ดร.ปฏิมากร ใจอ่อน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ กล่าวเสริมว่า ในปี 2568 เป็นอีกก้าวสำคัญของสมาร์ทฟินน์ ที่มุ่งเน้นการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ด้วยการร่วมลงทุนกับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank โดยกองทุนร่วมลงทุนในกิจการ SMEs (กองทุนย่อยกองที่ 1) ความร่วมมือนี้ไม่ได้เป็นเพียงการสนับสนุนด้านเงินทุน แต่ยังรวมถึงเสริมศักยภาพของสมาร์ทฟินน์ในหลายมิติ ทั้งแนวทางกำกับดูแลกิจการที่ดี และการยกระดับมาตรฐานองค์กร เพื่อสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการ SMEs สามารถเข้าถึงแหล่งเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพพร้อมเดินหน้าสู่การเติบโตอย่างมั่นคง
เป้าหมายของการร่วมทุนระหว่างสมาร์ทฟินน์ กับ SME D Bank ครั้งนี้ เพื่อช่วยขยายการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการรายย่อยเข้าถึงแหล่งทุนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยเงินทุนจากการร่วมลงทุนนี้ จะถูกนำไปใช้ในการพัฒนาธุรกิจตามแผนงานที่วางไว้ อาทิ การขยายพื้นที่ให้บริการรับขายฝากอสังหาริมทรัพย์จากเดิมครอบคลุมอยู่ในพื้นที่ กรุงเทพฯ ปริมณฑล และหัวเมืองใหญ่ๆ ใน 46 จังหวัด ตั้งเป้าขยายพื้นที่รับขายฝากอสังหาริมทรัพย์ให้ครอบคลุมต่างจังหวัดมากขึ้น รวมถึงขยายผลสัมฤทธิ์ด้านทีมงาน การตลาด และการเชื่อมต่อเทคโนโลยีการเงิน สร้างประโยชน์สนับสนุนให้ธุรกิจ SMEs และบุคคลทั่วไป ได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนถูกกฎหมายอย่างสะดวก และรวดเร็ว พร้อมขับเคลื่อนและผลักดันเศรษฐกิจไทยให้เติบโตต่อไป
และในระยะยาวกองทุน SMES (กองทุนย่อยที่ 1) จะช่วยขยายตลาดของสมาร์ทฟินน์และสร้างรากฐานที่มั่นคง เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการนำบริษัทเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ในอนาคต การร่วมมือกับ SME D Bank ถือเป็นโอกาสสำคัญที่ช่วยให้สมาร์ทฟินน์สามารถก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง พร้อมผลักดันเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตต่อไปอย่างยั่งยืน” ดร.ปฏิมากร กล่าวสรุป