่ที่ 21.5 บาท อ้างอิง PER-1.5SD เฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีของ OSP อยู่ที่ 23X จากกลุ่มเครื่องดื่มพลังงานในประเทศและธุรกิจ Personal Care มีการแข่งขันสูงและภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังซบเซา ราคาหุ้นปัจจุบันมี PER25F อยู่ที่ 18.7X Dividend Yield 2024F อยู่ที่ 5.3% โอกาส : การขยายตลาดส่งออก ความเสี่ยง : ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด, ต้นทุน commodities ที่สูงขึ้น, เศรษฐกิจชะลอตัว

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้